
แนวโน้มการตั้งกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย ขึ้นมาทบทวน ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ตามคิวที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพิ่งมีมติแต่งตั้งสดๆร้อนๆ
ในคิวที่ตัวแทน 3 ฝ่าย สนช. กรธ. และ กกต.ยังไม่ทันได้เริ่มจับเข่าคุยหารือกรอบแก้ไขอย่างจริงๆจังๆ
ดันมีข่าวเล็ดลอดถึงแนวทางการปรับปรุงร่าง พ.ร.บ.พรรคการเมืองให้นักเลือกตั้งผวาหนักมากยิ่งขึ้น
ตามทิศทางชวนขนลุกที่เสนอให้มีบทลงโทษกรณีทุจริตในการคัดเลือกผู้สมัครระบบไพรมารีโหวต ถึงขั้นให้ “ยุบพรรค” หากจับได้ว่า กรรมการบริหารพรรคมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกรับเงินรับทองจากผู้สมัคร เพื่อช่วยเหลือให้ได้สิทธิเป็นตัวแทนผู้สมัครในนามพรรค
ตรรกะทำผิดแค่คนเดียว แต่เหมารวมตายยกเข่ง ถูกปลุกผีกลับมาเขย่าขวัญนักการเมืองให้หนาวๆร้อนๆอีกรอบ เผลอๆอาจถูกน็อกกลางอากาศทั้งพรรค โดยที่ยังไม่ทันได้ลงสนามเลือกตั้งด้วยซ้ำ
ทำไปทำมาร่าง พ.ร.บ.พรรคการเมืองฉบับรีไซเคิล ทำท่าจะเผ็ดร้อนกว่าฉบับเดิมที่สนช.ให้ความเห็นชอบก่อนหน้านี้
ยิ่งมีต้นเรื่องมาจาก พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ชื่อนี้บอกยี่ห้อชัดไม่เอา “ทักษิณ” ที่ได้มานั่งกำกับเป็นประธานกรรมาธิการยกร่าง พ.ร.บ.พรรคการเมือง ออกมายอมรับตรงๆจะเสนอปรับปรุงเนื้อหากฎหมาย ถ้ามีกรรมการบริหารพรรคไปมีส่วนรู้เห็นการทุจริตไพรมารีโหวต
ย่อมมีผลให้ถูกยุบพรรคด้วย
ต้นเรื่องส่งสัญญาณชัดมาแบบนี้ แม้จะยังไม่รู้ว่า กมธ.ร่วม 3 ฝ่ายจะเอาด้วยกับสูตรใหม่หรือไม่
แต่หากจะไม่ให้นักการเมือง โดยเฉพาะซีกทีมงาน “นายใหญ่” อกสั่นขวัญแขวน ระแวงถูกล้างบางภาค 3 ก็คงเป็นไปไม่ได้
ขณะที่ท่าทีฝั่ง กรธ.อย่าง นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ก็แสดงท่าทีไม่เห็นด้วย ระบุชัดเจนการทุจริตไพรมารีโหวตมีโทษเพียงแค่การตัดสิทธิเลือกตั้ง อดเล่นการเมืองระยะหนึ่งเท่านั้น
โทษไม่ร้ายแรงถึงขั้นถูกยุบพรรค เพราะเป็นเรื่องภายในพรรคการเมือง
ส่งสัญญาณไฟแดง เบรกยัดไส้ยาแรงโทษยุบพรรคไว้ในกฎไพรมารีโหวต
กติกาใหม่ไพรมารีโหวตทำอลเวง เรียกแขกจากฝ่ายนักการเมืองตั้งป้อมคัดค้านกันระนาว
ขยับรับบรรยากาศการเมืองที่ทวีความร้อนแรงขึ้นตามลำดับ ตามฉากล่าสุดที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 1 ปี ในคดีหมิ่นประมาท นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ถูกส่งตัวนอนตะรางทันที เติมหัวเชื้อความคุกรุ่นเสื้อแดงทำอะไรก็ผิด
และเรื่องใหญ่ที่กำลังรอวันเดือดเร็วๆนี้คือ กรณีคดีจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ตามปรากฏการณ์ที่มวลชนฝั่ง “อดีตนายกฯปู” จำนวนมากปักหลักตะโกนให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่มาขึ้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อฟังการไต่สวนพยานฝ่ายจำเลยนัดสุดท้าย
ทั้งแกนนำพรรคและแฟนคลับเปิดหน้าปรากฏตัวอยู่ข้างกาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ส่งสัญญาณท้าทายฝ่ายอำนาจพิเศษให้เห็นกันจะจะ ก่อนถึงวันฟังคำพิพากษาจริง
เข้าเงื่อนไขไฟต์บังคับที่ต้องงัดทั้งพยานหลักฐานทางคดี เทคนิคทางกฎหมาย และพลังมวลชนมาต่อสู้
ดิ้นเฮือกสุดท้ายเดิมพันอนาคตของตัวเอง
ตามเส้นตายที่ใกล้เข้ามาทุกขณะ หลังจากที่ศาลฎีกาฯมีคำสั่งให้คู่ความแถลงปิดคดีจำนำข้าวในวันที่ 1 ส.ค. และนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 25 ส.ค.นี้
โดยยกคำร้องของทีมทนายความ “อดีตนายกฯปู” ที่ขอให้ศาลฎีกาฯ ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความข้อกฎหมายใน พ.ร.บ. วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญปัจจุบันหรือไม่
ปิดประตูไม่ให้ประวิงเวลายื้อคดีอีกต่อไป
ได้ระทึกชะตากรรมพอดิบพอดีในวันเดียวกับ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ที่ต้องลุ้นฟังคำพิพากษาคดีทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจีในวันเดียวกัน
แนวโน้มสถานการณ์ส่อเค้าคุกรุ่นมากขึ้นทุกขณะหลังจากนี้ ตามปฏิทินที่มีคดีสำคัญทางการเมืองรอชี้ชะตาในชั้นศาลฎีกาฯ พร้อมกัน 3 คดีในเดือน ส.ค.
ไล่ตั้งแต่คดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 2 ส.ค. และคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กับคดีนายบุญทรง ในวันที่ 25 ส.ค.นี้
แต่ละคดีล้วนสุ่มเสี่ยงเพิ่มเงื่อนไขความขัดแย้งให้บานปลายมากยิ่งขึ้น
ปลายทางสัญญาประชาคมสร้างความปรองดองยิ่งดูยิ่งริบหรี่!!!
ทีมข่าวการเมือง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น