PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

แรงกระแทกทางเศรษฐกิจในระยะยาว



เตรียมรับแรงกระแทกทางเศรษฐกิจในระยะยาวกันได้แล้วครับ เรากำลังเข้าสู่สงครามเศรษฐกิจอีกครั้งไม่ต่างกับหลายๆ ครั้งที่เราต้องเผชิญมาแล้วในอดีต

ข้อมูลจากสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ ที่ออกมาเมื่อวันก่อนนั้น การส่งออกของไทยเดือน มิ.ย.2558 ยังคงหดตัวโดยมีมูลค่า 18,161.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 7.87% ไทยเกินดุลการค้า 150 ล้านเหรียญ นั้นผมมองว่าเรื่องนี้คงไม่เกี่ยวกับการเมืองสักเท่าไรเพราะมันไปในทิศทางเดียวกับสภาพเศรษฐกิจโลกที่กำลังซื้อต่ำมาต่อเนื่อง ถ้าจะดูย้อนหลังไปหกเดือน ม.ค.-มิ.ย.58 มีมูลค่า 106,855.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 4.84% ไทยเกินดุลการค้า 3,472.7 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าตัวหลักภาคอุตสาหกรรมที่เคยสร้างเงินเข้าประเทศก็ขายได้น้อย ลงเป็นเพราะการชลอตัวทางเศรษฐกิจของยุโรปและอเมริกาเอง ไม่กี่ยวกับการเมืองของไทยสักเท่าไร แต่มันก็บอกได้อย่างหนึ่งว่าเรายังไม่ฟื้น และมีโอกาสที่ยังจะดิ้น ประงาบ ประงาบ ต่อไปอีกนานพอสมควร

ผมคงไม่แจงรายละเอียดให้อ่านว่าเราส่งออกอะไรแล้วติดลบบ้าง ลองไปหาอ่านเอาจากหน้าเว็บกระทรวงพานิขเอากันเองครับ เวลานี้เรายังไม่โดนกำแพงภาษีจากยุโรปและอเมริกา เรายังไม่โดนแบ็กลิสต์ทางการค้า แต่ในอนาคตเรายังไม่แน่ ถึงเวลานี้เราคงวางแผนของธุรกิจระดับองค์กรจนถึงระดับประเทศใหม่จากเป้าหมายของการโดนเล่นงานในช่วงเวลาข้างหน้าที่เราจะโดนต่อไปในบางเรื่อง เราคงต้องโดนอยู่ในกลุ่ม Tier 3 ที่โดนลากขาไปถึงธุรกิจส่งออกผลิตภัณฑ์ประมง และเรื่องปัญหาธุรกิจการบิน ไปอีกนานจนกว่าเราจะมีรัฐบาลใหม่ที่ถูกใจอเมริกาและยุโรป ซึ่งเวลานี้ผมก็ไม่แน่ใจว่ารัฐบาลใหม่ตามรัฐธรรมนูญใหม่นั้นยังจะปลอดทหารหรือไม่ นายกจะเป็นใคร รูปแบบการเมืองในอนาคตจะอย่างไรก็ไม่อาจจะคาดเดาได้ ถ้าอุตสาหกรรมประมงของเราโดนเล่นงาน ปลาทูน่ากระป๋องของเราที่ส่งออกเป็นอันดับหนึงของโลกก็คงต้องกลายเป็นอดีต อาหารทะเลแช่แข็ง กุ้งสดแช่แข็งและแปรรูป ที่เคยครองตลาดเป็นเจ้าใหญ่คงต้องลดปริมาณลงแบบน่าตกใจ และน่าจะรวมถึงข้าวด้วยที่เราเคยส่งออกเป็นอันดับหนึ่งของโลกก็น่าจะมีผลกระทบไม่ใช่น้อย

เวลานี้รัสเซียก็ยังไม่เอาผ้าพันแผลออกจากการที่โดนโจมตีค่าเงินปีที่แล้ว เงินรายได้หลักเข้าประเทศจากการขายพลังงานก็ลดต่ำลงไปตลอดเวลา จีนก็ฟองสบู่แตก และยังแตกไปเรื่อยๆ ไม่หยุดง่ายๆ แม็คคินซีย์ แอนด์ โค ได้เคยให้ตัวเลขเมื่อต้นปีว่า หนี้โลกใบนี้รวมกันแล้วทะลุ 200 ล้านล้านดอลลาร์ไปไกลพอสมควร ซึ่งส่วนมากคือหนี้จากอเมริกา

ส่วนจีนนั้น จีนยังมีหนี้สินภาคครัวเรือนเกือบครึ่งหนึ่งที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเสี่ยงต่อปัญหาซับไพร์ม และมีการกู้ยืมเงินในประเทศเพิ่มขึ้น 4 เท่า ตั้งแต่ปี 2550 ทำให้ปัจจุบันจีน มีหนี้สินสูงถึง 282% ของจีดีพี หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าจากปี 2550 ดังนั้นการชลอตัวของภาคเศรษฐกิจของจีนตั้งแต่ปีหน้านั้นอาจจะเห็นจีนเบรคหัวทิ่มเอาง่ายๆ

เรามีปัญหาเรื่องตลาดในอนาคตแน่ๆครับ เรามีสินค้าแต่ไม่มีตลาดจะขาย ผมคิดว่าเวลานี้รัฐบาลของเราคงต้องตั้งวอร์รูมในเรื่องนี้เป็นการเร่งด่วนเป็นวาระแห่งชาติอีกเรื่องหนึ่งในการหาตลาดใหม่มาทดแทนตลาดเก่าที่เราอาจจะต้องเสียไป

ผมสงสารเด็กไทยที่จะจบการศึกษาในปีนี้และปีหน้าไปอีกสามปีครับ เหมือนที่ผมสงสารพวกเขาในปี 41 ว่าพวกเขาจบการศึกษามาก็จะเจอสภาพตกงานไปกว่าครึ่ง หรือมีงานทำแต่ก็เงินน้อยงานหนักเหมือนทาส แต่ไม่มีโอกาสที่จะเลือกทางเดินที่ดีกว่านี้

เครดิตภาพ ฟรีดิจิตอลโฟโต้

ไม่มีความคิดเห็น: