PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2559

สู้ไม่ถอย…”พระจุณณ์” เดินหน้า ร้องผู้ตรวจฯสอบซื้อขายตำแหน่งใน สตช.


สู้ไม่ถอย…”พระจุณณ์” เดินหน้า ร้องผู้ตรวจฯสอบซื้อขายตำแหน่งใน สตช.

สู้ไม่ถอย..."พระจุณณ์" เดินหน้า ร้องผู้ตรวจฯสอบซื้อขายตำแหน่งใน สตช.
559000002482501
“พลเรือเอกพระจุณณ์”มาพร้อม”ทนายนกเขา” ยื่นคำร้องผูู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงการซื้อขายตำแหน่งใน สตช. เผย 10 มีนาคมนี้จะไปรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก ระบุถ้ากรณีของตนทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในวงการตำรวจ ก็พร้อมรับสิ่งที่เกิดขึ้น ยันกับบิ๊กป้อมก็สนิทกันดี แต่งงไม่รู้เกิดอะไรขึ้นถึงเกิดเรื่องนี้
7 มี.ค. 59 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) พร้อมด้วยนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินผ่านนายธาวิน อินทรจำนงค์ รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีและพนักงานสอบสวนกก.3 บก.ปอท.ออกหมายเรียกผู้ต้องหาโดยต้องหาว่าหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จฯว่าเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ทั้งนี้ นายนิติธร กล่าวว่าตามข่าวมีข้อความสำคัญ 3 ส่วน  คือ พลเรือเอก การซื้อขายตำแหน่ง และในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งพนักงานสอบสวนต้องพิจารณาเสียก่อนว่า ที่พล.ร.อ.พะจุณณ์พูด หรือที่ปรากทางข้อความแชทไลน์ มีการยืนยันตัวบุคคลหรือไม่ ซึ่งจาก 3 ข้อความดังกล่าวไม่สามารถยืนยันได้ว่าพลเรือเอกดังกล่าวเป็นใคร ขณะเดียวกันข้อความก็ไม่ได้มีการระบุสำนักงานตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายตำแหน่ง  หรือไปเกี่ยวจ้องกับพล.เรือเอกอย่างไร ซึ่งพนักงานสอบสวนการรับข้อกล่าวหารับได้  แต่การจะตั้งข้อกล่าวหาหรือทำให้ใครตกเป็นผู้ตกหาจะต้องพิสูจน์ให้ได้ความก่อนว่าพลเรือเอกที่มีการกล่าวหาเป็นใคร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวข้องอย่างไร   จึงเห็นว่าการตั้งข้อกล่าวหาและการออกหมายเรียกไม่เป็นธรรม
ผู้สื่อข่าวถามว่า  ยืนยันใช่หรือไม่ว่าพลเรือเอก ที่ถูกระบุในแชทไลน์ไม่ใช่ พล.ร.อ.พะจุณณ์ นายนิติธร กล่าวว่า ตอนที่ปรากฎเป็นข่าวนั้นไม่ทราบว่าหมายถึงใคร มารู้อีกทีตอนได้รับหมายเรียกจากพนักงานสอบสวนแล้ว
ด้านพล.ร.อ. พระจุณณ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้มอบให้ฝ่ายกฎหมายทำหน้าที่ ซึ่งหากเห็นว่ามีสิ่งใดต้องดำเนินการก็ให้ดำเนินการไปได้ เลยรวมถึงถ้าพิจารณาว่าจำเป็นต้องฟ้องกลับกับผู้ใดหรือไม่ก็ให้ดำเนินการไป  ยืนยันว่า การออกมาเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารงานของตำรวจเป็นการทำหน้าที่ในฐานสปท. โดยก่อนหน้านี้ตนมีตำแหน่งเป็นประธานอนุกรรมาการปฎิรูปโครงสร้างตำรวจของสภาปฎิรูปแห่งชาติ แม้ว่าต่อมาจะมีการยุบอนุไปแล้วแต่ก็ยังสนใจงานด้านนี้อยู่ และที่ต้องการให้มีการปฏิรูปตำรวจก็เพื่อให้ตำรวจมีเกียรติยศ มีศักดิ์ศรีเป็นที่รักของประชาชน   ซึ่งในข้อเท็จจริงการปฏิรุปตำรวจต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาล แต่ปัญหาคือจะไปได้มากน้อยแค่ไน สิ่งหนึ่งที่เราต้องการคือการปฏิรูปตำรวจ โดยตนคิดว่าปัจจุบันประชาชนทนได้กับปัญหาทางเศรษฐกิจ ค่าครองชีพสูงแต่ทนไม่ได้กับการทุจริตคอรัปชั่น  หากรัฐบาลแก้ไขได้คิดว่าประชาชนยอมรับได้ และทนได้ 5 ปี 10 ปีกับสภาวะการเมือง และเศรษฐกิจที่เป็นแบบนี้
” กรณีของผมถ้าสามารถเป็นจุดที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการปฏิรูปตำรวจได้ ผมถือว่าผมรับได้ทั้งหมดกับอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นกับผม   และยืนยันผมไม่ได้มีความขัดแย้งกับใคร ซึ่งในวันที่ 10 มี.ค.นี้ก็จะเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก แม้จะมีหลายฝ่ายไม่อยากให้ตนไปก็ตาม แต่ด้วยตำแหน่งหน้าที่ในปัจจุบัน ก็เห็นว่าจำเป็นต้องไป  ”
เมื่อถามต่อว่าตั้งแต่เกิดปัญหาได้มีการหารือกับทางกองทัพหรือนายทหารคนใดหรือไม่ พล.ร.อ.พะจุณณ์ กล่าวว่า ไม่เคย จริงๆ ผมกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ชอบกันมาก เรียกได้ว่าเป็นพี่เป็นน้องที่สนิทกันให้ความช่วยเหลือกัน แต่ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้เกิดเรื่องขึ้นมา
 ที่มา : http://www.sanamkhao.com/10042-2/

ไม่มีความคิดเห็น: