"ครม.ส่วนหน้า" นัดแรก แบ่งงาน 13 ผู้แทนพิเศษรัฐบาล รับทราบ งบฯใต้ของ 14 กระทรวง 50 หน่วยงาน รวมกว่า 12,500 ล้าน เร่งรัดงาน ตาม แผน ปี58-60 ของ คปต.
พลอากาศตรี รังสรรค์ เยาวรัตน์. รองโฆษก กห. กล่าวถึง ผลการประชุมผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 1:2559 ในวันนี้ ที่กลาโหม ว่า มีผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ซึ่งได้รับแต่งตั้งตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2559รวม 13 ท่าน โดยมี พลเอก อุดมเดช สีตบุตร เป็นหัวหน้าผู้แทนพิเศษฯ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เพื่อหารือแนวทางการปฏิบัติงานร่วมกัน และการประสานการดำเนินงานร่วมกับทุกฝ่าย ภาคส่วนต่างๆ และทุกระดับ โดยเฉพาะในพื้นที่ จชต. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพงานการแก้ไขปัญหา จชต. ให้บรรลุผลตามนโยบายของรัฐบาลและ คสช.
การประชุมครั้งแรกของผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในวันนี้ ได้รับการสนับสนุนจาก สมช. ในฐานะสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สล.คปต.) จัดเตรียมวาระการประชุม
โดยมีการแจ้งให้ผู้แทนพิเศษฯ ได้รับทราบ สาระสำคัญของคำสั่ง หน.คสช. ที่ 57/2559 เน้นขอบเขตอำนาจหน้าที่ของผู้แทนพิเศษฯ และการดำเนินการตามคำสั่งดังกล่าว
โดยการจัดตั้งสำนักงาน คปต.ส่วนหน้า
ซึ่งกำหนดที่ตั้งในพื้นที่ พล.ร.15 ค่ายสุริโยทัย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี รวมทั้งการบรรยายสรุปภาพรวมการดำเนินงานของ คปต. ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะความก้าวหน้าการดำเนินงานตาม มติ คปต. และข้อสั่งการของประธาน คปต. ตลอดจนการสรุปแผนงาน โครงการ
ซึ่งกำหนดที่ตั้งในพื้นที่ พล.ร.15 ค่ายสุริโยทัย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี รวมทั้งการบรรยายสรุปภาพรวมการดำเนินงานของ คปต. ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะความก้าวหน้าการดำเนินงานตาม มติ คปต. และข้อสั่งการของประธาน คปต. ตลอดจนการสรุปแผนงาน โครงการ
ส่วนงบประมาณในการแก้ไขปัญหา จชต. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2550 ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง 14 กระทรวง รวม 50 หน่วยงาน มียอดงบประมาณที่ได้รับจัดสรร 12,500 ล้านบาทเศษ
ในโอกาสนี้ พลเอก อุดมเดช หัวหน้าผู้แทนพิเศษฯ หารือการแบ่งมอบงานของผู้แทนพิเศษฯ ตามกรอบแผนปฏิบัติการ การแก้ไขปัญหาและพัฒนา จชต. พ.ศ.2558-2560 ซึ่งกำหนดกลุ่มภารกิจงานรวม 7 กลุ่ม เพื่อให้ผู้แทนพิเศษฯ ติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานรับผิดชอบกลุ่มภารกิจงาน รวมทั้งงานของกระทรวง กรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้แทนพิเศษฯ ทำหน้าที่เชื่อมโยงกับหน่วยงานระดับกระทรวงทั้ง 20 กระทรวง ซึ่งจะส่งผลให้การดำเนินงานแก้ไขปัญหา จชต. ในระยะต่อไป มีเอกภาพ และประสิทธิภาพ สอดคล้องตามแนวนโยบายของนายกรัฐมนตรี และปรากฎผลเป็นรูปธรรมตามคำสั่ง คสช.
///
///
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น