08102558 40 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน : เกาะไหหลำบนเส้นทางสายไหม-ทางทะเล
โดย : สุกัญญา หาญตระกูล
โดย : สุกัญญา หาญตระกูล
ข้อเสนอ One Belt and One RoadInitiative เป็นชื่อทางการจีนใช้ หมายถึง เส้นทางสายไหม-ทางทะเลนี่เอง
จะเปิดศักราชใหม่ทางการค้าและทางยุทธศาสตร์ความมั่นคงในภูมิภาคและในโลกอย่างยิ่ง อาจจะมากยิ่งกว่าเส้นทางสายไหม-ทางบกที่เคยมีเส้นเดียวในอดีตเสียอีก
ไหโข่ว (Haikou) เมืองหลวงของเกาะไหหลำ ก็จะเปลี่ยนสถานภาพไปมากทีเดียว เพราะจะเป็นเมืองท่าหนึ่ง บนเส้นทางการค้าการเชื่อมโยงทางทะเลแห่งความฝันอันยิ่งใหญ่ของจีนสายนี้
จากที่แต่ไหนแต่ไร ไหโข่วไม่เคยสามารถเทียบเคียงอะไรได้เลย กับเมืองใหญ่เมืองท่าใดบนฝั่งตะวันออกของผืนแผ่นดินใหญ่ หรือเกาะไต้หวันเกาะฮ่องกง
ไม่ว่าจะเรื่องการค้า การพาณิชย์ การส่งเข้าส่งออกและความทันสมัยอื่นๆ ยังไม่ทันไร ขณะนี้ไหโข่วก็ได้รับการขัดสีฉวีวรรณให้พ้นสภาพเมืองในเกาะบ้านนอก
มีตึกระฟ้าเต็มเมือง สนามบินทันสมัย ถนนหนทางเข้าตัวเมืองได้มาตรฐาน ความสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยบ้านเมืองสองข้างทางน่าประทับใจ นับว่ากินขาด
เส้นทางจากสนามบินสุวรรณภูมิของเราเข้าสู่ตัวเมืองกรุงเทพฯ เป็นสัญญาณว่าจีนเอาแน่ตามแผนพัฒนาเปลี่ยนโฉมเกาะไหหลำ จากเกาะไกลปืนเที่ยงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว มีความพร้อมระดับ 5 ดาว ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากตะวันตกแบบเดียวกับเกาะบาหลี เกาะภูเก็ต เลยทีเดียว
ไม่ว่าจะเรื่องการค้า การพาณิชย์ การส่งเข้าส่งออกและความทันสมัยอื่นๆ ยังไม่ทันไร ขณะนี้ไหโข่วก็ได้รับการขัดสีฉวีวรรณให้พ้นสภาพเมืองในเกาะบ้านนอก
มีตึกระฟ้าเต็มเมือง สนามบินทันสมัย ถนนหนทางเข้าตัวเมืองได้มาตรฐาน ความสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยบ้านเมืองสองข้างทางน่าประทับใจ นับว่ากินขาด
เส้นทางจากสนามบินสุวรรณภูมิของเราเข้าสู่ตัวเมืองกรุงเทพฯ เป็นสัญญาณว่าจีนเอาแน่ตามแผนพัฒนาเปลี่ยนโฉมเกาะไหหลำ จากเกาะไกลปืนเที่ยงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว มีความพร้อมระดับ 5 ดาว ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากตะวันตกแบบเดียวกับเกาะบาหลี เกาะภูเก็ต เลยทีเดียว
เมื่อปี 2532 ไหโข่วจัดประชุมครั้งใหญ่ของชาวไหหลำโพ้นทะเล
พ่อกับแม่ได้กลับไปเกาะไหหลำอีกครั้ง เมืองไหโข่วพัฒนาขึ้น
ดูจากรูปถ่ายก็รู้ว่า เมืองไหโข่วเปลี่ยนไปไม่น้อย
จากที่พ่อกับแม่กลับไปครั้งแรก ประมาณปี 2520 กว่าๆ ครั้งนั้นจำได้
แม่เล่าขนาดว่าโรลพลาสติกม้วนผม ญาติพี่น้องยังขอไว้ใช้
อีกเพียง 10 กว่าปีให้หลังเอง ทั้งถนนหนทาง โรงแรมและการคมนาคมดีขึ้นผิดหูผิดตา ญาติพี่น้องในหมู่บ้านไม่ได้ขาดแคลนข้าวของเครื่องใช้เหมือนแต่ก่อน
เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย รองเท้า ฯลฯ ทุกอย่างมีพร้อม อุดมกว่าเดิม
พ่อกับแม่ได้กลับไปเกาะไหหลำอีกครั้ง เมืองไหโข่วพัฒนาขึ้น
ดูจากรูปถ่ายก็รู้ว่า เมืองไหโข่วเปลี่ยนไปไม่น้อย
จากที่พ่อกับแม่กลับไปครั้งแรก ประมาณปี 2520 กว่าๆ ครั้งนั้นจำได้
แม่เล่าขนาดว่าโรลพลาสติกม้วนผม ญาติพี่น้องยังขอไว้ใช้
อีกเพียง 10 กว่าปีให้หลังเอง ทั้งถนนหนทาง โรงแรมและการคมนาคมดีขึ้นผิดหูผิดตา ญาติพี่น้องในหมู่บ้านไม่ได้ขาดแคลนข้าวของเครื่องใช้เหมือนแต่ก่อน
เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย รองเท้า ฯลฯ ทุกอย่างมีพร้อม อุดมกว่าเดิม
อย่างไรก็ดี เกาะไหหลำที่ผู้เขียนเพิ่งได้เห็นมาเมื่อเดือนมิถุนายน
มีความเปลี่ยนแปลงอย่างไม่รู้จะเปรียบเทียบอย่างไร
จากเดิมที่เคยได้ยินและได้เห็นจากภาพสมัยก่อน
แค่ตลาด-องเขี่ยน ที่เป็นตลาดระดับอำเภอใกล้หมู่บ้านเหลี่ยมทิของพ่อ ในจังหวัดบ่วนเซียว
ผู้เขียนก็รู้สึกว่าตลาด-องเขี่ยน ช่างคึกคักกว้างขวางกว่าตลาดอำเภอเมืองพะเยา ที่เป็นตลาดระดับจังหวัดเสียอีก เล่นเอารู้สึกแปลกๆ งงๆ กับความเป็นจริงที่ว่าเมืองพะเยาในวันนี้ดูเล็กและคึกคักน้อยกว่าตลาด-องเขี่ยน
ขัดกับความรู้สึกที่ตลอดเวลาผู้เขียนเติบโตมาอย่างที่มีความนึกคิดว่า
เมืองพะเยาคึกคักใหญ่กว่าแหล่งแห่งที่พ่อตัดสินใจจากมาอย่างแน่นอน
มีความเปลี่ยนแปลงอย่างไม่รู้จะเปรียบเทียบอย่างไร
จากเดิมที่เคยได้ยินและได้เห็นจากภาพสมัยก่อน
แค่ตลาด-องเขี่ยน ที่เป็นตลาดระดับอำเภอใกล้หมู่บ้านเหลี่ยมทิของพ่อ ในจังหวัดบ่วนเซียว
ผู้เขียนก็รู้สึกว่าตลาด-องเขี่ยน ช่างคึกคักกว้างขวางกว่าตลาดอำเภอเมืองพะเยา ที่เป็นตลาดระดับจังหวัดเสียอีก เล่นเอารู้สึกแปลกๆ งงๆ กับความเป็นจริงที่ว่าเมืองพะเยาในวันนี้ดูเล็กและคึกคักน้อยกว่าตลาด-องเขี่ยน
ขัดกับความรู้สึกที่ตลอดเวลาผู้เขียนเติบโตมาอย่างที่มีความนึกคิดว่า
เมืองพะเยาคึกคักใหญ่กว่าแหล่งแห่งที่พ่อตัดสินใจจากมาอย่างแน่นอน
แต่ที่ไหนได้ ตกกลางคืน เพียงทุ่มหนึ่ง มองจากหน้าต่างโรงแรมที่พักบนถนนใกล้ตลาด-องเขี่ยน ถนนหนทางเงียบลงถนัดใจ ร้านรวงปิดไปตั้งแต่สี่ห้าโมง มีแสงไฟเปิดอยู่หน้าร้านบางแห่ง รถจอดอยู่บนถนนประปราย
ผู้เขียนถึงเริ่มรู้สึกว่า ที่นี่ไม่ต่างจากตลาดเมืองพะเยานัก ที่พอค่ำก็เงียบสงบลง ตามแบบฉบับเมืองในต่างจังหวัด ไม่ว่าจะใหญ่คึกคักตอนกลางวันแค่ไหน ย่อมไม่มีชีวิตกลางคืนเหมือนเมืองใหญ่เมืองหลวงที่ไฟฟ้าสว่างไสวไปจนถึงหลังเที่ยงคืน
ขนาดใกล้โรงแรมเล็กที่เราพักอยู่ มีงิ้วไหหลำเล่นสามคืน ฉลองเจ้าของโรงแรมใหญ่ได้ลูกชายสมใจนึก สามทุ่มก็เล่นจบ
ผู้เขียนออกไปชมกับเขาด้วย คนในตลาดและหมู่บ้านรอบๆ มารอชมตั้งแต่หัวค่ำ มากันเป็นครอบครัวสองสามชั่วคน เด็กเล็กมากมายอออยู่หน้าเวที ซึ่งตั้งกลางแจ้ง ผู้ชมมีเก้าอี้นั่งบ้างแต่ยืนมากกว่า บรรยากาศเหมือนกับตอนวัยเด็กของผู้เขียนปี 2500 กว่าๆ เวลามีงิ้วไหหลำมาเล่นที่เวียงแก้ว ใกล้ๆ ตลาดเมืองพะเยา อย่างไรอย่างนั้น
ผู้เขียนถึงเริ่มรู้สึกว่า ที่นี่ไม่ต่างจากตลาดเมืองพะเยานัก ที่พอค่ำก็เงียบสงบลง ตามแบบฉบับเมืองในต่างจังหวัด ไม่ว่าจะใหญ่คึกคักตอนกลางวันแค่ไหน ย่อมไม่มีชีวิตกลางคืนเหมือนเมืองใหญ่เมืองหลวงที่ไฟฟ้าสว่างไสวไปจนถึงหลังเที่ยงคืน
ขนาดใกล้โรงแรมเล็กที่เราพักอยู่ มีงิ้วไหหลำเล่นสามคืน ฉลองเจ้าของโรงแรมใหญ่ได้ลูกชายสมใจนึก สามทุ่มก็เล่นจบ
ผู้เขียนออกไปชมกับเขาด้วย คนในตลาดและหมู่บ้านรอบๆ มารอชมตั้งแต่หัวค่ำ มากันเป็นครอบครัวสองสามชั่วคน เด็กเล็กมากมายอออยู่หน้าเวที ซึ่งตั้งกลางแจ้ง ผู้ชมมีเก้าอี้นั่งบ้างแต่ยืนมากกว่า บรรยากาศเหมือนกับตอนวัยเด็กของผู้เขียนปี 2500 กว่าๆ เวลามีงิ้วไหหลำมาเล่นที่เวียงแก้ว ใกล้ๆ ตลาดเมืองพะเยา อย่างไรอย่างนั้น
เอาเข้าจริงๆ จึงได้เห็นว่า ตลาด-องเขี่ยน ก็แค่ขนาดใหญ่กว่าตลาดเมืองพะเยา
แต่สิ่งแวดล้อมทางสังคมอื่นๆ องเขี่ยนยังเป็น “เมือง“ (urban) ไม่มาก ค่อนไปทางเป็นชนบท (rural) มากกว่าเมืองพะเยาเสียอีก
ดูจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัวสองสามชั่วคน ความเป็นกันเองของผู้คนในเมืองในตลาด และกับชนบท (social mixing) ไม่ห่างเหินกันแบบปฏิสัมพันธ์คนในเมือง (social distance) สถาบันการศึกษาที่มีไม่กี่แห่ง การมหรสพ ร้านหนังสือ ร้านของเล่นที่มีจำกัด ฯลฯ
แต่สิ่งแวดล้อมทางสังคมอื่นๆ องเขี่ยนยังเป็น “เมือง“ (urban) ไม่มาก ค่อนไปทางเป็นชนบท (rural) มากกว่าเมืองพะเยาเสียอีก
ดูจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัวสองสามชั่วคน ความเป็นกันเองของผู้คนในเมืองในตลาด และกับชนบท (social mixing) ไม่ห่างเหินกันแบบปฏิสัมพันธ์คนในเมือง (social distance) สถาบันการศึกษาที่มีไม่กี่แห่ง การมหรสพ ร้านหนังสือ ร้านของเล่นที่มีจำกัด ฯลฯ
หากเปรียบเทียบตลาด-องเขี่ยน และคนที่นั่นกับเมืองไหโข่ว ซึ่งอยู่ใกล้กันขนาด 70-80 กิโลเมตร
ไหโข่วเป็นเมือง (urban) เต็มขั้น องเขี่ยนเป็นชนบท (rural) สุดๆ
ไหโข่วเป็นเมือง (urban) เต็มขั้น องเขี่ยนเป็นชนบท (rural) สุดๆ
ไหโข่วเป็นเมืองระดับเมกาด้วยซ้ำไป เมื่อเทียบกับเมืองระดับจังหวัดใกล้ๆ และทุกเมืองบนเกาะไหหลำกระมัง
เอาเป็นว่า นับจากเมืองไหโข่วทางฝั่งตะวันออก และเมืองซันย่าทางทิศใต้ ที่เป็นด่านหน้าของความทันสมัย ลึกเข้าไปเรื่อยๆ
ผ่านตอนกลางของเกาะไหหลำไปทางตะวันตก ความเป็นสังคมเกษตร-ชนบทในระยะเปลี่ยนผ่านมาเป็นสังคมเมืองยังเห็นชัดเจนมาก
มองจากมุมนี้ ไหโข่วก็คล้ายกับเมืองการค้าเมืองท่าใหญ่ๆ ทางฝั่งตะวันออกบนแผ่นดินใหญ่ ที่เมื่อลึกเข้าไปทางด้านหลังมากขึ้นในแผ่นดินทางตะวันตก
ความเป็นสังคมชนบทก็ยิ่งมากขึ้น หมายถึงความแตกต่างทางเศรษฐกิจรายได้ด้วย
ผ่านตอนกลางของเกาะไหหลำไปทางตะวันตก ความเป็นสังคมเกษตร-ชนบทในระยะเปลี่ยนผ่านมาเป็นสังคมเมืองยังเห็นชัดเจนมาก
มองจากมุมนี้ ไหโข่วก็คล้ายกับเมืองการค้าเมืองท่าใหญ่ๆ ทางฝั่งตะวันออกบนแผ่นดินใหญ่ ที่เมื่อลึกเข้าไปทางด้านหลังมากขึ้นในแผ่นดินทางตะวันตก
ความเป็นสังคมชนบทก็ยิ่งมากขึ้น หมายถึงความแตกต่างทางเศรษฐกิจรายได้ด้วย
เส้นทางสายไหม-ทางทะเลในอนาคต จะมีส่วนช่วยลดหรือเพิ่มช่องว่างความแตกต่างระหว่างความเป็นชนบท/เมือง (rural/urban) ให้กับเกาะไหหลำและเมืองจีนอย่างไร
ใครเล่าจะหาญตอบ
จนถึงขณะนี้หลายประเทศบนแผนที่เส้นทางสายไหม-ทางทะเล โดยเฉพาะกลุ่มประเทศอาเซียน ยังไม่แสดงทีท่าเด่นชัดว่า เป็นปลื้มหรือไม่กับเส้นทางนี้
เพราะอาเซียนมีเครือข่ายเชื่อมโยงที่ไม่น้อยหน้า มีเพียงประเทศในเอเซียใต้
เช่น ศรีลังกาและปากีสถานเท่านั้น ที่ร่าเริงขานตอบความฝันของจีน
ใครเล่าจะหาญตอบ
จนถึงขณะนี้หลายประเทศบนแผนที่เส้นทางสายไหม-ทางทะเล โดยเฉพาะกลุ่มประเทศอาเซียน ยังไม่แสดงทีท่าเด่นชัดว่า เป็นปลื้มหรือไม่กับเส้นทางนี้
เพราะอาเซียนมีเครือข่ายเชื่อมโยงที่ไม่น้อยหน้า มีเพียงประเทศในเอเซียใต้
เช่น ศรีลังกาและปากีสถานเท่านั้น ที่ร่าเริงขานตอบความฝันของจีน
- See more at:http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/635780…
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น