PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2559

6 องค์กรวิชาชีพสื่อ ยื่นจม.เปิดหนึก "ร่างกม.มาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน"

ตัวแทน 6 องค์กรวิชาชีพสื่อ เข้าพบ ประธาน กมธ. การปฏิรูปประเทศด้านการสื่อสารมวลชน เพื่อยืน จ.ม.เปิดผนึก เรื่อง "ร่างกฎหมายคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน"
(15 ก.ย. 59) ตัวแทน 6 องค์กรวิชาชีพสื่อ โดย นายเทพชัย หย่อง นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ / นายวันชัย วงศ์มีชัย นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และ นายชวรงค์ ลิมปัทมปาณี ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึก เรื่อง การจัดทำร่างกฎหมายคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน โดยมี พลอากาศเอกคณิต สุวรรณเนตร ประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการสื่อสารมวลชน เป็นผู้รับมอบ ณ อาคารรัฐสภา 1 และนำเข้าพิจารณาในการประชุมเช้านี้

จดหมายเปิดผนึก
เรื่อง การจัดทำร่างกฎหมายคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน
เรียน ประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการสื่อสารมวลชน

ตามที่สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) โดยคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการสื่อสารมวลชน ได้ดำเนินการยกร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ. ............... เพื่อดำเนินการส่งให้คณะรัฐมนตรีและสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไปตามความทราบแล้วนั้น
องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ๖ องค์กร ประกอบด้วย สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ และสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย ได้ติดตามและได้รับเชิญไปแสดงความคิดเห็นต่อร่างกฎหมายดังกล่าวหลายครั้ง เพื่อให้การยกร่างกฎหมายเป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่ผ่านการลงประชามติเมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๙ ซึ่งยังคงหลักการสำคัญในการรับรองสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้โดยอิสระและปราศจากการแทรกแซงใดๆ จากการเมือง อันจะทำให้สิทธิการรับรู้ข่าวสารอย่างรอบด้านของประชาชนสูญเสียไป
อย่างไรก็ตาม จากร่างกฎหมายดังกล่าวล่าสุดที่คณะกรรมาธิการดังกล่าว ได้นำมารับฟังความคิดเห็นเมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๙ พบว่ามีเนื้อหาบางประการที่สอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกันเองด้านจริยธรรมที่องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนดำเนินการอยู่แล้วให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีเนื้อหาอีกบางส่วนที่ขัดต่อเจตนารมณ์ของร่างรัฐธรรมนูญข้างต้น องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนทั้ง ๖ องค์กร จึงขอเสนอความเห็นมายังคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปด้านการสื่อสารมวลชน สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ดังต่อไปนี้

- ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน
พ.ศ. ............... เป็นร่างพระราชบัญญัติที่ขัดต่อเจตนารมณ์ของร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่ผ่านการลงประชามติเมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๙ ซึ่งมีหลักการสำคัญในการรับรองสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้โดยอิสระและปราศจากการแทรกแซงใดๆ จากการเมือง ดังนี้
๑) การกำหนดให้มีการจัดตั้งสภาวิชาชีพสื่อมวลชนแห่งชาติให้เป็นองค์กรตามกฎหมายที่มี
อำนาจในการลงโทษตามกฎหมายแก่ผู้ประกอบวิชาชีพและองค์กรสื่อมวลชน ย่อมเป็นการเปิดช่องให้มีการแทรกแซงการทำหน้าที่อย่างเป็นอิสระของสื่อมวลชนของฝ่ายการเมืองโดยผ่านสภาวิชาชีพดังกล่าว เช่น การแทรกแซงกระบวนการสรรหา โดยการจัดตั้งองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนที่ไม่ได้เป็นตัวแทนของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนอย่างแท้จริง เข้ามาเป็นสมาชิกของสภาวิชาชีพสื่อมวลชนแห่งชาติ
๒) การร่างกฎหมายดังกล่าว ควรยึดโยงกับร่างรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการมุ่งเน้น
การคุ้มครองเสรีภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน ทั้งในหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ขณะที่การส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน เป็นหน้าที่ขององค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ในการกำกับดูกันเองในสื่อหนังสือพิมพ์ หรือการกำกับดูแลร่วมกับองค์กรของรัฐที่เป็นอิสระในกรณีของสื่อวิทยุและโทรทัศน์ ไม่ใช่การร่างกฎหมายให้มีองค์กรตามกฎหมายที่มีความเสี่ยงต่อการถูกแทรกแซงมาควบคุมองค์กรวิชาชีพอีกชั้นหนึ่ง ขณะเดียวกัน ควรมีการเปิดโอกาสให้ภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการกำกับดูแลกันเองของสื่อมวลชนให้มากขึ้น
จากเหตุผลและข้อมูลข้างต้น องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนทั้ง ๖ องค์กร ขอเสนอข้อคิดเห็นดังกล่าว มายังคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนประเทศด้านการสื่อสารมวลชน สภาการขับเคลื่อนประเทศ ให้พิจารณาทบทวนการเสนอกฎหมายที่มีเนื้อหาขัดกับเจตนารมณ์ของร่างรัฐธรรมนูญ และการธำรงไว้ซึ่งสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนและสื่อมวลชน ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขสืบไป
สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์
สมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย
๑๕ กันยายน ๒๕๕๙

ไม่มีความคิดเห็น: