PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558

โอบามาสั่ง CIA ให้ฝึกกลุ่มนักรบ ISIS : เปิดเผยเอกสารที่ “ไม่ลับ”อีกต่อไป



โอบามาสั่ง CIA ให้ฝึกกลุ่มนักรบ ISIS : เปิดเผยเอกสารที่ “ไม่ลับ”อีกต่อไป
นักรบไอซิสก่อนที่จะลงมือตัดศีรษะฝ่ายตรงข้าม (ภาพจากอินเตอร์เน็ต)
Last updated: 4 October 2015 | 13:35
เบื้องหลังสหรัฐหนุนหลังกลุ่มไอซิส“นักตัดคอโชว์ผ่านวิดีโอ”ทั้งฝึกอาวุธและให้อาวุธเพื่อโค่นรัฐบาลซีเรีย ทำให้เกิดสงครามกลางเมืองยาวนาน จนกระทั่งรัสเซียได้รับการร้องขอจากอัล-อัสซาดเข้าไปจัดการปัญหาในซีเรีย
เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2558 สำนักข่าวหลายแห่งได้เสนอข่าวว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา เป็นผู้สั่งการให้ซีไอเอฝึกนักรบกลุ่มไอซิส (ISIS =the Islamic State of Iraq and Syria) โดยเอกสารที่ถูกเปิดเผยนี้มาจากกลุ่มเฝ้ามองระบบยุติธรรมหรือ  Judicial Watch
การฝึกนักรบไอซิสที่ชอบนำวิดีโอตัดหัวคนออกมาเสนอต่อชาวโลกนั้นก็หวังว่ากลุ่มไอซิสจะช่วยโค่นรัฐบาลบาชาร์ อัล-อัสซาดแห่งซีเรียให้หมดไปจากอำนาจ
การฝึกดังกล่าวซีไอเอจะใช้หน่วยฝึก 2 หน่วยคือเจ้าหน้าที่ซีไอเอโดยตรงและอีกหน่วยหนึ่งเป็นครูฝึกรับจ้าง (contractors) ฝึกนักรบเหล่านี้โดยใช้พื้นที่ของประเทศจอร์แดนเป็นสนามฝึกเมื่อปี 2012
จากรายงานพบว่าเป้าหมายดั้งเดิมของสหรัฐเพื่อที่จะทำให้รัฐบาลซีเรียอ่อนกำลังลง สาเหตุเพราะสหรัฐมองว่ารัฐบาลอัล-อัสซาด ทำสงครามก่ออาชญากรรมกับประชาชนของตัวเอง 
แต่ในความเป็นจริงแล้วเมื่อซีไอเอฝึกกลุ่มกบฎซีเรีย (Syrian rebels) กลุ่มเหล่านี้กลับเป็นสมาชิกของ ISIS ทั้งสิ้น
สำหรับเอกสารที่กลุ่ม Judicial Watch ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรได้มาเกิดจากการยื่นฟ้องรัฐบาลกลางและศาลสั่งให้เปิดเผยเอกสาร โดยเป้าหมายของกลุ่มคือการสอบสวนการคอร์รัปชั่นและการใช้อำนาจไปในทางที่ผิด (corruption and abuse) ของรัฐบาลสหรัฐ
เอกสารดังกล่าวมีมากกว่า 100 หน้าได้รับมาจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐ (เพนตากอน)และกระทรวงการต่างประเทศ
เอกสารส่วนหนึ่งที่ออกมาจากสำนักงานข่าวกรองกลาโหม ( the Defense Intelligence Agency =DIA) ระบุว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามาและกลุ่มมิตรประเทศของสหรัฐพิจารณาจัดตั้งกลุ่มซาลาฟิสท์(Salafist organization )ขึ้นทางตะวันออกของซีเรียเพื่อกระหน่ำให้รัฐบาลอัล-อัสซาด ถูกโค่นเร็วยิ่งขึ้น 
และนี่คือสิ่งที่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรียต้องการ เพื่อทำให้รัฐบาลซีเรียถูกโดดเดี่ยวมากยิ่งขึ้นรายงานของ  DIA ระบุ  
สำหรับกลุ่ม Salafists เป็นกลุ่มมุสลิมสุหนี่หัวรุนแรงและเป็นสาขาหนึ่งของกลุ่มวาห์ฮาบิ( Wahhabi)ในซาอุดิ อาระเบีย   
เอกสารเหล่านี้ยังถูกแจกจ่ายไปยังหน่วยงานต่างๆของสหรัฐอาทิเช่นสำนักงานบัญชาการรบกลาง (the U.S. Central Command =CENCOM), หน่วยข่าวกรองกลาง(CIA), สำนักงานสืบสวนกลาง (FBI), กระทรวงความมั่นคงภายในสหรัฐ (the Department of Homeland Security =DHS) ,กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง 
เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองทหารยังได้ให้คำเตือนไว้ในเอกสารว่าหากสงครามกลางเมืองในซีเรียเสียหายมากเท่าใด จะต้องระวังผลกระทบที่จะไปเกิดขึ้นกับรัฐบาลอิรักอันเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ยังเปราะบาง
หากเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นหน่วยข่าวกรองประเมินว่าจะทำให้กลุ่มอัล-กอห์อิดะในอิรัก ( al-Qaida in Iraq =AQII) กลับเข้าไปยึดครองเมืองโมซุลและเมืองรามาดิในอิรักได้  (ทั้งสองเป็นเมืองใหญ่ที่อัล-กอห์อิดะเคยยึดครองมาแล้ว)
DIA ยังประเมินว่ากลุ่มไอซิสคงจะประกาศเรื่องนี้ผ่านไปยังหัวหน้ากลุ่มศาสนาที่สัมพันธ์กับกลุ่มก่อการร้ายในอิรักและซีเรีย  รวมทั้งกลุ่มที่ฝ่ายบริหารโอบามาเรียกว่า แกนหลักกอห์อิดะ (core al-Qaida) ซึ่งหมายถึงกลุ่มอัล-กอห์อิดะในคาบสมุทรอาระเบียนทั้งมวล
เอกสารที่ถูกเปิดเผยขึ้นมาเป็นการยืนยันว่าสหรัฐ,กลุ่มสหภาพยุโรปและชาติอื่นๆมองเห็นว่ากลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง ISIS ถือเป็น ทรัพย์สินทางยุทธศาสตร์ที่จะให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ในซีเรีย 
สำหรับผลที่ตามมาทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นในบางส่วนของอิรัก นับตั้งแต่กลุ่มไอซิสก้าวข้ามพรมแดนของซีเรียออกมาตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน 2014
การขนย้ายอาวุธให้ไอซิส
เอกสารที่กลุ่ม Judicial Watch ได้รับมาเปิดเผยว่าฝ่ายบริหารโอบามายังเป็นห่วงเรื่องการขนย้ายอาวุธ ทั้งนี้ได้ขนจากเมืองเบงกาซีในลิเบียไปให้กองกำลังฝ่ายกบฎ,สมาชิกกลุ่มไอซิส,กลุ่มแนวร่วมอัล-นุสรา (Al-Nusra Front) รวมทั้งกลุ่มก่อการร้ายมุสลิมอื่นๆในซีเรีย 
เมื่อเดือนตุลาคม 2012 รายงานยืนยันว่า อาวุธเหล่านี้เป็นของอดีตทหารลิเบียที่ถูกสะสมไว้ จากนั้นถูกส่งออกจากเมืองท่าเบงกาซีของลิเบียไปยังเมืองท่าบาเนียส์ (Port of Banias) และเมืองท่าบอร์ อิลสาม (Port of Borj Islam) ในประเทศซีเรีย
อาวุธที่ส่งออกปลายเดือนสิงหาคม 2012 ประกอบด้วยปืนยาวลอบสังหาร(Sniper rifles),จรวด RPG, ปืนใหญ่ขนาด 125 มม.และ 155มม.
สิ่งที่เกิดตามมาถึงกับช้อค เมื่อเจ้าหน้าที่ทูตสหรัฐ 4 คนถูกสังหารรวมทั้งเอกอัครราชทูตด้วยโดยฝีมือของนักรบจิฮาด ก็เกิดขึ้นหลายสัปดาห์หลังจากอาวุธเหล่านี้ถูกส่งออก    
เอกสารเปิดเผยด้วยว่าภายหลังจากรัฐบาลโมอัมมาร์ กัดดาฟี ถูกโค่นและกัดดาฟีเองถูกสังหารเมื่อเดือนตุลาคม 2011 จนกระทั่งเกือบ 1 ปีหรือตกเดือนกันยายน 2012 จึงนำอาวุธทางทหารของลิเบียมารวมกันในคลังอาวุธเมืองเบงกาซี ลิเบีย
จากนั้นอาวุธเหล่านี้ถูกส่งออกทางท่าเรือเมืองเบงกาซีไปยังเมืองท่าอื่นๆของซีเรีย เรือที่ลำเลียงอาวุธเป็นเรือขนาดกลางบรรจุตู้คอนเทนเนอร์ได้ประมาณ 10 ตู้หรือน้อยกว่านี้
ที่มาของข่าว

ผลที่ตามมาจากสงครามกลางเมืองในซีเรียตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา
1.เมื่อผ่านการปฏิวัติโลกอาหรับ (Arab Springs 2011 ) ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในหลายประเทศของโลกอาหรับ แต่ประเทศซีเรีย รัฐบาลอัล-อัสซาดยังอยู่ได้ไม่เปลี่ยนแปลง
ทำให้สหรัฐต้องการโค่นประธานาธิบดีอัล-อัสซาด จึงต้องสร้างกลุ่มต่อต้านขึ้นมาเท่าที่จะทำได้ ด้านหนึ่งรวบรวมกลุ่มประเทศตะวันออกกลางจัดตั้งกองกำลังผสมทางอากาศไปทิ้งระเบิดในซีเรียอ้างว่าปราบกลุ่มไอซิส
ด้านที่สองจัดตั้งกองกำลังกบฎในซีเรียเพื่อต่อต้านรัฐบาลอัล-อัสซาด ฝึกอาวุธและส่งมอบอาวุธให้ฆ่ากันในซีเรีย กลุ่มเหล่านี้รวมถึงกลุ่มไอซิสด้วย จึงกลายเป็นว่าสหรัฐกลับเป็นผู้จัดตั้งกลุ่มไอซิสด้วยตัวเอง  กลุ่มไอซิสชอบตัดศีรษะคนมาประจานผ่านวิดีโอ พูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงอังกฤษ ไม่ใช่สำเนียงอาหรับพูดภาษาอังกฤษ

โปรดสังเกตุชุดของกลุ่มไอซิสที่ควบคุมชายสวมเสื้อสีส้มมาตัดศีรษะ การแต่งกายของไอซิสมีระเบียบเรียบร้อย สวมรองเท้าบู้ทอย่างดี
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทหารนาวิกโยธินสหรัฐหรือทหารมารีนสวมชุดสีเดียวกับกลุ่มไอซิส รวมทั้งรองเท้าก็เหมือนกัน เป็นการยืนยันว่า CIA ไปฝึกอาวุธให้ไอซิสตามคำสั่งของประธานาธิบดีบารัค โอบามา
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
2.มีข่าวว่าคนหนุ่มสาวจากประเทศตะวันตกและประเทศมุสลิมเดินทางไปร่วมรบกับกลุ่มไอซิสจำนวนมาก  น่าจะตีความได้ว่าสหรัฐและประเทศพันธมิตรตะวันตกระดมบุคคลไปช่วยเหลือกลุ่มไอซิสเพื่อโค่นรัฐบาลอัล-อัสซาด
3.ประชาชนตายไปแล้ว 250,000 คน ต้องโยกย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่น 10 ล้านคน อาทิเช่นในเขตประเทศเพื่อนบ้าน  ส่วนหนึ่งหนีสงครามเข้าสู่ยุโรปที่เป็นข่าวคึกโครมตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2015 เป็นต้นมา
4.รัฐบาลรัสเซียได้รับการร้องขอจากรัฐบาลอัล-อัสซาดให้เข้าไปจัดการกลุ่มไอซิส (แลกลุ่มกบฎที่จะโค่นอัล-อัสซาด) รัฐบาลรัสเซียต้องขออนุญาตผ่านรัฐสภาเพื่อจะได้เคลื่อนย้ายกองกำลังทหารออกมานอกประเทศได้อย่างถูกต้อง
เมื่อมีความชอบธรรมในการเข้าไปปักหลักที่ซีเรีย   รัฐบาลรัสเซียสามารถประกาศไปทั่วโลกว่าจะปฏิบัติการทางอากาศ จึงขอให้ประเทศอื่นๆที่ปฏิบัติการอยู่ก่อนหน้าหลีกทางให้
5.รัฐบาลสหรัฐตลอดจนพันธมิตรกลุ่มเนโต้และประเทศในตะวันออกกลางจะต้องคิดหนักเพราะสหรัฐเองก็อ่อนล้าในการทำสงครามปราบปรามการก่อการร้ายในอัฟกานิสถาน,การโค่นรัฐบาลซัดดามในอิรักเพื่อทำให้อิรักมีประชาธิปไตยแบบตะวันตก,การโค่นรัฐบาลกาดาฟีในลิเบีย 
การประเมินความสูญเสียทางการเงินยังมีข้อถกเถียงกันอยู่ระหว่างปี 2003-2010 นั้นสหรัฐใช้เงินไประหว่าง 4-6 ล้านล้านดอลลาร์ เงินเหล่านี้มาจากภาษีอาการของประชาชนส่วนหนึ่งต้องกู้ยืมสถาบันการเงินในประเทศมาทำสงคราม 

First posted: 4 October 2015 | 13:34

ไม่มีความคิดเห็น: