นายกรัฐมนตรีชี้ต้องจัดหาพื้นที่ทำโครงการแก้มลิงรองรับน้ำเพิ่มมากขึ้

นายกรัฐมนตรีชี้ต้องจัดหาพื้นที่ทำโครงการแก้มลิงรองรับน้ำเพิ่มมากขึ้น ด้านกรมชลฯ ยืนยันกรุงเทพฯ จะไม่ได้รับผลกระทบ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่จังหวัดชัยนาทเมื่อวานนี้ (5 ต.ค.) เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและการแก้ปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ พร้อมรับฟังบรรยายการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยได้สั่งการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนเพื่อเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นและให้ความร่วมมือกับรัฐในการดำเนินการมาตรการต่าง ๆ เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำ โดยนายกรัฐมนตรีเห็นว่าสิ่งที่จะทำให้เกิดความยั่งยืนคือการหาพื้นที่เพื่อทำแก้มลิงรองรับน้ำเพิ่มขึ้น

นายกรัฐมนตรีขอให้ทุกจังหวัดหาแนวทางในการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกัน โดยพิจารณาปริมาณน้ำที่มีอยู่ในพื้นที่ประกอบการระบายน้ำและผันน้ำรวมถึงการเก็บกักน้ำ เพื่อให้น้ำที่ระบายออกไปส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่น้อยที่สุด อย่างไรก็ตามหากต้องมีการระบายน้ำ ต้องมีการสร้างการรับรู้และสร้างความเข้าใจกับประชาชน เพื่อประชาชนจะได้เตรียมความพร้อมรับกับสถานการณ์และผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ให้การช่วยเหลืออย่างทันท่วงที และให้การชดเชยอย่างเหมาะสม

นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า สิ่งจะทำให้เกิดความยั่งยืนคือต้องมีการหาพื้นที่เพื่อทำแก้มลิงรองรับน้ำเพิ่มขึ้น นอกจากการเก็บกักน้ำในเขื่อนต่าง ๆ ที่มีอยู่ นอกจากนี้การบริหารจัดการน้ำต้องคำนึงถึงน้ำอุปโภคบริโภค การเกษตร อุตสาหกรรม การรักษาระบบนิเวศ ตลอดจนการหาแนวทางดูแลแก้ไขปัญหาเส้นทางคมนาคมต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัย อีกทั้งต้องมีการบูรณาการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ และจัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบระยะ 5 ปี และให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยใช้ความพึงพอใจของประชาชนในพื้นที่เป็นตัวชี้วัดการดำเนินการ

ด้านสำนักข่าวไทยรายงานว่า กรมชลประทานได้รายงานถึงสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาว่า บริเวณเขื่อนเจ้าพระยามีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,853 ลูกบาศก์เมตร/วินาที สำหรับในพื้นที่ตอนล่าง กรมชลประทานได้ระบายน้ำออกอย่างต่อเนื่อง และยืนยันว่ายังสามารถบริหารจัดการน้ำได้ตามปกติ และจะไม่ส่งผลกระทบกับพื้นที่กรุงเทพมหานคร #thaiflood