PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2559

อังกฤษยอมรับว่าการทิ้งระเบิดในซีเรียไม่ได้ทำร้ายดาอิช

อังกฤษยอมรับว่าการทิ้งระเบิดในซีเรียไม่ได้ทำร้ายดาอิช และรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากที่กบฏซีเรียหันมาร่วมมือกับฝ่ายรัฐบาลในการปราบปรามขบวนการก่อการร้ายในซีเรีย
-----------
วันที่ 1 มี.ค.59 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "ความร่วมมือแบบซับซ้อน: อังกฤษยอมรับว่าการโจมตีทางอากาศในซีเรียไม่ได้ทำร้ายผู้ก่อการร้ายดาอิชเลย" (Complicated Cooperation: UK Admits Airstrikes in Syria Aren't Hurting Daesh)
[กรรม! ก่อนหน้านี้นายกฯคาเมรอนของอังกฤษพยายามขอให้สภาอนุมัติให้อังกฤษส่งเครื่องบินรบเข้าไปทิ้งระเบิดในซีเรียและอิรัคอ้างว่าเพื่อปราบปรามไอซิส แต่หลังจากที่รัฐสภาอังกฤษอนุมัติเมื่อปลายปีที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ ไงผลกลับกลายเป็นแบบนี้หละนี่? - ผู้แปล]
นาย Michael Fallon รมว.กลาโหมของอังกฤษกล่าวกับสภาผู้แทนฯ (House of Commons) ของในอังกฤษว่า ในขณะที่กระบวนการต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายในอิรัคกำลังดำเนินไปด้วยดี สถานการณ์ในซีเรียกลับ "ซับซ้อน" เนื่องจากความร่วมมือระหว่างพวกนักรบฝ่ายกบฏกับรัฐบาลซีเรีย
"พวกผู้ก่อการร้ายดาอิชในอิรัคกำลังถูกผลักดันให้ถอยกลับ ไม่มีความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนั้น - พวกเขากำลังถูกผลักไปที่เมือง Tigris และกำลังถอยกลับไปทางตะวันตกตามแม่น้ำ Euphrates" นาย Michael Fallon กล่าวกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของอังกฤษ
นาย Michael Fallon กล่าวต่ออีกว่า "ในซีเรียนั้น สถานการณ์มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น และพวกเราก็เป็นกังวลใจกับรายงานเมื่อเร็วๆนี้บางฉบับที่อาจจะก่อให้เกิดการประสานงานกันระหว่างกองกำลังฝ่ายประชาธิปไตยในซีเรียและฝ่ายรัฐบาลอัสซาด ซึ่งจะไม่มีประโยชน์ในระยะยาวในการเอาชนะพวกผู้ก่อการร้ายดาอิช"
นาย Michael Fallon กล่าวว่า "ดาอิชถอยหลังกลับในอิรัค แต่ว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในซีเรีย และผม...ก็รู้สึกเป็นกังวลใจเป็นที่สุดเกี่ยวกับการแพร่กระจายของดาอิช ตามแนวชายฝั่งของลิเบียด้วย"
[เอาง่ายๆนะครับคุณ Fallon เดิมทีพวกกบฏซีเรียและผู้ก่อการร้ายดาอิชจับมือกันโจมตีกองทัพฝ่ายรัฐบาลซีเรียจนเกือบจะยึดประเทศซีเรียได้ทั้งหมดอยู่แล้ว พอรัสเซียเข้าไปช่วยฝ่ายรัฐบาลซีเรีย กลับสามารถพลิกเกมได้ฝ่ายที่ถอยและถูกโจมตีกลับและสูญเสียอย่างหนักก็คือฝ่ายกบฏและดาอิช ต่อจากนั้นฝ่ายกบฏซีเรียบางส่วนก็หันมาร่วมมือกับฝ่ายรัฐบาล และบางส่วนก็ยอมวางอาวุธเข้ามอบตัวกับฝ่ายรัฐบาลด้วย เนื่องจากฝ่ายรัฐบาลประกาศว่าจะนิรโทษกรรมให้กับฝ่ายกบฏ
ผลก็ปรากฏว่าฝ่ายต่อต้านผู้ก่อการร้ายมีกำลังสนับสนุนเพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีแต่ฝ่ายรัฐบาลและกองกำลังชาวเคิร์ด YPG เท่านั้น ก็ได้ฝ่ายกบฏซีเรีย (บางส่วน) เข้ามาเสริมอีกแรงหนึ่งตรงนี้ไม่ดีอย่างไร? ทำไมอังกฤษถึงได้แสดงความกังวลต่อความเข้มแข็งของกองกำลังฝ่ายปราบปรามดาอิชที่เพิ่มมากขึ้น? ถ้าอังกฤษแสดงความกังวลแบบนี้ งั้นอังกฤษจะร่วมมือกับสหรัฐฯและฝรั่งเศสและประเทศอื่นๆในกองกำลังพันธมิตรต่อต้านผู้ก่อการร้ายทำแป๊ะอะไรครับ? ดูเหมือนว่ายิ่งนับวันตรรกะของพวกนักการเมืองฝั่งตะวันตกยิ่งมีความสับสนและวิบัติมากขึ้นเรื่อยๆ
จริงๆแล้วที่นาย Fallon กังวลนั้นไม่ใช่ดาอิชรุกคืบในซีเรีย เพราะว่าความเป็นจริงแล้วดาอิชในซีเรียเจอรัสเซียและพันธมิตรฝ่ายรัฐบาลซีเรียถล่มหนักยิ่งกว่าในอิรัคซะอีก ที่นาย Fallon กังวลนั้นก็คือกลัวว่าดาอิชจะพ่ายแพ้ให้กับฝ่ายรัฐบาลซีเรีย และกลัวว่าความร่วมมือกันระหว่างฝ่ายกบฏและฝ่ายรัฐบาลซีเรียจะนำมาซึ่งความปรองดองและสันติภาพในซีเรียต่างหาก ซึ่งจะทำให้สงครามในซีเรียต้องมีอันยุติไปในที่สุด และความฝันที่จะแบ่งแยกประเทศซีเรียหรือหากินกับสงครามแบบนั้นของฝั่งตะวันตกก็จะถูกทำลายไปในที่สุดต่างหาก - ผู้แปล]
+ อังกฤษมองว่าความร่วมมือความร่วมมือระหว่างชาวเคิร์ดและกรุงดามัสกัสเป็นสิ่งที่รบกวนใจเป็นอย่างยิ่ง (UK: Kurdish Cooperation With Damascus 'Disturbing')
------------
การแสดงความคิดเห็นของ Fallon เป็นการสะท้อนความรู้สึกนึกคิดของนาย Philip Hammond รมว.ต่างประเทศของอังกฤษ ที่ออมาวิพากษ์วิจารณ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งกล่าวว่า "มีหลักฐานที่น่ารบกวนใจเป็นอย่างมากเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างกลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ด รัฐบาลซีเรีย และกองทัพรัสเซียในภาคเหนือของซีเรีย"
รมว.ต่างประเทศของอังกฤษกล่าวว่า "สิ่งที่พวกเราเห็นตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ก็คือหลักฐานที่น่ารบกวนใจมากเกี่ยวกับการประสานงานกันระหว่างกองกำลังชาวเคิร์ด รัฐบาลซีเรีย และกองทัพอากาศของรัสเซีย ซึ่งทำให้พวกเรารู้สึกกระวนกระวายใจอย่างชัดเจนเกี่ยวกับบทบาทของชาวเคิร์ดทั้งหมดในเรื่องนี้"
นาย Hammond ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็นของเขาในเรื่องนี้ ซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์ได้ชี้ให้เห็นว่า ชาวเคิร์ดเป็นหนึ่งในความพยายามและพันธมิตรที่มีค่าที่สุดของตะวันตกบนภาคพื้นดินในซีเรียและอิรัค ซึ่งทำงานควบคู่ไปกับกองกำลังพันธมิตรนานาชาตินำโดยสหรัฐฯ รวมทั้งรัสเซียและกองกำลังฝ่ายรัฐบาลด้วย
[เป็นเรื่องที่สร้างความประหลาดใจให้กับชาวโลกเป็นอย่างมากที่นักการเมืองระดับสูงในรัฐบาลของอังกฤษออกมาแสดงความกังวลใจและอาการกระวนกระวายใจที่เห็นชาวเคิร์ดร่วมมือกับฝ่ายรัฐบาลซีเรียและรัสเซียในการต่อต้านขบวนการก่อการร้ายดาอิชในอิรัคและซีเรีย แต่ทั้งนาย Fallon รมว.กลาโหมและนาย Hammond รมว.ต่างประเทศของอังกฤษกลับแสดงท่าทีกังวลหรือไม่สะบายใจที่กองกำลังชาวเคิร์ด YPG ถูกกองทัพตุรกียิงถล่มข้ามชายแดนตุรกี-ซีเรียเข้ามาในพื้นที่ของซีเรีย ทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตมากมาย
อังกฤษไม่แสดงความกังวลที่ตุรกีรุกรานอธิปไตยของอิรัค และซีเรีย แต่อังกฤษกลับตกใจและกังวลที่เคิร์ด รัฐบาลซีเรีย กบฏซีเรีย และกองทัพรัสเซียร่วมมือกันถล่มขบวนการก่อการร้ายไอซิสซะงั้น ก็อยากจะถามว่า "เป็นควายอะไรของคุณครับคุณ Hammond และคุณ Fallon?" - ผู้แปล]
+ ผลกระทบจากการโจมตีทางอากาศของอังกฤษมีข้อจำกัด (Impact of British Airstrikes Limited)
-----------
รายงานข่าวบอกว่า การยอมรับว่าการแทรกแซงของอังกฤษไม่ได้มีผลกระทบที่มีนัยสำคัญ (a significant impact) ต่อผู้ก่อการร้ายดาอิชในซีเรียได้เพิ่มความน่าอับอาย (embarrassment) ยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมให้กับอังกฤษ หลังจากที่นายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอนได้ประกาศเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาว่า การขยายการโจมตีทางอากาศต่อต้านดาอิชในซีเรียจะเป็นกลยุทธแบบ "cut off the snake's head" [ตัดหัวงูของอังกฤษต่างหากหละมั๊งครับท่านนายกฯ - ผู้แปล]
แม้ว่าการอ้างว่าการแทรกแซงของอังกฤษจะเป็น "การพลิกเกม" (a game changer) ในการต่อสู้กับพวกดาอิชในเซียก็ตาม แต่ภายใต้กฎหมายเสรีภาพของการเข้าถึงข้อมูล (Freedom of Information (FoI)) ที่สำนักข่าว Huffington Post ได้ยื่นขอจากฝ่ายรัฐบาลอังกฤษเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้เปิดเผยแล้วว่า มีผู้ก่อการร้ายจำนวนเพียงแค่ 7 คนเท่านั้นที่ถูกสังหารด้วยระเบิดของอังกฤษ [ฮิ้วววววว "ขอบคุณที่ซ้ำเติม จุดเดิมที่เคยเจ็บ..." คุณคาเมรอนคงจะไม่เคยได้ฟังเพลงนี้อ่ะ - ผู้แปล]
รายงานข่าวกล่าวต่อไปอีกว่า การเปิดเผยข้อมูลครั้งล่าสุดนี้ยังดูเหมือนว่าเป็นการแสดงให้เห็นถึงจุดยืนของ Jeremy Corbyn ผู้นำฝ่ายค้านของอังกฤษที่รณรงค์ต่อต้านการทิ้งระเบิดของอังกฤษใส่เป้าหมายในซีเรีย ซึ่งกล่าวว่า มันก็เท่ากับว่าเป็นการแทรกแซงแบบบุ่มบ่ามและอ่อนหัดอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา นาย Corbyn ได้กล่าวว่า "ไม่ว่ามันจะเป็นการขาดกลยุทธ์ที่คุ้มค่าที่จะเอ่ยนาม การขาดแคลนกองกำลังภาคพื้นดินที่น่าเชื่อถือ ไร้แผนการด้านการทูตในการยุติปัญหาในซีเรีย ความล้มเหลวในการแก้ไขผลกระทบต่อภัยคุกคามจากผู้ก่อการร้าย หรือวิกฤตผู้ลี้ภัย และความสูญเสียในส่วนของพลเรือน มันก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นอีกว่า ข้อเสนอของนายกรัฐมนตรีสำหรับการดำเนินการทางทหาร (ในซีเรียแลอิรัค) นั้นไม่ได้กระเตื้องขึ้นเลย (stack up) แม้แต่นิดเดียว"
[จริงๆแล้ว ทั้งอังกฤษ สหรัฐฯและพันธมิตรนั้น ไม่ได้ต้องการที่จะให้สงครามยุติเลย สิ่งที่พวกนี้ต้องการก็คือการเลี้ยงสงครามต่างหาก เพราะว่ายิ่งมีสงครามอยู่เรื่อยๆ ก็หมายถึงว่าประเทศพวกนี้จะยิ่งทำกำไรจากการค้าอาวุธสงครามได้เรื่อยๆ ดังนั้นสิ่งที่กำลังสร้างความกังวลใจให้กับนักการเมืองของอังกฤษในเวลานี้ก็คือ กลัวว่าสงครามในซีเรียและจะยุติลงต่างหาก
การที่นักการเมืองของอังกฤษออกมาแสดงความคิดเห็นในลักษณะนี้ เราได้เจอสไตล์การเขียนข่าวจากสื่อฯกระแสหลักระบอกเสียงของรัฐบาลอังกฤษและตะวันตกอยู่บ่อย จะบอกว่าเป็นเอกลักษณ์เลยก็ว่าได้ ซึ่งก็คือ "การบิดประเด็น" ไปพูดเรื่องอื่นเพื่อกลบเรื่องที่น่าอับอายขายขี้หน้าในความล้มเหลวของคนเอง แต่ชิ่งไปกล่าวหาหรือโทษคนอื่นแทน ไม่มีอะไรมาก ก็แค่บทกระล่อนไปวันๆ ตามสไตล์ "ผู้ดีอังกฤษ" ขนานแท้นั่นแหละครับ เพราะอะไรถึงมองอย่างนั้น ก็เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในความเป็นจริงในซีเรียนั้น มันตรงกันข้ามกับสิ่งที่นักการเมืองเหล่านั้นพูดนะสิครับ - ผู้แปล]
อ้อ… วันที่ 29 ก.พ.59 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "เสียงแห่งความเงียบ: ชีวิตกลับสู่ปรกติในซีเรียหลังการหยุดยิง" (The Sound of Silence: Life Returns to Normal in Syria as Ceasefire Holds)
นิตยสาร Der Spiegel ของเยอรมันเขียนว่า "ในหลายภาคส่วนของซีเรีย ประชาชนสามารถกลับเข้าไปยึดครองถนนหนทางต่างๆได้อีกครั้ง สำหรับชาวบ้านแล้วข้อตกลงหยุดยิงทำให้พวกเขากลับมาใช้ชีวิตตามปรกติได้" (สำนักข่าว AFP ของฝรั่งเศสก็รายงานข่าวนี้ด้วย)
สื่อฯเยอรมันอ้างคำพูดของ Backer Abu Omar วัย 45 ปีในซีเรียว่า "มีบางอย่างแปลกๆในการหยุดยิงในครั้งนี้ ก่อนหน้านี้พวกเราเคยนอนหลับและสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยเสียงของการโจมตีทางอากาศและปืนใหญ่"
[เรื่องแบบนี้ สถานการณ์แบบนี้ใช่ไหมที่ รมว.กลาโหมและรมว.ต่างประเทศของอังกฤษแสดงความกังวลใจว่าจะเกิดขึ้นในซีเรีย ถ้าสันติภาพเกิดขึ้นในซีเรียนี่ อังกฤษจะรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก แต่ถ้าซีเรียถูกทำลายให้ย่อยยับไปกว่านี้เหมือนกับสภาพเมือง Kobani ติดกับชายแดนของตุรกีที่ถูกเครื่องบินรบของพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯถล่มจนไม่เหลือซากตั้งแต่ปี 2014 ประชาชนพากันหนีตายไปอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยและอพยพไปอยู่ในต่างประเทศหลายล้านคน แบบนี้ท่านรัฐมนตรีทั้งสองท่านของอังกฤษคงจะสบายใจสินะ กรรม! ถ้าอังกฤษเจอเหตุการณ์แบบนี้เข้ากับตัวเอง นักการเมืองของอังกฤษทั้งสองคนนี้จะรู้สึกอย่างไรนะ? - ผู้แปล]

ไม่มีความคิดเห็น: