PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2559

ปฎิกริยาสังคมต่อ"สรยุทธ"

กรณีช่องสามและสรยุทธ สุทัศนะจินดา สังคมไทยและคนไทยควรเรียนรู้และตอบสนองอย่างไร?

อาจารย์ ดร. อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
สาขาวิชาวิเคราะห์ธุรกิจและการวิจัย
สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและบริหารความเสี่ยง 
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

ผมไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่ผู้บริหารช่องสาม จะตัดสินใจให้นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ทำหน้าที่พิธีกรรายการเล่าข่าวอะไรพวกนั้นต่อไป รายการเล่าข่าวพวกนี้ผมไม่เคยดูเพราะรู้สึกว่ามันมีแต่ข่าวไร้สาระและผมอ่านเองก็ได้ในหนังสือพิมพ์ ทั้งข่าวเหล่านั้นที่เอามาเล่าก็ไม่ได้มีการวิเคราะห์อะไรที่จะชี้นำสังคมไปในทางที่ก่อให้เกิดปัญญาหรือพัฒนาสังคมไทยแต่ประการใด ทางช่องสามให้เหตุผลว่า รู้จักกันมานาน 12 ปี รู้ดีกว่าทุกคน และคดียังไม่สิ้นสุด แค่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกไป 13 ปี 4 เดือน โดยไม่ลงอาญา กรณี บริษัทไร่ส้มจำกัด โกงเงิน อสมท ทั้งนี้ ทางผู้บริหารช่องสาม ทิ้งท้ายในลักษณะแบ่งรับแบ่งสู้ว่า “นับจากนี้ช่อง 3 ต้องน้อมรับคำวิจารณ์และประเมินท่าทีของสังคมต่อไป แต่มติบอร์ดขณะนี้ ถือเป็นที่สิ้นสุดและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน หากสังคมคิดว่า สุดโต่งก็ต้องน้อมรับ เพราะที่ผ่านมาถือว่า ทำงานเป็นครอบครัวเดียวกัน ต่อจากนี้ความสัมพันธ์ยังเป็นไปตามปกติ” 

คุณชูชาติ ศรีแสงอดีตผู้พิพากษาศาลฎีกาได้เขียนบน Facebook ส่วนตัวว่า 
“.....กรณีที่นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ถูกศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำคุก 13 ปี 4 เดือน ในความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานในหน่วยงานของรัฐกระทำความผิดฐานรับทรัพย์สินที่นายสรยุทธเป็นผู้จ่ายให้เพื่อให้งดการกระทำตามหน้าที่เกี่ยวกับรายได้จากการโฆษณา ตามที่ทราบกันอยู่แล้ว .....มีบุคคลหลายฝ่ายเรียกร้องให้สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 คำนึงถึงจรรยาบรรณของสื่อและจริยธรรม โดยให้นายสรยุทธหยุดดำเนินรายการที่ทำอยู่ทุกวัน 

.....แต่ทางช่อง 3 ยังคงให้นายสรยุทธดำเนินรายการต่อไป โดยมีข้ออ้างข้อหนึ่งว่า นายสรยุทธเป็นเหมือนบุคคลในครอบครัวเดียวกัน

.....ใคร่ขอให้ความเห็นว่า อย่าเสียเวลาเรียกร้องหาจริยธรรมจากช่อง 3 เลย เพราะนายประชา มาลีนนท์ คนในครอบครัวผู้บริหารช่อง 3 ก็ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาลงโทษจำคุกในคดีรถดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร ขณะนี้ก็หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ 

.....เมื่อทางช่อง 3 ยืนยันแล้วว่า นายสรยุทธเป็นเหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน ช่อง 3 จึงต้องถือปฏิบัติต่อนายสรยุทธเช่นเดียวกับนายประชา มาลีนนท์ ครับ”

 ประสบการณ์ตรงในการถูกปฏิเสธที่หลบฝนหน้าอาคารมาลีนนท์ เมื่อกปปส ชุมนุมนั้นผมจำได้ดี วันนั้นฝนตกหนักมาก และพอจะหลบพายุฝน ช่องสามปิดประตูหนีผู้ชุมนุม ไม่ให้เข้าไปหลบฝน ต้องวิ่งกันไปอาคารจอดรถ บรรยากาศมันแย่มาก มีคนหนึ่งหยิบกีต้าร์มาเล่นเพลง และร้องเพลงร่วมกันกลางพายุฝน บรรยากาศเปลี่ยนเป็นดีมาก ในยามมีอุปสรรค มีขวากหนาม ทำให้เรารู้ถึงธาตุแท้ของทุนสามานย์ในระบอบทักษิณ และรู้ว่าในความลำบาก มีดอกไม้ผลิบานในใจคนที่หัวใจไม่เคยแพ้เสมอ

ผมว่าการที่ช่องสามดูถูกความรู้สึกประชาชนและการที่สรยุทธ สุทัศนะจินดา ไม่ได้สำนึกเลยว่าจริยธรรมของสื่อเป็นอย่างไร เราประชาชนและธุรกิจทั่วไป ตลอดจนวิชาชีพสื่อ ควรดำเนินการดังนี้

1. งดดูรายการของช่องสามทุกรายการ เพราะช่องสามย่ำยีความรู้สึกของประชาชน โดยเฉพาะรายการข่าวที่จัดโดยสรยุทธ 

2. งดแชร์ งดพูดถึงนายสรยุทธ สุทัศนจินดา ทำอย่างไรก็ได้ให้นายคนนี้ไม่เป็นข่าวอีกต่อไป ทำให้เป็นโมฆะบุรุษที่ไม่มีใครสนใจ และไม่ต้องสนใจอีกต่อไป

3. ไม่ไปร่วมงานใดๆ กับนายสรยุทธ์ ใครที่ สรยุทธ์ เชิญไปออกรายการก็ไม่ต้องไปอีกต่อไป ให้รายการของสรยุทธ์ ไม่มีแขกรับเชิญ ไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ หากนักข่าวช่องสามจะมาสัมภาษณ์ไปออกรายการของสรยุทธ์

4. ธุรกิจต่างๆ ควรถอนโฆษณาจากรายการของช่องสามและรายการข่าวของสรยุทธ์ สุทัศนจินดาให้หมด จริยธรรมของธุรกิจที่ดีคือไม่ทำการค้ากับธุรกิจที่ไร้จริยธรรม

5. ควรมีตัวแทนคนหรือสองคน คอยดูรายการของสรยุทธ และจดรายชื่อธุรกิจหรือรายชื่อรัฐวิสาหกิจที่ยังไม่ยอมถอนโฆษณาออก มาเผยแพร่ในโลกออนไลน์ทุกวัน ประชาชนก็ร่วมกันบอยคอตไม่ยอมซื้อสินค้า ไม่ไปใช้บริการสำหรับกิจการที่ยังสนับสนุนรายการของสรยุทธอยู่ 

6. สภาวิชาชีพสื่อหรือนักข่าว ซึ่งเป็นแค่เสือกระดาษ ไม่มีน้ำยาจะกำกับควบคุมอะไรเลย ก็ไม่ต้องมีอีกต่อไป ใบประกอบวิชาชีพสื่อก็ไม่มี ยุบไปเถิด พวกวิชาชีพอื่นๆ เช่น แพทย์ วิศวกร นักบัญชี เขาโดนยึดใบประกอบวิชาชีพกันเขาก็ต้องเลิก จะมาให้สื่อควบคุมสื่อเพื่อให้เกิดความมีเสรีภาพของสื่อ แต่สื่อต้วยกันเองไม่มีความสามารถจะควบคุมกันเอง ยกให้สันติบาล หรือ กบว คุมแทนจะดีกว่าไหม ควรพิจารณาตัวเองด้วย

บ้านเมืองนี้แย่มาก ทำลายกฎแห่งกรรมของพระพุทธเจ้า ตัวอย่างเช่น 

1) ทำผิดกฎหมายทุจริตแล้วก็หนีคดีแบบทักษิณ ชินวัตร และประชา มาลีนนท์ 

2) ทำผิดหนีคดีแล้วก็ยังจะมานิรโทษโคตรวงศ์ชินวัตรให้พ้นผิด ซึ่งนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเป็นคนเอาเข้าสภาลักหลับข่มขืนประชาชน 

3) นายไชยบูลย์ สุทธิผล ปาราชิก ก็อ้างว่าคืนเงินแล้วพ้นผิดไปแล้ว 

4) มหาเถรสมาคมก็ไม่ทำตามพระลิขิตสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ซ้ำยังบ่ายเบี่ยงว่าอัยการไม่ฟ้อง คดีจบแล้ว ทางธรรมให้ตัดสินตามทางโลก! โลกาวินาศและธรรมะวิบัติโดยแท้

 5) พระผู้ใหญ่ระดับสมเด็จพระราชาคณะ ว่าที่สมเด็จพระสังฆราช ก็ออกมาพูดไปเมื่อช่วงอาทิตย์ก่อน ว่าผิดแล้วคืนเงินก็ไม่ผิด เหมือนคริสต์ศาสนิกชนล้างบาปได้! 

6) พวก NGO ใช้เงินผิดวัตถุประสงค์และมีผลประโยชน์ทับซ้อน พอ สตง เข้าไปตรวจสอบ ก็ออกมาพูดกระแทก สตง และรัฐบาลว่าให้ไปตรวจสอบกองทุนอื่นๆ เหมือนกองทุนสสส และพอกรมสรรพากรเข้าตรวจภาษีย้อนหลัง ก็บอกว่าทำงานเพื่อสาธารณกุศลไม่ต้องเสียภาษี ตกลงที่ตัวเองไปตรวจสอบคนอื่น ไปว่าคนอื่น ตัวเองทำเสียเองไร้หิริโอตัปปะ ไม่มีสำนึก ยังมาตะแบงไม่ยอมรับอีก และ
 
7) กรณีสรยุทธ สุทัศนะจินดา ถูกศาลพิพากษาแล้ว ก็ยังทำหน้าที่สื่อมวลชนต่อ โดยมีผลประโยชน์ทับซ้อน อ่านข่าวตัวเองถูกศาลพิพากษาได้อย่างหน้าตาเฉย ทำผิดแล้วก็ยังมาทำงานหาเงินได้ต่อ ช่องสามก็ยังชอบเพราะเรตติ้งดี สนใจเรตติ้งมากกว่าความถูกต้องทางจริยธรรม

ขอฝากทิ้งท้ายไว้ว่าบ้านเมืองนี้เป็นของทุกคนต้องช่วยกันรักษาไว้และช่วยกันทำหน้าที่เพื่อแผ่นดิน สิ่งใดที่ไม่ถูกไม่ต้องก็ขอให้ทุกคนแก้ไขให้ถูกต้อง ประชาชนสามารถต่อสู้และทำเพื่อบ้านเมืองได้ทั้งนั้นถ้ามีใครทำอะไรไม่ถูกต้อง เรามีหน้าที่ใช้หนี้แผ่นดินนี้ เราต้องช่วยกันรักษาธรรม โดยเฉพาะทำให้กฏแห่งกรรมของพระพุทธเจ้ายังศักดิ์สิทธิ์

ไม่มีความคิดเห็น: