PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558

อย่าเพิ่งดีใจ โดย วสิษฐ เดชกุญชร


07102558 อย่าเพิ่งดีใจ โดย วสิษฐ เดชกุญชร

พรรคพวกเพื่อนฝูงของผมกำลังดีอกดีใจที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอ ชา นายกรัฐมนตรี เดินทางกลับจากการประชุมสมัชชาสหประชาชาติมาถึง เมืองไทยเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ด้วยชัยชนะอันงดงาม

ในฐานะที่ผมเป็นผู้หนึ่งซึ่งเชิญชวนคนไทยทั้งในและต่างประเทศ ให้ ช่วยกันสนับสนุนท่านนายกรัฐมนตรีด้วย ผมจึงต้องยินดีด้วยเป็นธรรมดา

แต่คนแก่อย่างผมเห็นความเป็นอนิจจังของโลกมากว่า 80 ปีแล้ว

นอกจากจะแก่ผมยังมีโชค (หรือเคราะห์) เคยผ่านการฝึกอบรมวิชา ข่าวกรองมาแล้วหลายหลักสูตร ทั้งจากอังกฤษ ออสเตรเลีย และสหรัฐ อเมริกา ที่ออสเตรเลียนั้นเขาให้ผมเรียนร่วมกับเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของรัฐ บาลออสเตรเลีย เพื่อนร่วมรุ่นของผมเคยได้รับแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการองค์ การข่าวกรองเพื่อความมั่นคงของชาติ (Australian Security Intelligence Organization เรียกย่อว่า ASIO) ส่วนที่อเมริกานั้น สำนักงานข่าวกรอง กลางของสหรัฐหรือ Central Intelligence Agency (ที่เรียกย่อว่า CIA) เช่า อพาร์ตเมนต์ให้ผมอยู่คนเดียวแล้วส่งอาจารย์ไปสอนเฉพาะตัวจนจบหลัก สูตร เรียนจบแล้วกลับมาเมืองไทย CIA ยังมีหนังสือตามมาแจ้งผู้บังคับการ ตำรวจสันติบาลนายของผมว่า ถ้ามีปริญญาให้ผมควรจะได้เป็นมหาบัณฑิต ทางข่าวกรอง

เพราะแก่และเคยเรียนข่าวกรองมาหลายสำนัก ผมจึงยังไม่ยินดี 100 เปอร์เซนต์ ที่ท่านนายกรัฐมนตรีนำชัยชนะกลับมา

ผมเชื่อว่าฝ่ายที่ไม่หวังดีต่อท่านนายกรัฐมนตรีและไม่หวังต่อเมืองไทยยังกำลังทำอะไรอย่างอื่นอีกหลายๆอย่าง เพื่อทำลายท่านและทำความไม่ สงบให้แก่เมืองไทยอยู่

เหตุบ่งชี้มีหลายอย่างหลายประการ เหตุหนึ่งก็คือการวางระเบิดที่ ศาลท้าวมหาพรหม ที่สี่แยกราชประสงค์เมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านไป ซึ่งยิ่งสืบสวนสอบสวนก็ยิ่งแลเห็นชัดขึ้นๆว่า ผู้ต้อง สงสัยพัวพันกับผู้ต้อง หาในคดีอื่นๆก่อนหน้านี้ ซึ่งสนับสนุนนายทักษิณและพรรคพวก

และเกือบจะในทันทีที่ท่านนายกรัฐมนตรีเดินทางกลับมาถึงเมืองไทย สำนักข่าวบีบีซีไทยก็ที่จะเลือกเสนอและเผยแพร่บทความที่อ้างว่าเป็นของบุคคลภายนอก บทความที่กล่าวนี้เห็นได้ชัดว่าเขียนขึ้นด้วยอคติ และมีข้อ ความดูแคลน พล.อ.ประยุทธ์ โดยหาว่าที่นิวยอร์กท่านพบแต่กับ กลุ่มผู้ สนับสนุน แต่ไม่พบกับผู้ประท้วง ซึ่งในทัศนะของผู้เขียนสะท้อนให้ “ชาว โลก” เห็นว่าสังคมไทยยัง “ห่างไกลความสมานฉันท์ยิ่งนัก” 

นอกจากนั้น ผู้เขียนยังพยายามที่จะให้ผู้อ่านเข้าใจว่าการถ่ายภาพกับประธานาธิบดีบารักโอบามาของท่านนายกรัฐมนตรีเป็นผลของความพยายามของเจ้าหน้าที่รัฐ บาลไทย และฝ่ายสหรัฐยอมให้ถ่ายภาพ “หลังจากเจรจาต่อรองกันอยู่นาน” บทความที่บีบีซีนำไปเผยแพร่ยังสรุปด้วยว่า การไปประชุมสมัชชา สหประชาชาติของท่านนายกรัฐมนตรีนั้น “ไม่แน่ว่าช่วยให้ (พล.อ.ประ ยุทธ์) โดดเด่นหรือกลายเป็นที่ยอมรับนับถือในชุมชนนานาชาติ เพราะ นโยบายแห่งการปิดกั้นเสรีภาพ ละเมิดสิทธิมนุษยชนในบ้านยังคงดำเนิน อยู่ต่อไป”

บีบีซีไทยออกตัวไว้ในหมายเหตุว่าบทความนี้เขียนโดย “ผู้ที่ติดตาม การประชุมอย่างใกล้ชิด ทราบธรรมเนียมการประชุม” แต่ข้อความในบท ความนั้นเมื่ออ่านแล้วก็จะเห็นชัดว่าผู้เขียนไม่จำเป็นที่จะต้อง “ติดตามการ ประชุมอย่างใกล้ชิด” และไม่จำเป็นต้องรู้ “ธรรมเนียมการประชุม” เพียงแค่ ใช้จินตนาการก็เขียนได้ ที่สำคัญก็คือสำนวนการเขียนนั้นเห็นได้ชัดว่า มุ่ง จะทำลายความน่าเชื่อถือในตัวท่านนายกรัฐมนตรี

เพราะฉะนั้น แม้จะยินดีเพียงใดที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายก รัฐมนตรีได้รับความสำเร็จในการเดินทางไปประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ครั้งนี้ แต่ก็ยังไม่ถึงเวลาที่เราควรจะนอนใจและคิดว่า ผู้ไม่หวังดีจะไม่ทำ อะไรแก่เมืองไทยและแก่ท่านนายกรัฐมนตรีต่อไปอีก ตรงกันข้าม เราควรจะช่วยกันระมัดระวังสอดส่องเป็นหูเป็นตา บอกกล่าว และพร้อมที่จะรับมือกับการบ่อนทำลายเมืองไทยครั้งต่อไปด้วย.

ไม่มีความคิดเห็น: