PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560

ข่าว23/1/60

สถานการณ์ข่าว

ทำเนียบรัฐบาล ปรับภูมิทัศน์ใหม่เสริมอ่างบัว สวนหย่อม ข้างตึกไทยคู่ฟ้า และหน้าตึกบัญชาการ 10 กระถาง

บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลเช้าวันนี้ มีการปรับภูมิทัศน์ใหม่ โดยมีการนำอ่างบัวสีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เมตร สูง 60 เซนติเมตร จำนวน 10 ใบ ปลูกบัวสีม่วงและสีเหลือง ไว้ที่สวนหย่อม ด้านข้างตึกไทยคู่ฟ้า สวนหย่อม ด้านหน้าตึกบัญชาการ 1 สวนหย่อมบริเวณศาลพระภูมิและศาลตายาย ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล เพราะดอกบัวถือเป็นดอกไม้มงคลประจำพุทธศาสนา ทำให้มีความร่มเย็นเป็นสุข

ทั้งนี้ จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า เป็นการตกแต่งสถานที่ให้มีความสวยงาม ขณะที่ นายภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล ซินแสชื่อดัง กล่าวว่า วิธีปลูกบัวสีที่ทำเนียบรัฐบาล
ไม่น่าจะเกี่ยวกับการปรับฮวงจุ้ย หรือเสริมดวง เพราะด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า มีคลองเปรมประชากร และด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้า ก็มีคลองน้ำไหลผ่านอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเสริมฮวงจุ้ยด้วยกระถางบัว
-------
อนุฯ พิจารณาศึกษาสร้างความปรองดองทางการเมืองนัดประชุมครั้งแรก หารือหลักการสร้างปรองดอง

ความเคลื่อนไหวที่รัฐสภา เช้านี้ ร้อยเอกทินพันธุ์ นาคะตะ ประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ มีคำสั่งงดการประชุม สปท. ในวันจันทร์ที่ 23 และวันอังคารที่ 24 มกราคม 2560 เพื่อให้สมาชิกได้ปฏิบัติงานด้านการปฏิรูปในชั้นกรรมาธิการสามัญชุดต่างๆ โดยในเวลา 10.00 น. คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษา รวบรวมความคิดเห็น วิเคราะห์ และสังเคราะห์ประเด็นการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและการสร้างความปรองดองทางการเมือง ในคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ หรือ สปท. ซึ่งวันนี้ เป็นการประชุมนัดแรก

ที่อาคารรัฐสภา 2 ห้อง 215-216 ชุดที่มีนายสังศิต พิริยะรังสรรค์ เป็นประธาน เพื่อพิจารณาเรื่องการกำหนดกรอบและแนวทางการดำเนินงานของคณะอนุกรรมาธิการ รวมถึงการกำหนดวัน เวลาการประชุมคณะกรรมาธิการ ทั้งนี้ การตั้งคณะอนุกรรมการชุดนี้ สืบเนื่องสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมไทยอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ดังนั้น เพื่อให้เกิดการคลี่คลายประเด็นปัญหาและป้องกันปัญหาความขัดแย้งไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก จึงต้องมีการพิจารณาศึกษาให้สอดคล้องกับแผนปฏิรูป
--------------
"สังศิต" นำถกอนุฯ กมธ. ศึกษาปรองดองนัดแรก คาดจบใน 1 เดือน - พท. ปชป. กปปส. นปช. ส่งคนร่วม

การประชุมนัดแรกของคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษา รวบรวมความคิดเห็น วิเคราะห์ และสังเคราะห์ ประเด็นการแก้ปัญหาความขัดแย้ง และการสร้างความปรองดองทางการเมือง ในคณะกรรมาธิการการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ซึ่งการประชุมครั้งนี้ เพื่อวางหลักการ ขอบเขต และระยะเวลาการทำงาน โดย นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ทำหน้าที่ประธาน คาดว่า การวางกรอบการทำงานจะแล้วเสร็จภาย 1 เดือน ทั้งนี้ เบื้องต้นได้ทำหนังสือไปยังพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองเพื่อขอความเห็น และข้อเสนอแนะ เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง และการสร้างความปรองดองทางการเมือง เป็นเอกสาร โดยขอรับขอมูลภายในวันที่  31 มกราคมนี้ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการศึกษา เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะอนุกรรมาธิการต่อไป

สำหรับการประชุมในวันนี้ จะมีสมาชิก สปท. ซึ่งเป็นตัวแทนจากฝ่ายการเมืองต่าง ๆ มาร่วมประชุมในฐานะอนุกรรมาธิการ อาทิ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ จากพรรคเพื่อไทย, นายสมพงษ์ สักวี จาก นปช., นายกษิต ภิรมย์ จากพรรคประชาธิปัตย์, นายนิกร จำนง จากพรรคชาติไทยพัฒนา, นายวิทยา แก้วภารดัย จาก กปปส., พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ตัวแทนคนนอกจากสถาบันพระปกเกล้า
----------------
รองเลขาฯ คสช. กำชับทุกหน่วยเตรียมความพร้อมงานพระราชพิธีพระบรมศพ ศึกษาโบราณราชประเพณี จัดเตรียมองค์ประกอบต่าง ๆ ให้มีความสมบูรณ์ที่สุด 

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า วันนี้ พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร รองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมสำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยได้เน้นย้ำภารกิจสำคัญเตรียมงานพระราชพิธีพระบรมศพ โดยให้ทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมงานพระราชพิธีในด้านต่าง ๆ ศึกษาโบราณราชประเพณี จัดเตรียมองค์ประกอบต่าง ๆ ให้มีความสมบูรณ์ ซึ่งขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เริ่มดำเนินการในบางส่วนแล้ว อาทิ การปรับสถานที่ การบวงสรวงขอขมา "ราชรถ-ราชยาน" ก่อนการบูรณะ และการจัดเตรียมบุคลากรเป็นต้น
--------------
คสช. พร้อมสนับสนุน รบ. เดินหน้าสร้างความปรองดอง เร่งรัดจัดระเบียบสังคมให้เข้มข้นเพื่อประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร รองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กำชับให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ยังคงกำกับดูแลและให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องในการจัดระเบียบสังคม เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์และมีความปลอดภัย โดยเฉพาะงานเร่งด่วน อาทิ การจัดระเบียบรถตู้สาธารณะ, วินจักรยานยนต์รับจ้าง, ป้องปรามการแข่งรถจักรยานยนต์ในทางสาธารณะ, ตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่สาธารณะ ตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรม ไม่ให้ปล่อยของเสียลงแหล่งน้ำสาธารณะ ตรวจสอบรถบรรทุกไม่ให้มีการบรรทุกเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด เป็นต้น

นอกจากนี้ รองเลขา คสช. ยังได้ กล่าวถึงนโยบายเกี่ยวกับแนวทางการสร้างความสามัคคีปรองดอง ซึ่งมี 3 ขั้นตอนสำคัญ คือ การรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของพรรคการเมือง กลุ่มการเมือง การรวบรวมข้อคิดเห็น การหาข้อยุติร่วมกันและทำสัญญาประชาคม โดยยืนยันรัฐบาลมีความตั้งใจจริงต่อการขับเคลื่อนตามแนวทางดังกล่าว ซึ่งจะช่วยให้สังคมไทยมีความสงบสุขและร่วมกันพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า

ทั้งนี้ คสช. จะใช้กลไกของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ในการช่วยสร้างการรับรู้และเผยแพร่แนวทางการสร้างความสามัคคีปรองดองให้ประชาชนและส่วนที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ได้รับทราบ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมและให้การสนับสนุนตามแนวทางของแต่ละฝ่ายต่อไป
-------------
พล.อ.ประวิตร พร้อม ผบ.เหล่าทัพ ให้การต้อนรับสื่อมวลชน เพื่อสานสัมพันธ์พูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน  

ความเคลื่อนไหวที่กระทรวงกลาโหมในวันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมผู้บัญชาการเหล่าทัพ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ให้การต้อนรับสื่อมวลชน ทั้งบรรณาธิการข่าว ผู้สื่อข่าวสายทหารจากทุกสำนัก ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน เพื่อสานสัมพันธ์และพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน ซึ่งกิจกรรมกลาโหมพบสื่อนั้น ได้จัดขึ้นในทุกปี ซึ่งปีนี้มีความพิเศษ เพราะได้เชิญผู้บัญชาการเหล่าทัพ มาร่วมด้วย แต่ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก และ พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ ที่ติดภารกิจต่างประเทศไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานได้
-----------
พล.อ.ประวิตร มั่นใจแนวทางสร้างความปรองดอง จะประสบความสำเร็จเร็จ ยืนยันจัดซื้ออาวุธโปร่งใส 

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนานกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพ โดยยืนยันว่า ทุกอย่างอย่างโปร่งใสเป็นไปตามขั้นตอนของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด และเมื่อจัดซื้อแล้วจะมีขั้นตอนในการตรวจรับ โดยเน้นว่าการจัดซื้อของทุกเหล่าทัพต้องไม่มีปัญหาความขัดแย้ง

พร้อมกันนี้พลเอกประวิตร กล่าวถึงสร้างความปรองดองว่า ได้พูดคุยกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีโดยตลอด และจะเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายทั้งพรรคการเมือง ประชาชน นักธุรกิจ นักวิชาการ มาร่วมให้ข้อมูลว่าอยากให้ประเทศนี้เป็นอย่างไร ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการได้จริงปละประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมากระทรวงกลาโหมมีความตั้งใจที่อยากทำงานความมั่นคงให้ดีที่สุด หากประเทศมีความมั่นคง จะสามารถเดินหน้าทุกอย่างได้อย่างสร้างสรรค์อยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข จึงอยากขอความร่วมมือกับทุกฝ่ายเพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปได้
--------------
"มีชัย" ยืนยัน ได้รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชามติคืนมาแล้ว อุบแจงข้อสังเกต รอปรับแก้ไขกรอบ 30 วัน

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐบาลได้รับพระราชทานร่างรัฐธรรมนูญ และข้อสังเกตกลับคืนมาแล้ว ส่วนรับพระราชทานกลับคืนมาวันไหน และจะเริ่มนับกรอบ 30 วัน ในการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ ต้องให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ชี้แจงด้วยตัวเอง ขณะเดียวกัน ยอมรับว่า ได้เห็นข้อสังเกตบางส่วนแล้วเช่นกัน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยรัฐบาล และคณะกรรมการกฤษฎีกาชุดพิเศษ จะช่วยการแก้ไข

อย่างไรก็ตาม การประชุมคณะกรรมการกฤษฎีกาชุดพิเศษ ในเย็นวันนี้ จะมีความชัดเจนเรื่องกรอบเวลา และกรอบการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญตามข้อสังเกตที่ได้รับพระราชทานมา
-----------
"วิษณุ" แจงโครงสร้าง คกก.บริหารราชการแผ่นดินตามกรอบปฏิรูป มี นายกฯ เป็นประธาน ไม่จำเป็นต้องตั้งอนุฯ เหมือนชุดอื่น ๆ

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงส่วนงานรับผิดชอบในคณะกรรมการย่อย ของคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดิน ตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ และสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) ว่า เบื้องต้นรับผิดชอบในส่วนของคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ชุด โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีการตั้งคณะอนุกรรมการเหมือนชุดอื่น ๆ เนื่องจากคณะกรรมการชุดดังกล่าว เป็นรัฐมนตรีทั้งหมด โดยจะมีการกลั่นกรองงานที่เป็นปัญหา มีข้อขัดแย้งไม่อาจบูรณาการได้ระหว่างหลายกระทรวง ไม่ว่าจะติดขัดในเรื่องทางกฎหมาย บุคลากร งบประมาณ เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว ลดขั้นตอนในการทำงาน ก่อนที่จะเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี ซึ่งที่ผ่านมามีคณะทำงานอยู่แล้ว แต่เนื่องจากไม่เป็นระบบจึงต้องตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมาพิจารณา
-------
"วิษณุ" เผย ร.10 พระราชทาน ร่าง รธน. ฉบับประชามติคืนมาให้แก้ไขแล้ว เร่งทำตามกรอบ 30 วัน ครบกำหนด 18 ก.พ.

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย เปิดเผยว่า ได้รับพระราชทานร่างรัฐธรรมนูญคืนมาเพื่อแก้ไขตั้งแต่วันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้จะมีการนัดประชุมคณะกรรมการที่จะปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญ โดยมีกรอบเวลาในการแก้ไข จนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ในเวลา 30 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ นี้
-------------
"สังศิต" เผย ผลถกอนุกรรมาธิการปรองดอง วางกรอบงาน 2 เดือน ยึดโมเดลป๋าเปรม ขณะมั่นใจลดขัดแย้งได้

นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษา รวบรวมความคิดเห็น วิเคราะห์ และสังเคราะห์ ประเด็นการแก้ปัญหาความขัดแย้ง และการสร้างความปรองดองทางการเมือง ในคณะกรรมาธิการการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) แถลงผลการประชุมนัดแรกวันนี้ว่า ได้กำหนดเป้าหมายการทำงาน ที่จะทำให้ความขัดแย้งระหว่างพรรคและกลุ่มการเมืองยุติลง ทำให้เลิกอคติ เพื่อให้เกิดเสถียรภาพทางการเมือง ความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเบื้องต้นอนุกรรมาธิการ จะนำนโยบายและมาตรการ 66/23 และ 66/25 ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ สมัยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มาเป็นหลักการการทำงานพร้อมเชื่อว่า การประกาศนโยบายปรองดองของรัฐบาล จะลดความตึงเครียดสถานการณ์ทางการเมืองลงได้

อย่างไรก็ตาม แนวทางการทำงานของอนุกรรมาธิการฯ จะใช้เอกสารจาก 9 คณะ ที่เคยศึกษาเรื่องความปรองดองมาก่อน มาต่อยอด รวมไปถึงได้ส่งจดหมายไปยังพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย กลุ่ม นปช. และ กปปส. ขอให้ทำเอกสารความเห็นที่เป็นทางการส่งกลับมาภายใน 2 สัปดาห์ ซึ่งกรอบการทำงานของอนุกรรมาธิการฯ จะใช้เวลาไม่เกิน 60 วัน ก่อนเสนอสู่ที่ประชุม สปท.
/////////
"วิษณุ" รอผลสอบทุจริตซื้ออะไหล่การบินไทย ยัน นายกฯ ไม่ได้สั่งการเร่งรัดตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงการตรวจสอบบริษัท โรลส์ - รอยซ์ ติดสินบนการบินไทย จัดซื้อจัดจ้างอะไหล่เครื่องยนต์การบินไทย ปี 2534 - 2548 สมัยที่เป็นรองนายก
รัฐมนตรี ในรัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร ว่า ส่วนตัวจำรายละเอียดไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ต้องรอให้การบินไทยรวบรวมข้อเท็จจริงว่าเกี่ยวข้องกับใครบ้าง โดยไม่ใช่การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเอาผิดและเรื่องดังกล่าวไม่จำเป็นต้องส่งข้อมูลมาให้ตนเอง แต่ต้องส่งข้อมูลไปยังรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมและรายงานให้รัฐบาลรับทราบ

ขณะเดียวกัน การบินไทย ไม่มีอำนาจในการขอข้อมูล จากสำนักงานต่อต้านการทุจริตของประเทศอังกฤษ แต่เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ของ
ไทย ที่จะประสานขอข้อมูล ซึ่งรัฐบาลจะรอข้อมูล จาก ป.ป.ช. และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อดูความเชื่อมโยง ว่ามีการจ่ายสินบนให้ใคร

อย่างไรก็ตาม นายวิษณุ กล่าวยืนยันว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีไม่ได้สั่งการใด ๆ เป็นเรื่องของหน่วยงานที่จะตรวจสอบ อีกทั้งการขอเอกสารจาก โรลส์-รอยซ์ ถือว่าทำได้ยาก เพราะเป็นเรื่องลับ ที่ต้องขอจากสำนักงานต่อต้านการทุจริตของประเทศอังกฤษ
-----------------

ไม่มีความคิดเห็น: