PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2560

โอกาสกำลังเอื้อให้

โอกาสกำลังเอื้อให้

ว่ากันตามอาการ “กระหยิ่ม” อมยิ้มในใจ

เมื่อ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ประกาศเอง มีโปรแกรมไปเยือนทำเนียบขาว สหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคมนี้ ตามคำเชิญของประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ผู้นำเบอร์หนึ่งของโลก

หักมุมกับที่เจ้าตัวเพิ่งปูดข้อมูลลึกเองว่า โดน “แบล็กลิสต์” จากหลายประเทศ ไม่เชิญไปเยือน เพราะมีสถานะผู้นำรัฐบาลทหารที่มาจากการยึดอำนาจ

ตามจังหวะเล่นกระแสของ “บิ๊กตู่” จึงเหมือนประกาศให้โลกรู้ดังๆ

ใครจะแบนก็แบนไป แต่ข้าพเจ้ากำลังบินไปเยือนสหรัฐอเมริกา ดินแดนต้นแบบประชาธิปไตยด้วยสถานะแขกของผู้นำเบอร์หนึ่งของโลก

นั่นหมายถึงสถานะผู้นำรัฐบาลทหาร คสช.ไม่ได้เป็นเงื่อนไขอีกต่อไป

เรื่องของเรื่อง โอกาสดีๆของผู้นำทหารไทยมันมาแบบมีดวงนิดๆ ตามเงื่อนไขสถานการณ์แบบที่เห็นๆกัน ผู้นำมือใหม่หัดขับอย่าง “ทรัมป์” ไม่มีประวัติศาสตร์ทางการเมือง ไม่เน้นเรื่องประชาธิปไตย

ตามสไตล์นักธุรกิจที่ประกาศ “American First” ในการหาเสียงเลือกตั้งผู้นำ สหรัฐฯ ดังนั้นจึงต้องยึดผลประโยชน์ของอเมริกันต้องมาก่อนเหตุผลอื่นใด

การจะต่อสายคุยกับใคร ยึดอยู่บนพื้นฐานสหรัฐฯ จะได้อะไรตอบแทน

ตามแผน อย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์สั่งให้ทีมงานรัฐบาลรวบรวมข้อมูลโครงการว่าด้วยความร่วมมือระหว่างไทยกับสหรัฐฯในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง

และก็เป็น “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม เป็นหน่วยแรกๆที่ส่งข้อมูลความร่วมมือทางทหาร โครงการจัดซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ ส่งให้ทีมนายกฯ

ขณะที่ “มือดีล” สำคัญคือนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ ทำการบ้านหนักในเรื่องของโครงการความร่วมมือทางเศรษฐกิจ

โดยเฉพาะการเดินหน้าเคลียร์ปัญหาสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ การเอาจริงเอาจังกับสถานการณ์การค้ามนุษย์แบบที่มีการยกเครื่องแรงงานต่างด้าว รวมถึงการตัดสินคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา

เหล่านี้ล้วนแต่เข้าเงื่อนไข ตามโจทย์ซื้อใจฝ่ายสหรัฐฯ

เหนืออื่นใด โดยสถานการณ์ที่ยังเข้าทางผู้นำประเทศไทย กับจังหวะที่เกาหลีเหนือ เล่นบทเฮี้ยวต่อเนื่อง เป็นตัวป่วนในภูมิภาคเอเชีย ขู่ยิงขีปนาวุธถล่มกันแบบรายวัน

นั่นก็ทำให้ประเทศไทยยังกุมไพ่ใบสำคัญที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” ต้องคุยด้วยในฐานะมิตรประเทศที่อยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่สหรัฐฯ ต้องประคองดุลอำนาจการเมืองโลก

ตามสถานการณ์แบบที่ล่าสุด นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ เพิ่งเดินทางเข้าพบนายกรัฐมนตรีไทย พร้อมหารือถึงท่าทีต่อสถานการณ์ในเกาหลีเหนือในการตัดท่อน้ำเลี้ยงตามมติ
สหประชาชาติ โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ก็ย้ำว่า ประเทศไทยต้องทำตามมติยูเอ็น

เป็นอันว่า “นายกฯลุงตู่” ชิงเล่นแต้มต่อได้ ตามจังหวะแรงเสียดทานภายนอกประเทศเบาบางลงตามเงื่อนไขสถานการณ์โลก ที่กำลังป่วนจากภาวะสงครามเย็นยุคใหม่

และนี่ก็น่าจะเป็นโอกาสให้รัฐบาลได้เดินหน้าเสริมสร้างความแข็งแกร่งสถานการณ์ภายในประเทศในห้วงระยะเปลี่ยนผ่าน

โดยเฉพาะล่าสุด ที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้เปิดเผยถึงสิ่งที่ในหลวง รัชกาลที่ 10 พระราชทาน 9 แนวทางปฏิบัติ และรัฐบาลพร้อมสนองพระราโชบาย

ประกอบด้วย การให้นำแนวทางพระราชดำริของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ไปเป็นแนวทางขับเคลื่อน

การดูแลให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม การดูแลช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยอย่างรวดเร็วทั่วถึง การจัดระเบียบ สร้างวินัย สร้างอุดมการณ์ ทำให้ ประเทศชาติและประชาชนมีความสุข การช่วยรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงาม

การเตรียมมาตรการรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่อย่างเป็นสากล การดูแลระบบการศึกษา การส่งเสริมงานจิตอาสา การให้ข้าราชการประพฤติตนเป็นแบบอย่างให้ประชาชนศรัทธา

แน่นอน ทั้ง 9 ข้อล้วนเป็นแก่นปัญหาสำคัญของประเทศ ณ ห้วงปัจจุบัน

และทันต่อสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: