PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2559

สตีเว่น ฮอวกิง :ตอนนี้เป็นห้วงเวลาที่อันตรายที่สุดสำหรับโลกของเรา

The MATTER

ในฐานะที่เป็นนักฟิสิกส์เชิงทฤษฎีที่อยู่ในเมืองเคมบริดจ์ (Cambridge) ผมใช้ชีวิตอยู่ในฟองอากาศแห่งสิทธิพิเศษ เคมบริดจ์เป็นเมืองที่แตกต่างจากเมืองทั่วๆ ไป เป็นเมืองที่มีศูนย์กลางเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในเมืองนั้นเองที่ผมได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมวิทยาศาสตร์ตั้งแต่ตอนผมอายุได้ 20 ปี สังคมที่มีแค่คนจำนวนน้อยได้สัมผัส
.
ในประชาคมวิทยาศาสตร์ที่ว่าประกอบด้วยกลุ่มนักทฤษฎีฟิสิกส์นานาชาติกลุ่มเล็กๆ กลุ่มคนที่ผมทำงานด้วยและเป็นกลุ่มที่ถือตัวว่าเป็นแกนกลางของวงการ ในภาวะแวดล้อมนี้ ความเป็นคนดังเลยติดมากับหนังสือที่ผมเขียน และด้วยความเจ็บป่วยของผมก็ยิ่งโดดเดี่ยวตัวผมมากขึ้น ผมรู้สึกได้ว่า หอคอยงาช้างของผมกำลังก่อตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ
.
ท่ามกลางกระแสต่อต้านชนชั้นนำทั้งในอเมริกาและสหราชอาณาจักรส่วนหนึ่งย่อมโยงมาที่ตัวผมพอๆ กับคนอื่นๆ ไม่ว่าเราจะคิดถึงผลการตัดสินใจของปวงชนในการออกจากสหภาพยุโรปและการที่สาธารณชนเลือกรับโดนัล ทรัมป์ในฐานะประธานาธิบดี ในสายตาของผู้วิพากษ์วิจารณ์ความเป็นไปของสังคม ผลลัพท์เหล่านั้นคือเสียงร้องของผู้คน ผู้คนที่รู้สึกว่าตนเองถูกผู้นำของตนทอดทิ้ง
.
และนี่คือสิ่งที่ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกัน ว่านี่คือห้วงเวลาของผู้ที่ถูกลืมได้ส่งเสียง เป็นการส่งเสียงเพื่อปฏิเสธ พวกเขากำลังปฏิเสธคำแนะนำและแนวทางของพวกผู้เชี่ยวชาญและชนชั้นนำทั้งหลาย
.
ผมเองก็ไม่ได้อยู่นอกข่ายจากสิ่งที่ผมพูดหรอก ผมเคยเตือนไว้ตั้งแต่ก่อนการลงประชามติ Brexit แล้วว่าผลของมันเป็นอันตรายต่อการค้นคว้าวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในสหราชอาณาจักร การออกเสียงนั้นจะนำไปสู่การก้าวถอยหลังลงคลอง และผลการออกเสียง – หรือสัดส่วนจำนวนเสียงที่มีนัยสำคัญทั้งหลาย ไม่ได้สนใจเสียงเตือนของผมเหมือนๆ กับที่ไม่ได้สนใจเสียงของทั้งผู้นำทางการเมือง สมาชิกสมาคมการค้า ศิลปิน นักวิทยาศาสตร์ นักธุรกิจ รวมไปถึงคนดังทั้งหลายที่ต่างให้คำแนะนำกับคนที่เหลือในประเทศนี้ คำแนะนำที่คนไม่แยแสสนใจ
.
สิ่งสำคัญยิ่งกว่าชัยชนะของ Brexit และทรัมป์ คือท่าทีของพวกชนชั้นนำทั้งหลาย ท่าทีว่าหรือเราควรที่จะปฏิเสธการออกเสียงที่มากมายนั้นเพื่อบอกว่าประชานิยมแค่อย่างเดียวไม่สามารถรองรับข้อเท็จจริงต่างๆ ได้ เพราะมันเป็นแค่อุบายและข้อจำกัดของทางเลือกที่ถูกนำเสนอขึ้นมาเท่านั้น ผมต้องบอกว่าการปฏิเสธนั้นจะเป็นข้อผิดพลาดอันใหญ่หลวง
.
ข้อคำนึงสำคัญที่ซุกซ่อนอยู่ในเสียงโหวตคือผลต่อเนื่องทางเศรษฐกิจของโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่ทบทวีขึ้น โรงงานอุตสาหกรรมล้ำสมัยที่ใช้จักรกลกำลังแย่งงานจากโรงงานอุตสาหกรรมแบบที่เราคุ้นเคย และการเฟื่องฟูขึ้นของปัญญาประดิษฐ์ก็มีแนวโน้มที่จะทำให้ตำแหน่งที่หดหายที่ขยายตัวไปสู่ชนชั้นกลาง เหลือแค่งานดูแลที่พิเศษ การสร้างสรรค์ และงานเชิงควบคุมสอดส่องที่เหลือรอด
.
ในกระบวนการเปลี่ยนแปลงนี้เองจะยิ่งเร่งให้ความไม่เสมอภาคทางเศรษฐกิจที่มีอยู่แล้วทั่วโลกยิ่งถ่างขยายขึ้น โลกอินเตอร์เน็ตและแพล็ตฟอร์มต่างๆ ทำให้คนกลุ่มเล็กๆ สามารถสร้างผลกำไรใหญ่โตนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ซึ่งผลคือการจ้างงานนั้นก็ใช้เพียงคนจำนวนไม่มาก และนี่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่เป็นทั้งความก้าวหน้า และพร้อมกันนั้นก็เป็นความพังพินาศของสังคม
.
เราต้องพิจารณาปัญหาเข้าไปการล่มสลายทางการเงิน กิจการที่ให้ประโยชน์แค่กับคนจำนวนหยิบมือที่ทำงานในภาคการเงินที่สามารให้ผลตอบแทนมหาศาลให้กับคนบางส่วน ในขณะที่คนที่เหลืออย่างพวกเราๆ คือพวกที่ผิดพลาดจากความโลภ ทั้งหมดนี้เมื่อรวมกันเข้า เราทั้งหมดต่างใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่คอยแต่จะถ่างขยายความไม่เท่าเทียมทางการเงิน ที่ๆ ไม่ใช่แค่มาตรฐานในการใช้ชีวิต แต่เป็นความสามารถได้คุณภาพชีวิตมานั้น หายไปสิ้น ดังนั้นเลยไม่น่าแปลกใจเลยว่า คนทั้งหลายต่างก็มองหาข้อตกลงหรือหนทางใหม่ๆ หนทางที่ดูเหมือนทรัมป์และ Brexit จะเสนอให้ได้
.
นอกจากนี้ยังมีกรณีผลกระทบจากการแพร่กระจายของอินเตอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียร์ที่ไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นอีก คือทำให้เปลือกของความไม่เสมอภาคยิ่งปรากฏชัดเจนยิ่งขึ้นกว่าที่เคย สำหรับผม ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีในการสื่อสารเป็นประสบการณ์ที่ให้อิสระกับผมและเป็นประสบการณ์แง่บวก ถ้าไม่มีเทคโนโลนี ผมเองก็ไม่สามารถทำงานต่อไปได้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้
.
แต่เทคโนโลยีเองก็ยังเป็นช่องทางสำหรับแสดงชีวิตของพวกเศรษฐีจากส่วนที่มั่งคั่งที่สุดบนโลกนี้ เผยให้ชีวิตที่ร่ำรวยได้ปรากฏทิ่มแทงสายตาให้คนอื่นๆ ได้เห็น ผู้คนที่ยากจนหรือผู้คนจำนวนมากที่มีโทรศัพท์ในมือแต่ไม่มีน้ำสะอาดจะบริโภคในทวีปอัฟริกา และนี่คือห้วงเวลาที่เกือบจะทุกคนในโลกไม่อาจหนีจากความไม่เท่าเทียมกันได้
.
ผลต่อเนื่องดังกล่าวมันง่ายที่จะมองเห็น ชาวชนบทที่ยากไร้ต่างพากันเข้ามาในเมืองใหญ่ มาสู่บ้านช่องโกโรโส มาด้วยความหวัง และในที่สุดแล้วก็พบว่านิพพานในอินสตราแกมไม่ได้มีอยู่จริง พวกเขาก็ค้นหาต่อไปยังที่อื่นๆ ไปร่วมกับผู้อพยพเพื่อความร่ำรวยจำนวนมากมายเพื่อค้นหาชีวิตที่ดีกว่าเดิม ผู้อพยพเหล่านี้ก็ได้สร้างความต้องการโครงสร้างพื้นฐานและการขยายตัวทางเศรษฐกิจในประเทศที่พวกเขาก้าวเข้าไป การมาถึงนี้บ่อนเซาะความอดกลั้นและยิ่งไปโหมกระพือแนวคิดแบบประชานิยม
.
สำหรับผมแล้วสิ่งที่ควรจะคำนึงก่อนสำหรับในห้วงเวลานี้ ที่ควรคำนึงยิ่งกว่าช่วงเวลาไหนๆ ในประวัติศาสตร์ของเรา เผ่าพันธุ์ของเราต้องกลับมาร่วมมือกันอีกครั้ง เรากำลังเผชิญหน้าความท้าทายทางสิ่งแวดล้อมครั้งใหญ่ เช่นการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศ การผลิตอาหาร จำนวนประชากรที่ล้นเกิน การทำลายล้างสายพันธุ์อื่นๆ โรคระบาด รวมถึงภาวะที่ท้องทะเลกลายสภาพเป็นกรด
.
ทั้งหมดควรจะเป็นเครื่องเตือนใจว่า เราต่างอยู่ในห้วงเวลาที่อันตรายที่สุดเท่าที่มนุษยชาติเคยเผชิญมา เราในตอนนี้มีเทคโนโลยีระดับทำลายโลกของเราได้ แต่เรายังไม่ได้พัฒนามันไปจนถึงจุดที่เราสามารถหนีออกไปจากโลกนี้ได้ จริงอยู่ที่อาจเป็นไปได้ว่าในอีกไม่กี่ร้อยปีมนุษย์เราจะสามารถไปตั้งรกรากในดาวดวงอื่นได้ แต่ตอนนี้เรามีดาวเคราะห์อยู่แค่ดวงเดียว และเราจำเป็นยิ่งที่จะต้องร่วมมือกันเพื่อปกป้องมัน
.
และเพื่อที่จะทำเช่นนั้น เราจะต้องสลายกำแพงไม่ใช่ก่อกำแพง กำแพงทั้งหลายทั้งภายในและกำแพงระหว่างชาติต่างๆ ถ้าเรายืนหยัดที่จะทำเช่นนั้น ผู้นำของโลกนี้จะต้องรับรู้ว่าพวกเขาจะเผชิญความผิดพลาด ครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยทรัพยากรที่อยู่ในมือของคนไม่กี่คน เราจะต้องได้เรียนรู้ที่จะแบ่งปันยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
.
ไม่ใช่แค่ตำแหน่งงานที่หายไปแต่เป็นอุตสาหกรรมทั้งระบบที่หายไปด้วย เราต้องช่วยฝึกฝนผู้คนในการรับมือกับโลกใหม่ ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่พวกเขา ถ้าประชาคมและระบบเศรษฐกิจไม่อาจรองรับการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานได้ เราก็ต้องเร่งการพัฒนาในระดับโลกอันเป็นหนทางเดียวที่จะนำผู้อพยพนับล้านได้กลับไปมีอนาคตของตนที่บ้านเกิดเมืองนอน
.
เราสามารถทำได้ ผมเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีอย่างสุดซึ้งสำหรับสายพันธุ์ของผม แต่มันต้องมีบทเรียน บทเรียนที่เหล่าชนชั้นนำทั้งจากลอนดอนถึงฮาร์วาร์ด จากเคมบริดจ์ถึงฮอลลีวูด บทเรียนที่เราต้องเรียนรู้จากปีที่ผ่านมา บทเรียนที่รู้ถึง การถ่อมตน
.
.
ที่มา https://www.theguardian.com/…/stephen-hawking-dangerous-tim…

ไม่มีความคิดเห็น: