PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

‘แอลทีเอฟ’ครึ่งปีเงินออก1.5หมื่นล้าน

‘แอลทีเอฟ’ครึ่งปีเงินออก1.5หมื่นล้าน

24 กรกฎาคม 2560
 374
"แอลทีเอฟ" ครึ่งปีเงินออก1.5หมื่นล้าน คาดนักลงทุนขายทำกำไรหลังผลตอบแทนย้อนหลังดี
มอนิ่งสตาร์ เผยกอง “แอลทีเอฟ” ครึ่งปีแรกเงินไหลออกกว่า 1.5 หมื่นล้าน เชื่อขายทำกำไรหลังผล
ตอบแทนย้อนหลังดี ยังเชื่อครึ่งปีหลังมีเงินไหลเข้า ชี้ถือเป็นธรรมชาติของกองทุนนี้ ขณะกองอาร์
เอ็มเอฟ เริ่มมีนักลงทุนทยอยกลับซื้อแล้ว
นายกิตติคุณ ธนรัตนพัฒนกิจ นักวิเคราะห์กองทุน ประจำประเทศไทย บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ซ
 (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ ภาพรวมกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) มีเม็ด
เงินไหลออกสุทธิ 15,200 ล้านบาท ทำสถิติเงินไหลออกสูงสุดเป็นอันดับ 2 รองจากปี 2555 ที่มีเม็ด
เงินไหลออกสุทธิ 20,004 ล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกัน
“ดูเหมือนว่านักลงทุนจะเน้นการขายหน่วยลงทุนออกเพื่อทำกำไรโดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากผลตอบ
แทนที่น่าพอใจจากการลงทุนตลอดเวลาที่ผ่านมา ผลตอบแทน 5 ปีย้อนหลัง เฉลี่ย 6.9% ต่อปี, 7 ปี 
ได้อยู่ที่เฉลี่ย 10.51% ต่อปี และ 10 ปี ได้อยู่ที่เฉลี่ย 8.55% ต่อปี ประกอบกับสถานการณ์การลงทุน
ที่ตลาดยังดูมีความผันผวนอยู่มาก”
อย่างไรก็ตาม ถือเป็นธรรมชาติของกองทุนประเภทนี้ ที่ผู้ลงทุนส่วนใหญ่จะรอซื้อในช่วงปลายปี เพราะ
ในช่วง 6 เดือนหลังของทุกปีจะกลับไปเป็นยอดเงินทุนไหลเข้าสุทธิโดยตลอด โดยยอด 3 ปีล่าสุด มี
ยอดซื้อสุทธิกลับเข้ามาในช่วง 6 เดือนหลังของปี จำนวน 28,080 ล้านบาท, 41,386 ล้านบาท และ 
36,390 ล้านบาทตามลำดับ
“แม้ช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมานี้ จะมีนักลงทุนจับจังหวะซื้อสะสมอยู่บ้าง ด้วยโอกาสจะเอื้อต่อการได้
ต้นทุนที่ค่อนข้างถูก เนื่องจากตลาดหุ้นไทยยังไม่ไปไหนไกล บวกไปเพียง 2% กว่าเท่านั้น แต่ด้วย
ยอดขายทำกำไรที่มีสูงกว่าจึงสะท้อนออกมาเป็นเงินไหลออกสุทธิจากกองทุนประเภทนี้”
ในขณะที่กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) นายกิตติคุณ กล่าวด้วยว่า หลังจากที่มีการขาย
สุทธิออกค่อนข้างมากผิดปกติในไตรมาสแรก ก็เริ่มมีนักลงทุนซื้อกลับเข้ามาบ้างเล็กน้อยในไตรมาส
ที่สอง ส่งผลให้ในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ มีเม็ดเงินไหลเข้าสุทธิกลับมาเป็นบวกได้ที่ 13 ล้านบาท แต่
ก็ยังถือว่าเป็นยอดที่ต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี
โดยพบว่า ในปี 2559 มียอดซื้อ อาร์เอ็มเอฟ สุทธิ 385 ล้านบาท, ปี 2558 มียอดซื้อสุทธิ 2,713 
ล้านบาท, ปี 2557 มียอดซื้อสุทธิ 1,765 ล้านบาท และปี 2556 มียอดซื้อสุทธิสูงสุด 5,489 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ธรรมชาติของกองทุนอาร์เอ็มเอฟ จะมียอดซื้อเข้ามาตลอดทั้งปีอยู่แล้ว เพราะเงื่อนไขใน
การขายหน่วยลงทุนมีความแตกต่างกัน และเช่นเดียวกันยอดซื้อจะไปกระจุกตัวในช่วงปลายปีเช่นเดียว
กับกองทุนแอลทีเอฟ
ดังนั้น ภาพรวมของทั้งกองทุน แอลทีเอฟและอาร์เอ็มเอฟ ตลอดทั้งปีนี้ ยังมีแนวโน้มในการเติบโตได้
ดี เพราะเชื่อว่าแรงขายจากนักลงทุนที่ตั้งใจอยากจะขายกองทุนทั้ง 2 ประเภทนี้นั้นน่าจะลดลงจนเกือบ
จะหมดแล้ว ซึ่งก็คาดการณ์ได้ว่าหลังจากนี้ครึ่งหลังของปีน่าจะมีแต่กำลังซื้อทยอยกลับเข้ามาโดยเฉพาะ
ช่วงเดือนสุดท้ายของปี หลังจากในช่วงครึ่งปีแรกปี 2560 กองทุน แอลทีเอฟ มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 
330,809 ล้านบาท และกองทุน อาร์เอ็มเอฟ มีอยู่ 219,302 ล้านบาท พร้อมกันนี้แนะนำว่าผู้ลงทุนที่ต้อง
การซื้อกองทุน แอลทีเอฟและอาร์เอ็มเอฟ เพื่อลดหย่อนภาษี หากในช่วงนี้หายังลังเล อาจตกขบวนเสีย
โอกาสซื้อด้วยต้นทุนที่ถูกกว่า

ไม่มีความคิดเห็น: