PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2560

อาวุธสงครามกับการเมือง

ไม่มีอะไรในกอไผ่หรอกครับ....
เห็นเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขึงขังจะตรวจสอบ นาฬิกายี่ห้อ Richard Mille กับแหวนทองคำขาว ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
จะเอาเข้าที่ประชุมใหญ่ ป.ป.ช. เพราะสาธารณชนให้ความสนใจ
เอาเข้าจริง....เรื่องนาฬิกากับแหวน มันจบไม่ยาก
เรื่องคนแย่งกันถูกหวยจบยากกว่าเป็นไหนๆ
กล้วยๆ ครับ อ้างส่งเดชไปก็ได้
ที่ไม่มีในรายการแสดงบัญชีทรัพย์สินตอนเข้ารับตำแหน่ง ก็เพราะเพิ่งจะได้มาทีหลัง จะแสดงอีกทีก็โน้นเลย
หลังพ้นตำแหน่ง
มันก็แค่นั้น
วานนี้ก็การันตีตัวเองไปเรียบร้อย บริสุทธิ์ผุดผ่อง!
"ผมทำงานมาไม่เคยมีเรื่องทุจริต”
ฉะนั้นใครที่คิดว่างานนี้ "บิ๊กป้อม" ตายแน่
ถูกเชือดแน่
ผิดครับ!
ยังไม่ใช่ตาจนของ "บิ๊กป้อม"
ไม่เชื่อลองไปถาม พลตำรวจเอก วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.ดู
ช่วงนี้อย่าเพิ่งเบื่อ ที่ต้องพูดถึง "บิ๊กป้อม" กันแบบรายวัน เพราะโฟกัสของข่าวสารมันไปอยู่ที่ตัวท่านทุกวันจริงๆ
ดูอย่างคดีวางระเบิด โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
ศาลสั่งคุกนายวัฒนา ภุมเรศ ๒๖ ปี ๑๒ เดือน และปรับ ๕๐๐ บาท
คงจำกันได้ นายวัฒนา เอาระเบิด ไปป์บอมบ์ ใส่ไว้ในท่อพีวีซี ไปติดไว้ที่ฝาผนังภายในห้อง "วงษ์สุวรรณ"
ก็เกี่ยวพันกับ "บิ๊กป้อม"
ส่วนอีก วัฒนา นั่นคือ วัฒนา ทรัพย์วิเชียร ที่วิ่งไปมอบตัวกับตำรวจ แสดงตัวเป็นเจ้าของอาวุธสงคราม ที่แปดริ้ว ก็ไปพันกับ "บิ๊กป้อม"
เพราะใช้เป็นเหตุเลื่อนปลดล็อกพรรคการเมือง
เก็บไว้เป็นความรู้..........
"บิ๊กป้อม" นั่งยันนอนยันว่า คสช.จะไม่ปลดล็อกพรรคการเมือง เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้นักการเมืองแน่นอน
จึงเป็นไปได้สูงว่า จะลากยาวกันไปอีกสักพัก
ฉะนั้นที่ไม่ทันแน่นอนแล้วคือ บทเฉพาะกาล มาตรา ๑๔๑ ที่กำหนดสาระสำคัญให้พรรคการเมืองดำเนินการต่างๆ
เช่น ภายใน ๙๐ วัน หลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๑ ที่พรรคการเมืองต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงสมาชิกพรรคให้นายทะเบียนพรรคการเมืองทราบ
แต่รัฐบาล คสช.มีทางออกให้
ก็มาจากคำให้สัมภาษณ์ของ "บิ๊กป้อม" นั่นเอง
"ประเด็นการปลดล็อกช้ารัฐบาลจะจัดการให้ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ตามกรอบของกฎหมาย ผมยืนยันว่า พรรคการเมืองจะไม่เสียโอกาส ทั้งนักการเมืองหน้าใหม่และนักการเมืองหน้าเก่า"
ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่ารัฐบาลจะใช้วิธีไหน
หากเอาคำสัญญาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เคยบอกไว้ว่า
"ผมไม่ต้องการที่จะหน่วงเวลาอะไรไว้ทั้งสิ้น ในส่วนตรงนี้พูดได้ว่า ประมาณเดือนมิถุนายน ๒๕๖๑ ก็จะมีการประกาศวันเลือกตั้ง
และประมาณเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๑ จะมีการเลือกตั้ง วันนี้ก็มีความชัดเจนขึ้น ขอให้ทุกคน นักการเมือง พรรคการเมือง ขอให้อยู่ในความสงบ ซึ่งก็จะมีผลต่อการพิจารณามาตรการในการผ่อนคลายต่างๆ ด้วย"
ซึ่งนั่นเป็นการประมาณการ เงื่อนเวลาจริงอาจขยับได้นิดหน่อย แต่ไม่ควรเลยไปสี่เดือนห้าเดือน
ถ้า...ต้นปีหน้ายังไม่มีการปลดล็อกพรรคการเมือง ทางออกที่รัฐบาลพอจะทำได้คือ
อำนาจตาม ม.๔๔ ปลดเงื่อนเวลาในรัฐธรรมนูญ
แต่...จะกลายเป็นว่า ม.๔๔ ใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ
อีกทางออกที่ง่ายกว่า ซึ่งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ชี้โพรงให้เรียบร้อยแล้วนั่นคือ
เสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แก้ไขบทเฉพาะกาลของ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
ขยายเวลาส่วนที่เป็นปัญหาออกไป
ก็คงทำได้แค่นั้น จะพิสดารนอกเหนือจากนี้คงจะลำบาก
มาพูดถึงประเด็นอาวุธสงครามกันหน่อย
วานนี้ การที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่าจากการสืบสวนยังเชื่อได้ว่า มีระเบิด และอาวุธสงครามซุกซ่อนอยู่อีกจำนวนมาก
เป็นอาวุธสัญชาติรัสเซีย ไม่มีการใช้ในราชการไทย
ที่ตรวจพบเจอในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
พร้อมกับบอกว่า ให้เจ้าหน้าที่ได้เร่งค้นหาระเบิด และอาวุธสงครามดังกล่าวให้พบเร็วที่สุด เพื่อป้องกันการนำมาก่อเหตุความวุ่นวายในอนาคต
นี่ขนาดยังหาไม่เจอ ท่านสรุปเรียบร้อยเป็นอาวุธรัสเซีย
แสดงว่าการข่าวชั้นเอกที่หนึ่งจริงๆ
ประเด็นอาวุธสงคราม มองไปมันเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย ที่หน่วยงานด้านความมั่นคงของไทย ไม่รู้จักโตเสียที
ทำเป็นเด็กเล่นขายของ
ย้อนกลับไปดูเหตุระเบิดกลางกรุงหลายๆ คดี จนถึงวันนี้ยังเงียบกริบ จับมือใครดมไม่ได้
จนแทบกลายเป็นบทสรุปสำหรับระเบิดการเมืองแล้ว
ที่จับได้ไม่กี่คดี ล่าสุดก็คดี "วัฒนา" นี่แหละ
แน่นอนครับ อาวุธสงครามมันยังหลงเหลืออยู่เยอะ มีทั้งพวกที่เก็บเอาไว้สร้างสถานการณ์ทางการเมือง
และพวกที่ส่งขายตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน
ก็เป็นเรื่องที่รับรู้กันมาโดยตลอด
แต่ตลอดระยะเวลาที่รู้ อาวุธสงครามก็เยอะอยู่อย่างนั้น
วันนี้ถ้า พล.ต.อ.ศรีวราห์ จะเอาจริงเอาจัง ในการปราบปรามอาวุธสงคราม ก็ขอให้ดำเนินการให้สิ้นซาก
คนที่ครอบครอง มันก็มีอยู่ไม่กี่พวกหรอกครับ
การข่าวฝ่ายความมั่นคงก็พอจะรู้ ว่ากลุ่มไหนครอบครองอาวุธสงครามไว้บ้าง
แต่ถ้าจะอ้างว่าต้องจับอาวุธสงครามให้หมดก่อน แล้วค่อยเลือกตั้ง
อีก ๑๐ ปีก็คงไม่มีการเลือกตั้ง
ฉะนั้นต้องแยกให้ออก อย่าเอาปัญหามาซ้อนปัญหา ไม่เช่นนั้นมันจะเกิดปัญหาใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมตามมา
พูดถึงการเลือกตั้ง เมื่อถึงเวลามันก็ต้องเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่า เลือกตั้งเสร็จแล้ว ทุกอย่างอาจกลับไปเหมือนเดิม
แต่การที่รัฐบาล คสช.อยู่ไปเรื่อยๆ ไม่มีกำหนด แม้จะถูกใจคนจำนวนมาก แต่ข้อเสียมันก็มีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
เพราะคนใน คสช. ไม่ได้เหมือนกันทุกคน
จะบอกว่ารอปฏิรูปก่อนแล้วค่อยเลือกตั้ง
ถ้าเป็นเมื่อ ๓ ปีที่แล้ว แนวคิดนี้ยังน่าสนับสนุนอยู่
แต่มาถึงวันนี้ อาจไม่จำเป็นแล้ว
มันมีหลายปัจจัย!
เอาง่ายๆ แค่ปฏิรูปตำรวจ ยังหาความคืบหน้าไม่ได้
ขนาดคนเป็นคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจบางคน ยังเข้าใจผิดคิดว่าการขึ้นเงินเดือนให้ตำรวจถือว่าได้ทำงานปฏิรูปตำรวจเสร็จแล้ว
อีกสาเหตุหนึ่งการปฏิรูปมีความชัดเจนในส่วนของกระบวนการ นั่นคือมีรัฐธรรมนูญเป็นแม่บท มี
คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ๑๑ ด้าน เป็นผู้จัดทำแผนปฏิรูปประเทศ
ไม่มีทางที่จะฉีกไปจากนี้ได้
ใครมาเป็นรัฐบาลก็ต้องรับไปทำต่อ เพราะมันถูกบังคับโดยรัฐธรรมนูญ
ที่สำคัญคือ ประชาชนจับตามองอยู่
วันนี้ นักการเมือง เป็นจำเลยสังคม ถูกมองเป็นเสนียดของระบอบประชาธิปไตย
สิ่งที่นักการเมืองควรทำ ไม่ใช่เอาแต่จะเลือกตั้ง อ้างประชาธิปไตย ตะพึดตะพือ แต่ไม่ปรับปรุงตัวเอง
เมื่อไหร่ที่นักการเมืองทำให้ประชาชนเห็นว่าคุ้มค่าที่จะหย่อนคะแนนให้
วันนั้นแหละครับประชาชนจะไม่เรียกหาทหารอีก
ส่วน "ลุงตู่" ก็อยู่ในข่ายกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้อีกตามกลไกรัฐธรรมนูญ
ฉะนั้นเดินหน้าเถอะครับ
แบบนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายมากกว่า.
ผักกาดหอม

ไม่มีความคิดเห็น: