PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2559

สมจิตร: กรณี "สรยุทธ สุทัศนะจินดา" กับคำถามถึงจริยธรรมสื่อ สำนึกสังคมสู่ตัวอย่างสาธารณะ

กรณี "สรยุทธ สุทัศนะจินดา" กับคำถามถึงจริยธรรมสื่อ สำนึกสังคมสู่ตัวอย่างสาธารณะ
เมื่อประมาณสามปีที่แล้วเคยโพสต์จดหมายเปิดผนึกถึงคุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา นักเล่าข่าวชื่อดัง หลัง ป.ป.ช.ชี้มูลว่ามีความผิดจากการยักยอกโฆษณาช่อง ๙ เป็นเงินราว ๑๓๘ ล้านบาท เพื่อแสดงจุดยืนในฐานะสื่อมวลชนคนหนึ่งมาแล้วครั้งหนึ่ง
เวลาผ่านมาพัฒนาการของคดีมีมากขึ้น จาก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดเข้าสู่กระบวนการที่อัยการส่งฟ้องก่อนจะจบลงที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก ๑๓ ปี ๔ เดือน แม้ว่าจะยังไม่ใช่ข้อยุติเพราะคดียังต่อสู้ได้อีกสองศาลจนถึงชั้นฎีกา แต่ด้วยสำนึกความเป็นสื่อสารมวลชนเชื่อว่า เจ้าตัวเองก็ทราบดีว่าบรรทัดฐานที่ควรวางไว้ให้กับวิชาชีพสื่อสารมวลชนควรเป็นอย่างไร เพียงแต่คงมีปัจจัยมากมายที่ทำให้การตัดสินใจของคนคนหนึ่งให้น้ำหนักในเรื่องที่แตกต่างกัน
บางคนอาจยึดหลักการแห่งวิชาชีพ แต่บางคนก็จำนนกับผลประโยชน์ บดบังสำนึกที่ดี จนพลาดโอกาสที่จะเป็นตัวอย่างแก่สาธารณะ
กรณีที่เกิดขึ้นไม่เพียงเป็นเรื่องที่คนในแวดวงสื่อสารมวลชนต้องช่วยกันตั้งคำถามเท่านั้น แต่สังคมไทยต้องช่วยกันพินิจพิเคราะห์ด้วยว่าเราอยากเห็นสังคมแบบไหน ถ้าอยากให้เห็นสังคมคุณธรรมคนรุ่นแราก็ต้องเป็นแบบอย่างเพื่อสร้างสังคมที่ดีให้กับลูกหลาน แต่ถ้าปล่อยผ่านไปก็สะท้อนว่า ไม่ใช่แค่สื่อที่เสื่อมแต่สังคมเรากำลังทรุดอยู่ด้วยใช่ไหม
ในฐานะคนทำงานสื่อขอส่งจดหมายเปิดผนึกฉบับเดิมอีกครั้ง โดยมิได้หวังว่าจะได้เห็นการตัดสินใจที่แตกต่างจากเดิมของคุณสรยุทธ แต่ปรารถนาจะกระตุ้นเพื่อนพ้องพี่น้องสื่อด้วยกันเพื่อให้ช่วยกันคิดว่า "เราจะทำอะไรได้บ้างเพื่อวิชาชีพของตัวเอง" เท่านั้น
“เราต่างรักในวิชาชีพสื่อสารมวลชนใช่ไหม?”
...ดิฉัน สมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวการเมือง (เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับสังกัด) ในฐานะสื่อมวลชน แม้จะไม่เคยรู้จักคุณสรยุทธ เป็นการส่วนตัว แต่สิ่งที่ได้เห็นคุณสรยุทธ แสดงออกเสมอมาคือความรักในวิชาชีพสื่อสารมวลชน ไม่ว่าวันนี้จะยังเป็นกรรมกรข่าวหรือเศรษฐีค้าข่าว แต่จิตวิญญาณแห่งวิชาชีพน่าจะยังคงอยู่ นอกจากว่าที่ผ่านมาสิ่งที่ทำทั้งหมดเป็นเพียงแค่การเสแสร้งสร้างภาพ ซึ่งดิฉันคิดว่าคุณสรยุทธ ย่อมมีความซื่อสัตย์ต่อประชาชนที่ศรัทธาและโอบอุ้มคุณสรยุทธ โดยไม่ควรแม้แต่จะคิดทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน
การที่คุณสรยุทธ ตอบโต้แถลงการณ์ของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ด้วยการลาออกจากการเป็นสมาชิก หลังจากถูกทวงถามด้านจริยธรรมกรณีถูก ปปช. ชี้มูลความผิดว่ายักยอกเงินค่าโฆษณา อสมท. ๑๓๘ ล้านบาท ด้วยการให้พิจารณาตัวเองจากการทำหน้าที่พิธีกรเล่าข่าว และยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อแม้ว่าศาลชั้นต้นจะตัดสินคำคุก ๑๓ ปี ๔ เดือน ถือเป็นการทำร้ายวิชาชีพสื่อสารมวลชนอย่างเลือดเย็นยิ่ง เพราะเท่ากับว่า คุณสรยุทธ ซึ่งมีอิทธิพลต่อสังคมไทยอย่างมากกำลังทำให้คนเข้าใจว่า คนวงการสื่อไม่ยอมรับการตรวจสอบ ไร้ซึ่งจริยธรรมที่จะแสดงตนเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับสังคมไทย
ถามคุณสรยุทธง่าย ๆ ว่า นักเล่าข่าวที่ถูก ปปช. ชี้มูลว่าทุจริต ถูกศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก จะตรวจสอบนักการเมืองที่ทุจริตได้อย่างไร
นักเล่าข่าวที่ถูก ปปช. ชี้มูลว่าทุจริต ถูกศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก จะกล้าเรียกร้องให้นักการเมืองที่ถูก ปปช. ชี้มูลว่าทุจริตแสดงสปิริตด้วยการหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าคดีจะถึงที่สุดหรือไม่
นักเล่าข่าวที่ถูก ปปช. ชี้มูลว่าทุจริตถูกศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก แต่ยังคงมีสถานะทางสังคมโดยไม่ต้องแสดงความรับผิดชอบ ใด ๆ จะสร้างค่านิยมแบบไหนให้กับประเทศชาติของเรา ?
ค่านิยมที่สังคมยอมรับการโกงว่าเป็นเรื่องปกติที่ใคร ๆ ก็ทำ และยังได้ดิบได้ดีไม่ถูกลงโทษจากสังคมจึงไม่จำเป็นต้องมีความละอายต่อบาป เพราะทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไปอย่างนั้นหรือ ?
หน้าที่ของสื่อมวลชนส่วนหนึ่ง คือ การชี้นำสังคมให้เดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง ถ้าวันนี้คุณสรยุทธ ซึ่งเป็นสื่อมวลชนที่คนไทยให้การยอมรับอย่างมาก ไม่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับประชาชน ก็เท่ากับกำลังบ่มเพาะความไม่ละอายต่อบาปให้เพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ ในสังคมนี้ จนเห็นการทำความผิดเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เรื่องที่ต้องประนาม
แม้คดีนี้จะยังไม่มีบทสรุปในชั้นศาลฎีกา แต่องค์กรอิสระอย่าง ปปช.ได้ชี้มูลแล้ว ศาลชั้นต้นก็ได้พิพากษาไปแล้ว
การแสดงออกให้เห็นว่า “จริยธรรมอยู่เหนือกฎหมาย” จะทำให้คุณสรยุทธ “เป็นเรื่องเล่าระดับตำนานให้คนในแวดวงสื่อสารมวลชนได้กล่าวขานถึงว่า เป็นสื่อมวลชนที่มีความรับผิดชอบต่อวิชาชีพของตัวเองและไม่ทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน”
จดหมายเปิดผนึกจากนักข่าวตัวเล็ก ๆ อาจไม่มีความหมายอะไรเลยต่อการตัดสินใจของคุณสรยุทธ แต่ดิฉันเขียนจดหมายฉบับนี้ด้วยหวังว่าจะจุดประกายเล็ก ๆ ให้เพื่อนพ้องน้องพี่ในแวดวงสื่อสารมวลชนได้ช่วยกันไตร่ตรองดูว่า เราจะไม่ทำอะไรเพื่อรักษาวิชาชีพที่เรารักเลยหรือ ?
เราต่างรักในวิชาชีพสื่อสารมวลชนใช่ไหม ?
และอย่าจำนนกับความคิดที่ว่า “เราทำไม่ได้ ถ้าเรายังไม่ได้ทำ”
ลงชื่อ สมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสายการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: