PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

"กำลังพลสำรอง-นายจ้าง" เตรียมเฮ!!



"กำลังพลสำรอง-นายจ้าง" เตรียมเฮ!!
"บอร์ดกำลังพลสำรอง" จ่อให้สิทธิประโยชน์ 12ข้อให้"กำลังพลสำรอง" ที่มาฝึก ทั้ง ได้เครื่องราชย์ฯ-ได้รับคะแนนเพิ่มพิเศษ เมื่อสมัครสอบเข้ารับราชการทหาร-ขอพระราชทานเพลิงศพและกองทหารเกียรติยศ-ได้สิทธิรักษาพยาบาลครอบคลุมถึงครอบครัว-รับทุนการศึกษาครอบคลุมถึงครอบครัว-เพิ่มค่าอาหารเบี้ยเลี้ยงค่ารถ-บัตรประจำตัวทันสมัย-ได้ยศสูงกว่า"ว่าที่พันตรี"....ส่วน"นายจ้าง-ผู้ประกอบการ"มีสิทธิเข้าเรียน-อบรม หลักสูตรทหาร-ความมั่นคง ได้หนังสือขอบคุณ-ลดภาษี และได้สิทธิ์ขอใช้สถานที่ของกองทัพ จัดกิจกรรม/ ให้ปรับปรุงหลักสูตร รด.เพิ่มฝึกบรรเทาภัยพิบัติ/ให้ตั้ง ชมรมกำลังพลสำรอง/ ให้เหล่าทัพ เปิดอัตรา รับกำลังพลสำรอง เข้ารับราชการทหาร ด้วย/การที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง
ที่กลาโหม....พลเอกอุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะรองประธานคณะกรรมการกำลังพลสำรอง (คกส.)เป็นตัวแทนพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำลังพลสำรอง ในการประชุมคณะกรรมการกำลังพลสำรอง เพื่อพิจารณาสิทธิประโยชน์ให้กับนายจ้างและกำลังพลสำรองที่เข้ารับราชการทหาร
โดยมีปลัดกระทรวงกลาโหม ตัวแทน ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงคมนาคม ปลัดกระทรวงแรงงานและเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นคณะกรรมการฯรวม 29 คน
ที่ประชุม พิจารณากรณีการเรียกกำลังพลสำรองเข้ารับราชการทหารตั้งแต่2 เดือนขึ้นไป. จึงเห็นควรให้นายจ้างหรือผู้ประกอบการสามารถ งดส่งเงินประกันสังคมในง่วงเวลาที่กำลังพลสำรองเข้ารับราชการทหาร
เมื่อลูกจ้างซึ่งเป็นกำลังพลสำรองเข้ารับราชการทหารในการที่จะต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้าง ตามจำนวนวันที่เข้ารับราชการทหาร เท่ากับ ค่าจ้างในการทำงานให้กับนายจ้างและผู้ประกอบการสามารถนำค่าจ้าง จำนวนนั้นมาลดหย่อนภาษีได้
นอกจากนี้ หลังจากรับราชการแล้ว สมควรจัดทำหนังสือขอบคุณให้กับนายจ้างและผู้ประกอบการที่อนุญาตให้กำลังพลสำรองมารับราชการทหาร
รวมทั้งให้นายจ้างและผู้ประกอบการที่ให้ความร่วมมือได้รับสิทธิ์ในการขอใช้สถานที่หรือสิ่งอำนวยความสะดวกของกองทัพเช่นสถานที่จัดกิจกรรม อบรม และจัดสัมมนา
นอกจากนี้ ให้สิทธิแก่นายจ้างหรือผู้ประกอบการที่ให้ความร่วมมือได้มีโอกาสเข้าอบรมในหลักสูตรต่างๆของกองทัพที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาและความมั่นคงของประเทศ
นอกจากนี้ ยังให้สิทธิประโยชน์ให้กับกำลังพลสำรอง 12ข้อ คือ
1.การมีบัตรประจำตัวกำลังพลสำรองที่ทันสมัยและมีมาตรฐานเพื่อใช้แสดงตนในโอกาสต่างๆ
2. ได้สิทธิในการได้รับคะแนนเพิ่มพิเศษ กรณีสมัครสอบเข้ารับราชการทหาร
3. มีแนวทางการเลื่อนยศและขั้นเงินเดือนของกำลังพลสำรองอย่างเหมาะสมชัดเจน
4. ให้พิจารณาปลด ว่าที่ยศให้แก่กำลังพลสำรองที่เข้ารับราชการทหารและมีรายชื่อบรรจุกำลังของหน่วยกำลังพลสำรอง ครบตามระยะเวลาที่กำหนดได้รับการเลื่อนยศสูงขึ้นมากกว่า "ว่าที่พันตรี" กรณีได้รับการบรรจุรายชื่อลงในบัญชีบรรจุกำลังของหน่วยกำลังพลสำรองในตำแหน่งอัตราสูงกว่า "ว่าที่พันตรี"
5. ขอพระราชทานเพลิงศพและกองทหารเกียรติยศ
6. ได้สิทธิในการรักษาพยาบาลครอบคลุมถึงครอบครัวของกำลังพลสำรอง
7. สิทธิประโยชน์ด้านทุนการศึกษาครอบคลุมถึงครอบครัวของกำลังพลสำรอง
8. พิจารณาให้เครื่องราชอิสริยาภรณ์ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดเห็นควร
9. เพิ่มสิทธิประโยชน์ในด้านการช่วยเหลือให้กำลังพลสำรองที่ได้รับอันตรายหรือเจ็บป่วยจากการเข้ารับราชการทหารเพื่อจูงใจในการสมัครเข้าเป็นกำลังพลสำรองของกองทัพ
10. ผลักดันให้มีการเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับกำลังพลสำรองให้ครอบคลุมตั้งแต่วันแรกที่มีชื่อ บรรจุในอัตราของหน่วยไปจนครบวาระตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายเนื่องจากสิทธิประโยชน์ของกำลังพลสำรองตามกฏหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องในปัจจุบันระบุ
11. ให้ได้รับสิทธิประโยชน์เฉพาะห้วงเวลาของการรับการฝึกและช่วงเวลาที่หน่วยเรียกเข้ามาปฎิบัติหน้าที่เท่านั้น
12. สิทธิประโยชน์ในเรื่องค่าอาหาร ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าพาหนะควรปรับสูงขึ้นจากเดิมเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ที่ประชุม ยังมีการเสนอแนวทางการพัฒนากิจการกำลังพลสำรองของกระทรวงกลาโหมในช่วงเวลา5- 10 ปี ใน8 ประเด็น คือ
โดยให้กระทรวงกลาโหมร่วมกับเหล่าทัพกำหนดอัตราตำแหน่งการบรรจุในการเปิดรับสมัครบุคคลเข้าเป็นกำลังพลสำรองให้ครอบคลุมในทุกภารกิจที่กระทรวงกลาโหมต้องการเปิดรับสมัคร
รวมถึงให้เพิ่มประสิทธิภาพในการฝึกนักศึกษาวิชาทหารและทหารกองประจำการเพื่อให้มีทัศนคติที่ดีต่อกิจการทหาร และกิจการกำลังพลสำรอง
นอกจากนี้ให้กระทรวงกลาโหมส่งเสริมให้มีการจัดตั้งองค์กร ชมรม สมาคมกำลังพลสำรอง เพื่อเป็นศูนย์ประสานงานกำลังพลสำรอง และเป็นเครือข่ายกำลังพลสำรอง ของกระทรวงกลาโหมให้ครอบคลุมในทุกจังหวัด
รวมทั้ง ให้กระทรวงกลาโหมร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดทำรูปแบบหรือแผนงานการปลดถ่าย กำลังพลสำรอง เมื่อพ้นเวลาการเป็นกำลังพลสำรอง
และให้ได้รับสิทธิ์เข้ารับราชการหรือทำงานในหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ
นอกจากนี้ให้มีการกำหนดตำแหน่งอัตราในการบรรจุกำลังพลสำรองที่มาจากนักศึกษาวิชาทหารหญิงหรือหญิงที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดลงในบัญชีกำลังพลสำรองของหน่วย
รวมทั้ง ให้กระทรวงกลาโหมกำกับดูแลการคัดเลือกทหารกองเกินและทหารกองหนุนเข้าเป็นกำลังพลสำรองตามมาตรา 15 วรรคสอง ของพระราชบัญญัติกำลังพลสำรองพ.ศ. 2558 ให้มีความบริสุทธิ์ยุติธรรมและมีการจัดอบรมให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติเพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง
รวมถึง การให้กระทรวงกลาโหมจัดทำคู่มืออธิบายการใช้พระราชบัญญัติกำลังพลสำรอง 2558 และกฎหมายลำดับรองแจกจ่ายให้หน่วยที่เกี่ยวข้องให้กลาโหมร่วมกับเหล่าทัพปรับปรุงหลักสูตรการฝึกนักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่1ถึงปีที่5 ให้เพิ่มหลักสูตรการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อให้นักศึกษาวิชาทหารที่จะเป็นกำลังพลสำรองในอนาคตเมื่อได้รับการเรียกกำลังพลสำรองเพื่อปฏิบัติราชการจะได้มีความรู้ความเข้าใจในการช่วย เหลือประชาชนและบรรเทาภัยพิบัติต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ การเรียกกำลังพลสำรองเพื่อปฏิบัติราชการในการช่วยเหลือประชาชนจากภัยพิบัติมณฑลทหารบกหรือหน่วยกำลังพลสำรองไม่ได้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณประจำปีเพื่อใช้จ่ายในการเรียกกำลังพลสำรองในการปฏิบัติราชการไว้จึงเห็นควรให้มีการจัดเตรียมงบประมาณสำรองเพื่อสนับสนุนการเรียกกำลังพลสำรองปฏิบัติราชการให้กับมณฑลทหารบกและหน่วยกำลังพลสำรอง
แต่ ทั้งหมดนี้ เป็นแค่ข้อเสนอ และอยู่ระหว่างการไปประสานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ดำเนินการตามที่พิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่

ไม่มีความคิดเห็น: