PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ยังไม่เข็ดหรือ"บุญเลิศ"ถามลุงกำนัน

Boonlert Pairindra
วันนี้คุณอัญชะลี ไพรีรักได้รายงานข่าวผ่านทีวีสีช่อง NEW 18 ว่าคุณสุเทพ เทือกสุบรรณและคณะได้จัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ที่มีชื่อยาวที่สุดในโลกคือ "พรรคมวลมหาประชาชนฯ"
คุณธานี เทือกสุบรรณ น้องชายคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้แจ้งว่าพรรคนี้จะส่งคนลงสมัครผู้แทนทุกจังหวัดทั่วประเทศและจะสนับสนุนให้พลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีอีกหนึ่งสมัยด้วย
ผมมีข้อสงสัยหลายประการในกรณีที่คุณสุเทพตัดสินใจตั้งพรรคการเมือง
ทั้งๆที่เคยได้ดิบได้ดีจากพรรคประชาธิปัตย์มาหลายครั้งหลายสมัย
เพราะการตั้งพรรคใหม่ขึ้นมาก็ย่อมกระทบพรรคประชาธิปัตย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้นไม่มากก็น้อย
ทั้งนี้เพราะผู้สนับสนุน สมาชิก และสมาชิกสภาผู้แทนพรรคประชาธิปัตย์จำนวนไม่น้อยที่เข้าร่วมกับมวลมหาประชาชนขับไล่รัฐบาลที่ผ่านมา
ถ้าจะมองโลกในแง่ดีก็อาจจะเข้าใจได้ว่าแยกกันเพื่อโจมตีตีศัตรูของกันและกันแล้วมาจับมือกันจัดตั้งรัฐบาลในภายหลัง ก็ไม่กลมกลืนอย่างแท้จริง
ทั้งนี้เพราะพรรคใหม่จะสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ฯให้เป็นนายกรัฐมนตรี
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ก็คงจะสนับสนุนคุณอภิสิทธิ์ฯหัวหน้าพรรคให้เป็นนายกรัฐมนตรี
นี่คือความไม่กลมกลืนกันของสองพรรคดังกล่าว
ผมสงสัยคุณสุเทพและคณะในการจัดตั้งพรรคมวลมหาประชาชนฯเพื่อสนับสนุนพลเอกประยุทธ์เพื่อให้มีการปฏิรูปประเทศต่อไป ยังไม่เข็ดอีกหรือ
คุณประยุทธ์มีอำนาจล้นฟ้าตามมาตรา
44 ยังปฏิรูปไม่สำเร็จสักอย่างแล้วเมื่อ
ไม่มีอำนาจดังเดิมยิ่งจะล้มเหลวตั้งแต่วันแรกที่เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย
ยังไม่เข็ดอีกหรือที่มีข่าวคราวเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงการเมืองและราชการประจำไม่น้อยกว่ารัฐบาลที่ถูกยึดอำนาจไปแล้ว
ยังไม่เข็ดอีกหรือว่าราคายางพารา ข้าว มันสำปะหลัง อ้อย ข้าวโพดและสินค้าทางการเกษตรทุกชนิดตกต่ำจนเกษตรกรยากจนกันถ้วนหน้าทุกภาคของประเทศและกระทบระบบเศรษฐกิจฐานรากที่ล้มละลายอย่างกว้างขวาง
ทั้งๆที่เศรษฐกิจโตแต่คนส่วนใหญ่ของประเทศไม่ได้ประโยชน์จากการเติบโตนั้นๆ คนที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจโตกลับเป็นนายทุนใหญ่ซึ่งเป็นคนจำนวนน้อยของประเทศ
ยังไม่เข็ดอีกหรือและยังไม่ห่วงปากท้องของชาวสวนยางที่ยากจนข้นแค้น
กันทั้งภาคใต้และภาคอื่นๆทั่วประเทศ
ละหรือ
อยากจะให้คนส่วนใหญ่ของประเทศยากจนมาแล้วเกือบ 4 ปีให้ยากจนข้นแค้นอย่างแสนสาหัสต่อไปอีก 4 ปีใช่หรือไม่
ระวังจะเป็นพรรคเล็กๆที่ไร้สาระก็ได้เพราะแม้แต่คนสุราษฎร์ธานีก็ไม่เลือกพวกท่านเพราะเขามองพวกท่านว่าเป็นคนโหดร้ายที่จะให้พวกเขายากจนต่อไปอีก 4 ปีในอนาคต
แค่ 3 ปีเศษที่ผ่านมาเกษตรกรก็อยากจะผูกคอตายให้พ้นๆไปอยู่แล้วครับ

ลำดับเหตุการณ์หวยอลเวง




ลำดับเหตุการณ์หวย 30 ล้าน

คดีมหากาพย์ หวย 30 ล้านที่สังคมจับตามอง และครองพื้นที่สื่อทุกแขนงมาอย่างยาวนาน แม้กระแสสังคมจะพิพากษาแล้วว่าหวยเป็นของใคร บทสรุปสุดท้ายจากถ้อยแถลงของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ที่มีขึ้นในวันนี้( 28 ก.พ.)เป็นสิ่งที่หลายคนรอคอยมายาวนานเกือบ 4 เดือน 

คดีนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรไปย้อนดูเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกัน

เหตุเกิดจากลอตเตอรี่ หมายเลข 533726 จำนวน 1 ชุด 5 ใบ ถูกรางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย.60 รางวัล 30 ล้านบาท คู่คือ ร.ต.ท.จรูญ (หมวดจรูญ) อดีตตำรวจเกษียณราชการ กับ นายปรีชา (ครูปรีชา) ครูโรงเรียนเทพมงคลรังษี จ.กาญจนบุรี

1 พ.ย.60 หมวดจรูญ ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 เลข 533726 จำนวน 5 ใบ ได้รับเงินรางวัล 30 ล้านบาท นำสลากไปขึ้นเงินรางวัลและนำเงินจำนวน 5 ล้านบาทไปจ่ายค่าบ้านค่ารถยนต์

5 ธ.ค.60 ครูปรีชา เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี ว่า สลากกินแบ่งรัฐบาล เลข 533726 งวดประจำวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 จำนวน 5 คู่ ซึ่งถูกรางวัลที่ 1 หายไป

6 ธ.ค.60 แม่ค้าที่ขายสลากให้ครูปรีชา อ้างว่า สลากเป็นของครูปรีชา ขณะที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี เดินหน้าเร่งสอบสวนข้อเท็จจริง

12 ธ.ค.60 หมวดจรูญและทนายความ เข้าแจ้งความ สภ.เมืองกาญจนบุรี เอาผิดแม่ค้าขายสลากเกินราคา พร้อมแจ้งดำเนินคดีครูปรีชา ฐานแจ้งความเท็จ และเดินทางเข้าร้องทุกข์ สตช. ตรวจสอบนายตำรวจระดับสูง อ้างว่ามีการเรียกเข้าไปเจรจาแบ่งเงินฝ่ายละ 15 ล้านบาท

13 ธ.ค.60 หมวดจรูญและทนายความ พาเจ้าหน้าที่ชี้จุดซื้อสลากที่ตลาด และชี้จุดบ้านพักนายตำรวจที่หมวดจรูญแจ้งว่าถูกไกล่เกลี่ยแบ่งเงิน

14 ธ.ค.60 กองบังคับการปราบปราม เข้าช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าสลากเป็นของผู้ใด จากนั้นเชิญคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายให้ปากคำ เพื่อคลี่คลายคดี ส่วน สตช.ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงให้รู้ผลภายใน 30 วัน

19 ธ.ค.60 กองปราบฯ เชิญหมวดจรูญ ให้ปากคำเพิ่มเติม เพื่อเก็บข้อมูลสำคัญ ขณะที่ ผบ.ตร.ตั้ง พล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนฯ เพื่อคลี่คลายคดี,

27 ธ.ค.60 หมวดจรูญและทนาย เข้าพบ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอและลายนิ้วมือแฝงเปรียบเทียบกับสลากฯ

19 ม.ค.61 สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ แถลงผลการตรวจสอบพบเพียงรอยนิ้วมือแฝงของหมวดจรูญ บนสลาก ส่วนผลดีเอ็นเอพิสูจน์ไม่ได้ ระหว่างนั้นครูปรีชา เดินหน้าสู้เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง พร้อมแย้มมีหลักฐานเด็ด ขณะที่คณะทำงานคลี่คลายคดี แจ้งว่ายังสรุปไม่ได้ว่าใครเป็นเจ้าของสลาก และต้องพิสูจน์พยานหลักฐานอื่นๆ ก่อนส่งให้ศาลพิจารณา

22 ม.ค.61 คณะทำงานสืบสวนคลี่คลายคดี ประชุมเพื่อสรุปผลการสอบสวนคดี โดยไม่เปิดเผยความคืบหน้า และขอให้ประชาชนอย่าปักใจเชื่อข้อมูลทั้งหมด จนกว่าผลการสอบสวนจะแล้วเสร็จ ด้านรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ลงพื้นที่ สอบสวนพยานรวม 37 ปาก

31 ม.ค.61 ตำรวจภูธรภาค 7 นำโดยพล.ต.ท.กิตติพงษ์ เงามุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 แถลงผลการพิสูจน์หลักฐาน ยืนยันว่าลอตเตอรี่เป็นของครูปรีชา พร้อมเรียก หมวดจรูญรับทราบข้อกล่าวหายักยอกทรัพย์

4 ก.พ.61 หมวดจรูญท้าครูปรีชา สาบานที่ศาลหลักเมือง จ.กาญจนบุรี พร้อมกล่าวต่อหน้าศาลหลักเมือง หากลักขโมยหวยใครมาขอให้วิบัติฉิบหาย

5 ก.พ.61 พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 โอนสำนวนคดีการสอบสวนมายังกองบังคับการปราบปราม

6 ก.พ.61 หมวดจรูญ เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. ร้องขอความเป็นธรรม อ้างว่าไม่มั่นใจกับชุดสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 7

7 ก.พ.61 กองปราบฯ รอยกู้ไฟล์คลิปเสียงสนทนาของครูปรีชาและนางรัตนาภรณ์ สุภาทิพย์ แม่ค้าขายสลาก พบคลิปแม่ค้าสลากโทรศัพท์ไปยินดีกับครูปรีชาที่ถูกรางวัลที่ 1 แต่ครูปรีชาบอกว่าไม่ใช่เลขที่ซื้อ และวันที่ 2 ก.พ.61 มีแม่ค้าโทรมาลักษณะเดียวกันกับคลิปแรก แต่ครูปรีชาปฏิเสธว่าไม่ถูกรางวัล และย้ำถึงหมายที่เลขสลากที่ซื้อมาซึ่งไม่ถูกรางวัล

21 ก.พ.61 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งให้ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี มาปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร. เพื่อให้การสืบสวนคดีหวย 30 ล้าน ขณะที่ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม ยืนยันว่าคดีหวย 30 ล้าน ยังไม่ได้ข้อสรุป ประกาศขอเว้นระยะห่างจากสื่อ นำชื่อไปอ้างทำให้เสียชื่อเสียง ระบุให้ พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นผู้ให้ข่าวแต่เพียงผู้เดียว

22 ก.พ.61 พ.ต.อ.ทศพร ปทุมยา ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี มีคำสั่งให้ พ.ต.ท.ชูวิทย์ เจริญนาค รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองกาญจนบุรี ไปปฏิบัติราชการที่ บก.ป. เพื่อความโปร่งใสในการสืบสวนคดีหวย 30 ล้าน

24 ก.พ.61 พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ยืนยันว่าจะเป็นผู้แถลงสรุปคดีหวย 30 ล้านเองในวันที่ 28 ก.พ. 2561 ขอให้ทุกฝ่ายเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยอมรับผลการสืบสวนสอบสวน สามารถไปต่อสู่ในชั้นศาลตามกระบวนการยุติธรรมได้

28ก.พ.61ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำแถลงหวย 30 ล้าน ยัน "ครูปรีชา" แจ้งความเท็จ ยังไม่สรุปใครเจ้าของรางวัลที่1 รอศาล -ตร.กองปราบบุกรวบคาโรงเรียนพร้อมเจ๊บ้าบิ่นนำตัวสอบเครียดตั้ง3ข้อหาก่อนพิจารณาให้ประกันชั้นสอบสวนและส่งฝากขังศาล หลังศาลอนุมัติหมายจับด้านครูจรูญแถลงขอบคุณตำรวจสื่อยันฟ้องเอาผิดตร.บางส่วนที่ร่วมขบวนการโกงหวย


จะเลือกตั้งแล้วเรียกร้องอะไร

จะเลือกตั้ง แล้ว จะชุมนุมอะไรอีกหล่ะ?? 

"บิ๊กป้อม"ยัน ดูแลสถานการณ์ ให้มีเลือกตั้ง ใน กพ.62 สงบเรียบร้อย ติง "คนอยากเลือกตั้ง" ก็จะเลือกตั้ง แล้ว จะชุมนุมอะไรอีกหล่ะ ไม่ห่วง มือที่3 โยน จะดีไม่ดี อยู่ที่ คำถามสื่อ

พล.อ.ประวิตร  ยันในฐานะที่ดูแลความมั่นคง จะดูแลสถานการณ์ให้เรียบร้อย เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง ที่สงบเรียบร้อย. หลังนายกฯ ประกาศ จะมีเลือกตั้ง ภายใน กพ.2562 เชื่อไม่มีปัจจัยใด ที่จะทำให้เลื่อนอีก 

ส่วน การที่"กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง” ยังจะชุมนุม นั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า ก็จะเลือกตั้ง แล้ว จะชุมนุมอะไรอีกหล่ะ จะเลือกตั้งแล้ว 

เมื่อถามว่า เมื่อนายกฯประกาศ จะเลือกตั้งแล้ว จะหยุดการชุมนุม ได้หรือไม่ พบเอกประวิตร กล่าวว่า ต้องไปถาม คนอยากเลือกตั้ง มาถามอะไรผมล่ะ

ส่วนจะมี มือที่สาม หรือไม่นั้น พลเอกประวิตร กล่าวทันที ว่า ไม่มี ไม่มี อยู่ที่พวกสื่อ ถ้าสื่อ ถามดีๆ  ก็ดี

วันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

อยากเลือกตั้งล้อ 'ยุทธ์พิน็อกคิโอ' คุยคำโตม็อบรอบหน้าเท่า14ตุลา.



   
อยากเลือกตั้งล้อ 'ยุทธ์พิน็อกคิโอ' คุยคำโตม็อบรอบหน้าเท่า14ตุลา.

    
24 ก.พ.61 - เวลา 17.30 น.  ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่บริเวณทางเดินข้างหอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ว่ากลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตยในนามกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ได้จัดงาน"ปากปราศัย น้ำใจเชือดเผด็จการ 3-2-1 ถึงเวลาเปลี่ยน" ซึ่งมีประชาชนและนักศึกษาเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 200 คน โดยมีกิจกรรมขับร้องเพลง และปราศรัยเสียดสีรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นการเลื่อนการเลือกตั้ง และนาฬิกากับแหวนของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ท่ามกลางฝนที่ตกลงมากหนักสลับเบา แต่ก็ไม่ทำให้กิจกรรมของกลุ่มต้องยกเลิก
นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว  แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้งได้ปราศัยบนเวที ว่าตนยืนยันว่าเรียนจบแล้ว และภูมิใจที่ได้เรียนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพราะธรรมศาสตร์สอนให้ตนรักประชาชน เพราะเหตุนี้เองที่ต้องออกมาเพื่อประชาชนทุกคน โดยอยากให้รัฐบาลจัดการเลือกตั้งในปีนี้ และยุติการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ยังบอกว่าจะมีการเลื่อนการเลือกตั้ง ตนและพวกจะออกมาเรื่อยๆจนกว่าจะมีการเลือกตั้ง ซึ่งจะออกมาจนกว่าเผด็จการทหารจะออกไป 
"การชุมนุมในครั้งหน้าในวันที่ 10 มี.ค. อยากให้ประชาชนออกร่วมมากยิ่งขึ้นให้ล้นที่สนามฟุตบอลในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เทียบเท่ากับการชุมนุมเมื่อวันที่ 14 ต.ค.2516"นายสิรวิชญ์ กล่าวและว่าข้อเรียกร้องของเราคือการเลือกตั้งในปีนี้ เป็นสิทธิพึ่งได้ของประชนชน และเป็นส่วนพื้นฐานที่ของประชาธิปไตย แต่คสช.พรากสิทธินั้นไป แม้จะบอกว่าขอเวลาอีกไม่นาน สำหรับประชาชนแค่วันเดียวก็นานพอแล้ว 
นายสิรวิชญ์ กล่าวด้วยว่านายกฯได้ประกาศว่าจะมีการเลือกตั้งและให้สัญญาต่อประชาคมโลกมาโดยตลอด แต่สุดท้ายก็เลื่อนไปเรื่อยๆจนกลายเป็นคำโกหกหลอกลวงเปรียบเสมือนกับพิน็อกคิโอ จนกลายเป็นฉายาที่ชื่อว่า ยุทธ์พิน็อกคิโอ อย่างไรก็ตามการเลือกตั้งเป็นทางเลือกของประชาชน ที่จะทำให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีกว่า
ผู้สื่อข่าวรายงานกลุ่มนักศึกษาได้แจกหน้ากากที่มีหน้าคล้ายพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งมีจมูกที่ยาวคล้ายกับวรรณกรรมเรื่อง "พิน็อกคิโอ" ให้กับผู้ร่วมงานพร้อมทั้งมีการถ่ายรูปรวมเพื่อล้อเลียนพล.อ.ประยุทธ์
สำหรับพิน็อกคิโอ เป็นวรรณกรรมเยาวชน นักประพันธ์ชาวอิตาเลียน  โดยพิน็อกคิโอเป็นเรื่องราวการผจญภัยของหุ่นไม้ที่มีชีวิต กับพ่อผู้ยากจนของเขาเจปเปตโต ซึ่งเป็นช่างไม้ พินอคคิโอ มีลักษณะเด่นที่รู้จักกันดี คือ เมื่อพูดโกหก จมูกของเขาจะยาวขึ้น
ขณะที่ นายรังสิมันต์ โรม  สมาชิกกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย ปราศรัยบนเวทีว่าสิ่งที่ทำให้เราต้องออกมาเราต้องสู้นั้นเพื่อให้พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาสงบแห่งชาติ (คสช.) และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลางโหม ออกจากอำนาจ ที่ตนออกมาชุมนุม เพราะประเทศชาติไม่มีความหวังแล้ว 
นายรังสิมันต์ กล่าวว่าขอให้คนที่อยู่ที่บ้านออกมาสู้เคียงข้างพวกเรา ถ้าเราจัดกิจกรรมต่อไป พี่น้องทุกคนจะต้องยืนเคียงข้างเรา จนกว่าอนาคตของเราจะกลับคืนมาอีกครั้ง และยังขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ข้าราชการที่ได้เงินเดือนจากภาษีประชาชนให้ออกมาช่วยเหลือประชาชน 
"ถ้าพวกคุณแต่คิดถึงความสงบสุขส่วนตัว ประเทศชาติจะเป็นอย่างไร ถ้าคิดว่าเลือกตั้งแล้วนายทักษิณ ชินวัตร จะกลับมาอนาคตประเทศไทยจะพัง ผมยอมอยู่แบบไม่มีอนาคต เพราะตั้งแต่คสช.เข้ามา คนจนก็ยังมีเหมือนเดิม ดังนั้นจำนวนคนที่มาก การสร้างความเปลี่ยนแปลงของประเทศก็จะเกิดขึ้น ขอให้แสดงพลังจนกว่าเขาจะออกไป"นายรังสิมันต์ กล่าว
แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง กล่าวว่าเรายังต้องการมวลชนอีกเยอะ มีหลายคนที่กลัว เพราะประเทศเราเป็นไปด้วยการคุกคามจับกุม ขอร้องให้ทุกคนออกมาต่อสู้ร่วมกับเราจนกว่าเราจะมีกว่าเลือกตั้ง จนกว่าเผด็จการจะพินาศและประชาธิปไตยจงเจริญ
นอกจากนี้ นายรังสิมันต์ ได้เรียกร้องให้นักการเมืองออกมาจับมือกับประชาชน เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลจัดการเลือกตั้ง หากนักการเมืองไม่ออกมาช่วยประชาชน พวกเขาก็จะไม่เลือกเข้าสู่สภา.

ขอเวลาอีก 6 เดือน

ขอเวลาอีก 6 เดือน


ก.ม.ลูก 2 ฉบับสุดท้าย ร่าง พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.และ ร่าง พ.ร.บ.ลากตั้ง ส.ว.อุ้ม ท้องโย้มานานกว่า 300 วัน

ยังอยู่ในช่วงคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย จะปรับแก้ครั้งสุดท้ายก่อนนำกลับไปให้ที่ประชุม สนช.ลากตั้งโหวตเห็นชอบซ้ำอีกที

คาดว่าอีกไม่เกิน 3 เดือน จากนี้ไป ร่าง ก.ม.ลูก 2 ฉบับสุดท้ายจะได้ฤกษ์ประกาศใช้อย่างเป็นทางการ
แต่กว่า ก.ม.ลูกทั้ง 2 ฉบับ จะมีผลใช้บังคับจริงๆ ต้องบวกเวลาเพิ่มพิเศษอีก 90 วัน

ส่วนกระบวนการสรรหา กกต.ชุด ใหม่ เสียบแทนว่าที่ กกต.ที่ถูก สนช. เทกระจาดยกเข่งรวดเดียว 7 คน
คาดว่าจะต้องใช้เวลาทำคลอด กกต.อีกราว 6 เดือน

“แม่ลูกจันทร์” พิจารณาตามกรอบเวลาแล้ว เชื่อว่า กกต.ชุดใหม่น่าจะเริ่มทำงานได้ในช่วงเดือนสิงหาคม ใกล้เคียงกับ ก.ม.ลูกทั้ง 2 ฉบับ จะเริ่มมีผลใช้บังคับพอดี

ดังนั้น ปัญหาการสรรหา กกต.จึงไม่สามารถใช้เป็นข้ออ้างเพื่อเลื่อนวันเลือกตั้ง ให้ยาวออกไปอย่างที่บางฝ่าย กังวล

แต่ถ้าหาก คสช.มีความจำเป็นต้อง เลื่อนการเลือกตั้งออกไปจริงๆ ก็ยังมีช่องทางอื่นที่จะยืดการเลือกตั้งได้อย่างสะดวกโยธิน

ตราบใดยังมีอำนาจเบ็ดเสร็จ ม.44 อยู่ในมือ

“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าขณะนี้คณะกรรมาธิการ 3 ฝ่าย ซึ่งประกอบด้วย ฝ่าย กมธ. 5 คน ตัวแทน สนช.ลากตั้ง 5 คน และประธาน กกต. อีก 1 คน ยังพิจารณาปรับแก้ร่าง ก.ม.ลูก 2 ฉบับสุดท้ายไม่แล้วเสร็จ 100 เปอร์เซ็นต์

มีเพียงประเด็นเดียว ซึ่งที่ประชุมร่วม 3 ฝ่าย มีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ให้ตัดทิ้งไปเลย

กรณีเปิดช่องให้ผู้สมัคร ส.ส.จัดแสดง มหรสพในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างผู้สมัครเลือกตั้งด้วยกันเอง

ส่วนประเด็นสำคัญที่ กกต.ในฐานะผู้จัดเลือกตั้ง คัดค้านสุดลิ่มทิ่มประตู

คือการกำหนดให้ผู้สมัครเลือกตั้ง ส.ส.เขต ที่สังกัดพรรคเดียวกันต้องใช้หมายเลขแตกต่างกัน

ทำให้ กกต.ต้องใช้งบจัดเลือกตั้งแพงขึ้นอีกเท่าตัว

เนื่องจาก กกต.ต้องจ้างพิมพ์บัตรเลือกตั้ง ส.ส.เขตทั่วประเทศทั้ง 350 เขต แบบไม่ซ้ำกัน

น่าเสียใจที่ประชุม 3 ฝ่าย ไม่ฟัง เสียงคัดค้านของประธาน กกต.

“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าการกำหนดให้ผู้สมัครพรรคเดียวกันต้องใช้หมายเลขแตกต่างกัน จะสร้างความสับสนให้พี่น้องประชาชนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างแน่นอน!!

นอกจากนั้น ยังสุ่มเสี่ยงเกิดปัญหาบัตรผีบัตรปลอมในเขตเลือกตั้งต่างๆ ซึ่งยากต่อการตรวจสอบป้องกัน
เช่นเดียวกับร่าง พ.ร.บ.ลากตั้ง ส.ว. ซึ่งมีหลายประเด็นจำเป็นต้องแก้ไขไม่ให้ขัดแย้งบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ

แต่ก็มีบางประเด็นที่อาจขัดรัฐธรรมนูญ แต่ต้องปล่อยเลยตามเลย

เช่น...รัฐธรรมนูญกำหนดให้มี ส.ว.จากการสรรหา 200 คน

แต่บทเฉพาะกาลของร่าง พ.ร.บ.ลากตั้ง ส.ว.ระบุว่าระยะ 5 ปีแรกให้มี ส.ว.ลากตั้งเพิ่มพิเศษอีก 50 คน

ถามว่าเหตุใด 5 ปีแรก จึงต้องมี ส.ว.ลากตั้งเพิ่มอีก 50 คน เกินกว่าจำนวนที่กำหนดในรัฐธรรมนูญ??

ตอบว่า เพื่อให้มี ส.ว.ลากตั้ง 250 คน เป็นครึ่งหนึ่งของ ส.ส.เลือกตั้ง 500 คน เพื่อถ่วงดุลในสภาตามหลัก “ประชาธิปไตยครึ่งใบ”

ประเด็นอื่นแก้ไขได้ แต่ประเด็นนี้แก้ไม่ได้นะโยม.

“แม่ลูกจันทร์”

‘ลุงกำนัน’ กับ ‘เจ๊หน่อย’

‘ลุงกำนัน’ กับ ‘เจ๊หน่อย’


จากลานอนุสาวรีย์ย่าโม โคราช ที่กว้างจนทำให้มวลชนดูโหรงเหรง ล่าสุดต้องกลับเข้ามาจัดเวทีในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทำให้ภาพดูอุ่นหนาฝาคั่งขึ้นมาบ้าง

สะท้อนถึงการปรับยุทธศาสตร์ของขบวนการ “คนอยากเลือกตั้ง”

ยังไม่สามารถดึงมวลชนใหม่ๆเข้ามาร่วมแจมกับมวลชนหน้าเดิมๆที่หน่วยความมั่นคงฟันธงว่าเป็นกลุ่มคนเสื้อแดง นปช. กองเชียร์ “ทักษิณ” เป็นส่วนใหญ่

สอดรับกับภาพของ “เสี่ยไก่” นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีคนดัง สายตรงดูไบ ที่โผล่มาร่วมแจม
เรื่องของเรื่อง “หัวเชื้อ” ชนวนจุดไฟมันยังเจือจาง

หลังจากที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ประกาศย้ำความชัดเจน จะไม่มีการคว่ำกฎหมายลูก ทั้งร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ

ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.บ.การได้มาซึ่ง ส.ส. เพื่อยื้อเลือกตั้งออกไป

กุญแจสำคัญของโรดแม็ปมันอยู่ตรงนี้

แม้จะมีปรากฏการณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติคว่ำกระดาน 7 กกต.ใหม่ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้การเลือกตั้งเร็วหรือช้า เพราะรัฐธรรมนูญยังกำหนดให้ กกต.ชุดเดิมมีอำนาจเต็มในการทำหน้าที่

และอันที่จริง หากมองในมุมของการยกระดับความชัวร์ เพื่อรองรับการเลือกตั้งใหญ่

“ลุงตู่” เลี่ยงไม่พ้นไฟต์เดิมพัน ก็ต้องไม่ปล่อยให้เสียของ

มันก็เป็นอะไรที่สอดคล้องกัน กับเหตุอ้างอิงเบื้องหลังการติดเบรกที่ว่ากันว่า สนช.ส่วนมากยังไม่เชื่อมั่นผู้ได้รับการเสนอชื่อ กกต.ชุดใหม่ ที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของสาธารณชน เป็นอาจารย์ เป็นที่ปรึกษากฎหมายเอกชน และยังไม่เคยแสดงฝีมือการทำงานให้เป็นที่ประจักษ์

ไม่มีหลักประกันจะถูกนักการเมืองเขี้ยวๆเจาะเข้ามาแทรกแซง

ที่สำคัญยังส่อมีปมวุ่นๆในส่วนของผู้ได้รับการเสนอชื่อจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 2 คน ที่ สนช.เกรงว่าจะมีผู้ไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยขั้นตอนการสรรหา อาจจะเกิดความวุ่นวายตามมา

ตามรูปการณ์ถ้าปล่อยผ่านไป น่าจะเสียหายมากกว่า

เอาเป็นว่า กระบวนการสรรหา กกต.ใหม่ไม่ได้มีผลโดยตรงกับการเลือกตั้งเร็วหรือช้า ตามสถานการณ์มันก็แค่ถูกหยิบเอามาเป็นเงื่อนไขตีปี๊บ

บีบ “ลุงตู่” ไม่ให้ลากเกมเกินโรดแม็ปมากเกินไป

เพราะตามเงื่อนสถานการณ์จริงๆการเมืองน่าจะคลายล็อกตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ดีเดย์ที่ คสช.ประกาศให้มีการจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่กับ กกต.

โอกาสได้เห็นความชัดเจนของตัวละครสำคัญทางการเมือง

เบื้องต้น กระแสโฟกัสไปที่ “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิ กปปส. ที่ส่อชิ่งจากพรรคประชาธิปัตย์ มาตั้งป้อมค่ายใหม่ในนามพรรคมวลมหาประชาชนฯ

ที่น่าจับตาก็คือ จะมีคนใจถึงแห่ตามไปซักกี่คน

เพราะถึงตรงนี้ อดีต ส.ส.ปักษ์ใต้ยังไม่มีใครแสดงตัวแสดงตนชัดเจน

ตามเหลี่ยมแสบๆแบบที่นายวัชระ เพชรทอง จอมแฉประชาธิปัตย์ ประกาศเบิ้ลบลัฟดักทาง พร้อมอาสาลงสมัครในพื้นที่ภาคใต้แทนคนที่ลาออกไปอยู่กับพรรค กปปส.ของ “ลุงกำนัน”

นั่นก็เพราะภาคใต้ ใครชิ่งประชาธิปัตย์จะ “สอบตก” ให้เห็นมาเยอะ

แต่มาถึงตรงนี้ ถอยหลังไม่ได้แล้ว สถานการณ์บีบให้เดินหน้า อย่างน้อยก็หวังชื่อชั้นของ “ลุงกำนัน”
และยี่ห้อกปปส. น่าจะเจาะคะแนนคนรุ่นใหม่ในเขตเมืองภาคใต้แบ่งกับประชาธิปัตย์ที่ยึดฐานคนรุ่นเก่า
เอาแต้มมารวมกับฝ่ายที่หนุน “ลุงตู่” เบิ้ลเก้าอี้ผู้นำไปสู่การปฏิรูป

ขณะที่อีกฟาก ก็จับสัญญาณความคึกคักที่กระฉอกออกมาจากค่ายเพื่อไทย ตามจังหวะที่ “นายใหญ่” พา “น้องปู” บินโฉบมาเช็กขุมกำลังที่ยังจงรักภักดี

มีแนวคิดการแตกป้อมค่ายรบแบบกองโจรสู้ทหาร

ล่าสุดก็มีปรากฏการณ์ที่ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุง พรรคเพื่อไทย ชง “พิมพ์เขียว” 3 ข้อ วัดใจ “นายใหญ่” สรุปใจความสั้นๆ ต้องทำสัญญาประชาคมกับประชาชน

ถ้าเลือกพรรคเพื่อไทยแล้วจะไม่ทำให้เกิดความวุ่นวายหรือความขัดแย้งในบ้านเมืองอีก

นั่นหมายถึงการตัดเกมนิรโทษกรรมสุดซอย ใช้มวลชนเสื้อแดงเป็นฐานต่อรองอำนาจ

มันก็คาดการณ์ได้ ข้อเสนอของเจ้าแม่เมืองกรุง หักมุมกับ “ทักษิณ” ที่อิงกับสายฮาร์ดคอร์

ก็มีโอกาสที่ “เจ๊หน่อย” จะต้องแหกค่ายแบบ “ลุงกำนัน”.

ทีมข่าวการเมือง

แต๋งค์กิ้ว" ลุงกำนัน"

แต๋งค์กิ้ว" ลุงกำนัน"
"บิ๊กตู่" ขอบคุณ"สุเทพ" จะตั้งพรรคหนุน ชี้มีหลายคน หนุน แต่ถาม หนุนแล้ว จะได้เป็นมั้ย หวั่น ยิ่งขัดแย้ง ขอให้ พอได้แล้ว ประกาศหนุน-ไม่หนุน ยันยึดตามกม.
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงข่าวที่นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ จะตั้งพรรคการเมืองสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีว่า เป็นเรื่องของท่าน การจัดตั้งพรรคการเมืองใครจะจัดตั้ง ผมก็เห็นจัดตั้งกันเยอะแยะมากมาย หลายพรรคก็ตั้งกันไป
ส่วนที่จะสนับสนุนตนเองนั้น ผมขอขอบคุณซึ่งมีหลายคนพูดจาอย่างนั้น ขอขอบคุณทุกคน
แต่จะเป็นไปได้อย่างไร ก็อยู่ที่กฎหมาย รัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่าอย่างไร
" ไม่ใช่ประกาศจะสนับสนุน ผมแล้ว ผมจะได้เป็น"
แต่มันจะนำไปสู่ความขัดแย้ง ด้วยคำว่าสนับสนุน หรือ ไม่สนับสนุน ก็ขายข่าวกันไปเรื่อย ผมขอให้พอได้แล้ว"

บิ๊กป้อม" ตอบแต่เรื่อง หวย

นักข่าว อุตส่าห์ ชมว่า ใส่เสื้อสีสวย ....บิ๊กป้อม ยิ้มรับ.....แต่ ไม่ตอบ ‬"เอกชัย หงส์กังวาน" จะมารอ มอบนาฬิกาให้ ทุกอังคารข้างทำเนียบฯ
‬‪"บิ๊กป้อม" ตอบแต่เรื่อง หวย เผย รู้แล้ว ใคร เป็นเจ้าของล็อตเตอร์รี่ตัวจริง ขออุบไต๋ บอกไม่ได้ รอตำรวจแถลง. ยันยึดตาม พยาน หลักฐาน

ผู้ว่าฯ ขึ้นตรงกับ รัฐบาล

คิดใหม่ !!!
"บิ๊กป๊อก" พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึง การที่ นายกฯจะลงพื้นที่ สมุทรสาคร และประชุม ครม.สัญจร ที่เพชรบุรี 5-6 มีค. นี้ ว่า มหาดไทย ต้องไปทุกครั้งอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ไป เพราะว่า ผู้ว่าฯ จังหวัด ขึ้นกับ มหาดไทย
"แต่ผู้ว่าฯ ขึ้นตรงกับ รัฐบาล 
กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก็ขึ้นตรงกับรัฐบาล ทำงานให้รัฐบาล ไม่ใช่ทำงานให้มหาดไทย"
เข้าใจตรงกันนะ !!!

Every Tuesdays..."เอกชัย" ทุกอังคาร

Every Tuesdays..."เอกชัย" ทุกอังคาร
"เอกชัย หงส์กังวาน" มาพร้อม ลูกเล่นใหม่ นาฬิกา ประดับเสื้อ และปักธูป36 ดอก ข้างทำเนียบฯ ไล่เสนียด ล้อเลียน เหตุการณ์ คนปักธูป ในทำเนียบฯ.....พร้อมนำแผ่นไวนิล นาฬิกา 25 เรือน มามอบให้ พลเอกประวิตร ชี้ถ้าไม่มารับเอง ก็จะมา ทำเนียบฯทุกวันอังคาร.....คราวนี้ มีของแถม มาร้องคสช.ให้ปลด "พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง" ผู้ว่าฯกทม. ล้มเหลว บริหารงาน ทำให้เกิดปัญหา ตลาด รอบบ้าน "ป้าทุบรถ" ...แถมฝนตกนิดเดียว น้ำก็ท่วม....แต่ไม่คิดลงสมัคร ผู้ว่าฯกทม....แต่จะเสนอ ไอเดีย ผ่าน Facebook แทน

"ยุทธ์นํอคคิโอ้"

"บิ๊กตู่"......นิ่ง...ไม่ตอบ ...หลัง นักข่าว ทักถาม เห็นภาพการ์ตูน นายกฯที่ ธรรมศาสตร์ หรือยัง??
หลังกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย ตั้งฉายา "ยุทธ์นํอคคิโอ้"
นายกฯ เดินขึ้นตึกบัญขาการประชุม ครม...วันนี้6 รมต.30คู่สมรส ที่ยังไม่ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มารับพระราชทานเครื่องราชย์ศ ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ที่ชั้น5

"บิ๊กป้อม" เอาเนื้องาน สู้กระแส โพลล์ ประชาขน "ไม่ปลื้ม"..

เน้น เนื้องาน
"บิ๊กป้อม" เอาเนื้องาน สู้กระแส โพลล์ ประชาขน "ไม่ปลื้ม".... ประชุมสภากลาโหม วันนี้ สั่งการ ผบ.เหล่าทัพ เพียบ!!..โดยทีมงาน กห. ทำภาพ และคำพูด เผยแพร่
ทั้ง เตรียมความพร้อม รับ "สงครามไซเบอร์" ทั้ง เดินหน้า ความร่วมมือ ความมั่นคงและการทหาร กับ อาเซี่ยน ที่อยู่ในระดับดีมาก การใช้กลไก "ไทยนิยม ยั่งยืน" ปราบปรามยาเสพติด ให้ทหารซ่อมสร้างบ้านให้ผู้มีรายได้น้อย.. และ เข้มงวด พฤติกรรม และ วินัยทหาร
รวมทั้ง การสั่ง ผบ.เหล่าทัพ ไม่ทอดทิ้ง ดูแล ทหารที่"ปลดพิการ" และครอบครัว ดูแล และให้โอกาสเขาให้มากที้สุด เท่าที่ทำได้
พลโท คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม กล่าวว่า พลเอกประวิตร จะให้สัทภาษณ์ เฉพาะเริ่อง เนื้องาน การทำงาน ขับเคลื่อนตามนโยบาย แต่จะไม่ตอบคำถาม ในเรื่อง ส่วนตัว !!!

วันจันทร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

บิ๊กป้อม" หวั่น หลุด !! ...ไม่ตอบ "สุเทพ" ตั้งพรรคหนุน"บิ๊กตู่"

บิ๊กป้อม" หวั่น หลุด !! ...ไม่ตอบ "สุเทพ" ตั้งพรรคหนุน"บิ๊กตู่" โบ้ย ถาม"สุเทพ" ก่อน วงสัมภาษณ์ แตก
พลเอกประวิตร รองนายกฯและ รมว.กห./ รองหัวหน้าคสช. ปัดตอบ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะตั้งพรรคหนุน พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกฯ
" ไม่รู้ เป็นเรื่องของคุณสุเทพ พรรคสุเทพ ไปถาม คุณสุเทพ โน่น" พลเอกประวิตร กล่าวสั้นๆ ก่อนรีบจบการให้สัมภาษณ์

"บิ๊กป้อม" ให้รอก่อน ปลดล็อค เลือกตั้งท้องถิ่น แต่มี แน่ เลือกตั้ง

"บิ๊กป้อม" ให้รอก่อน ปลดล็อค เลือกตั้งท้องถิ่น แต่มี แน่ เลือกตั้ง
พลเอกประวิตร รองหัวหน้าคสช. ยัน คสช.ยังไม่พิจารณา"ปลดล็อค"พรรคการเมือง อีกทั้ง ยังไม่มีประชุม คสช.
ส่วนจะปลดล้อค สำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่นเมื่อใดนั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า ตอนนี้ ยังไม่ได้กำหนดวันเลือกตั้งชัดเจน ยังไม่มีเลย จะปลดล้อคได้ไง แต่ยันมีเลือกตั้ง ทัองถิ่น มีแน่
ส่วน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะตั้งพรรคหนุน พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกฯนั้น พลเอกประวิตร ปฏิเสธที่จะตอบ โดยกล่าวว่า ไม่รู้ เป็นเรื่องของคุณสุเทพ พรรคสุเทพ ไปถาม สุเทพ โน่น
ก่อนรีบจบการให้สัมภาษณ์

วันพฤหัสบดีที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

เบื้องหลังล้มกระดาน! สนช.กลับลำชิงคว่ำ 7 ว่าที่ กกต. นาทีสุดท้าย

เปิดเบื้องหลังล้มกระดาน! สนช.กลับลำชิงคว่ำ 7 ว่าที่ กกต. นาทีสุดท้าย

วันพฤหัสบดี ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561, 17.36 น.

บันทึกประวัติศาสตร์ครั้งแรก สัญญาณชัด 'สนช.' ชิงโหวตคว่ำล้ม7ว่าที่กกต.ยกชุด หวั่นมีคนร้องศาลรธน.ตัวแทนสายศาลกระบวนการที่มาผิดไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ แถมยังไร้ผู้เชี่ยวชาญด้านการเลือกตั้งเข้ามาทำงาน ยันโรดแมปเลือกตั้งไม่เลื่อน กกต.ชุดเก่าทำหน้าที่ต่อไปได้
22 ก.พ.61 ที่รัฐสภา ได้มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 1ทำหน้าที่ประธาน เพื่อพิจารณาการให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งคณะกรรมาธิการสามัญทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการเลือกตั้ง ที่มี พล.อ.อู้ด เบื้องบน เป็นประธาน กมธ.ฯ
โดยรายชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อ 7 คน ประกอบด้วยตัวแทนที่มาจากคณะกรรมการสรรหา 5 คน ได้แก่ นายประชา เตรัตน์ อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และอดีตผวจ.หลายจังหวัด นายเรืองวิทย์ เกษสุวรรณ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) นายอิสสรีย์ หรรษาจรูญโรจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ นางชมพรรณ์ พงษ์เจริญ สุธีรชาติ ที่ปรึกษากฎหมาย บริษัท วรวิสิฏฐ์ จำกัด และหัวหน้าสำนักงานกฎหมายสุธีรชาติ
ขณะที่ตัวแทนจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 2 คน ได้แก่ นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา นายปกรณ์ มหรรณพ ผู้พิพากษาศาลฎีกา ทั้งนี้ พล.อ.อู้ด ได้รายงานการตรวจสอบประวัติของผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 7 คน ต่อที่ประชุม สนช.ในส่วนที่เป็นรายงานเปิดเผย
จากนั้นที่ประชุม สนช.ได้สั่งให้ประชุมลับ เพื่อพิจารณารายงานลับของผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 7 คน โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จนกระทั่งเวลา 13.00 น.เมื่อกลับมาเปิดประชุมอีกครั้ง โดย นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช.คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้สั่งให้สมาชิก สนช.ลงมติลับด้วยการเข้าคูหากาบัตรลงคะแนน ผลปรากฏว่า ที่ประชุม สนช.ลงมติไม่เห็นความเห็นชอบผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 7 คน
ทั้งนี้ ผลโหวตปรากฎว่า นายฐากร ตัณฑสิทธิ ไม่เห็นชอบด้วยคะแนน 156 เห็นชอบ 27 งดออกเสียง 17 นายเรืองวิทย์ไม่เห็นชอบด้วยคะแนน 175 เห็นชอบ 10 งดออกเสียง 14 นางชมพรรณ์ พงษ์เจริญ สุธีรชาติ ไม่เห็นชอบด้วยคะแนน 168 เห็นชอบ 16 งดออกเสียง 16 นายอิสสรีย์ หรรษาจรูญโรจน์ ไม่เห็นชอบด้วยคะแนน 149 เห็นชอบ 30 งดออกเสียง 21 นายประชา เตรัตน์ ไม่เห็นชอบด้วยคะแนน 125 เห็นชอบ 57 งดออกเสียง 86 นาย นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ไม่เห็นชอบด้วยคะแนน 128 เห็นชอบ 46 งดออกเสียง 26 และนายปกรณ์ มหรรณพ ไม่เห็นชอบด้วยคะแนน 130 เห็นชอบ 41 งดออกเสียง 29
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับขั้นตอนการนับคะแนนที่ได้เกิดความล่าช้า เนื่องจากคะแนนเกินจำนวนผู้ลงคะแนน คือ 200 คน แต่เมื่อคะแนนรวมได้ 201 กรรมการนับคะแนน จึงต้องตรวจสอบความถูกต้องใหม่ ภายหลังการตรวจสอบปรากฏว่า ได้มีการแก้คะแนนในส่วนของงดออกเสียงออกคนละ 1 เสียง อย่างไรก็ตามการที่ สนช.ไม่ให้ความเห็นชอบผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อไปเป็นกรรมการขององค์กรอิสระถือเป็นครั้งแรกที่โหวตคว่ำยกชุด
ทั้งนี้ บุคคลทั้ง 7 คน ได้รับความเห็นชอบน้อยกว่ากึ่งหนึ่งจากสมาชิก สนช.ทั้งหมด หรือ 124 คน จากสมาชิก สนช.ทั้งหมด 248 คน ส่งผลให้บุคคลทั้ง 7 คน ไม่ได้รับความเห็นชอบจาก สนช.ให้ดำรงตำแหน่ง กกต.โดยขั้นตอนต่อไป สนช.จะต้องรายงานการประชุมไปให้คณะกรรมการสรรหาและที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา เพื่อดำเนินการสรรหาบุคคลมาให้ สนช.ลงมติให้ความเห็นชอบใหม่อีกครั้ง โดยทั้ง 7 คนดังกล่าว จะไม่สามารถกลับมาสมัครใหม่ได้ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พ.ศ.2560
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมลับได้มีการรายงานการตรวจสอบประวัติในเชิงลึกของผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 7 คน อย่างละเอียดพบว่า ทุกคนมีเรื่องถูกร้องเรียนหมด โดยนายเรืองวิทย์ ถูก สนช.รุมซักถามประวัติอย่างหนัก โดยเหตุผลที่ สนช.ลงมติไม่เห็นชอบผู้ได้รับการเสนอชื่อทุกคน แม้ว่าทุกคนจะมีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจาก สนช.เห็นว่างานของ กกต.ตามรัฐธรรมนูญใหม่มีภารกิจสำคัญเรื่องการเลือกตั้ง จึงอยากได้บุคคลมีความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ในการทำงาน โดยเฉพาะด้านที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง
ซึ่งสมาชิก สนช.ส่วนมากยังไม่เชื่อมั่นในฝีมือของผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 7 คน ที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของสาธารณชน และยังไม่เคยแสดงฝีมือการทำงานให้เป็นที่ประจักษ์ ขณะเดียวกันในส่วนของผู้ได้รับการเสนอชื่อจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 2 คน อาจมีปัญหาเรื่องที่มาการสรรหาได้ดำเนินการอย่างถูกต้องหรือไม่ แม้ สนช.จะได้รับหนังสือยืนยันจากศาลฎีกาว่า กระบวนการสรรหาดำเนินการอย่างถูกต้อง แต่ สนช.เกรงว่า จะมีผู้ไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยขั้นตอนการสรรหาของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่า ดำเนินการอย่างถูกต้องหรือไม่ในภายหลัง จะเกิดความวุ่นวายตามมามากมาย
ดังนั้น สนช.จึงอยากได้คนใหม่ที่ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และความตั้งใจที่ดีที่สุด จึงลงมติไม่เห็นชอบผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 7 คน
แหล่งข่าวจาก สนช.เปิดเผยว่า สำหรับการลงคะแนนเลือก กกต.ทั้ง 7 คน ที่ผลออกมาเป็นการเซ็ตซีโร่ โดยที่ไม่มีใครได้รับการเห็นชอบของ สนช.เลยนั้น เรื่องนี้เริ่มต้นมาจากบรรยากาศก่อนการประชุม สนช.มีการจับกลุ่มพูดคุยกันถึงการลงมติเลือก โดยมีกระแสข่าวสะพัดว่า ให้ลงมติไม่เห็นชอบ 7 ว่าที่ กกต.โดยมีการถกกันประเด็นที่มีผู้ได้รับคัดเลือก 2 คน ซึ่งมีปัญหาเรื่องที่มา ทำให้ สนช.เกิดความไม่มั่นในใจการทำงานของคณะกรรมการสรรหา เพราะหากปล่อยผ่านคนที่มีปัญหา อาจทำให้ผู้สมัครคนอื่นถูกตั้งคำถามด้วยเช่นกันถึงคุณสมบัติ ดังนั้น จึงทำให้เป็นผลการลงคะแนนออกมาเป็นไม่มีใครได้รับความเห็นชอบ
"การลงคะแนนของสมาชิก สนช.เป็นการตัดสินใจแบบกะทันหัน หลังจากที่มีการถกกันในการประชุมลับ ซึ่งการลงคะแนนแบบนี้ก็แสดงให้เห็นว่า สมาชิก สนช.ไม่มั่นใจในกรรมการสรรหา ไม่เชื่อมั่นในกรรมการสรรหา ไม่รู้ไปทำงานกันมาอย่างไร ถึงออกมาเป็นแบบนี้ได้" แหล่งข่าวระบุ
ขณะที่แหล่งข่าวจาก สนช.อีกรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ยืนยันมีสัญญาณชัดจาก คสช.ให้คว่ำทั้ง 7 คน โดย 2 คนแรกที่ สนช.ให้ความเป็นห่วงมาจากการสรรหาของศาลฎีกาที่ใช้วิธีการลงคะแนนอย่างเปิดเผยถูกต้องหรือไม่ ขณะเดียวกันในส่วนการสรรหา 5 คน จากกรรมการสรรหามีอยู่ 2 - 3 คนที่กังวลว่าจะทำงานไม่ได้ เนื่องจากไม่มีประสบการณ์การทำงานในด้านการเลือกตั้ง แต่สนช.ก็ไม่สามารถเห็นชอบอีก 2 คนที่เหลือ โดยหนึ่งคนที่แน่นอน คือ นายประชา เพราะไม่เช่นนั้นจะเป็นการไม่ให้เกียรติศาล ดังนั้น จึงเห็นว่าต้องคว่ำทั้งหมด 7 คน
ด้าน นพ.เจตน์ ศิรธารานนท์ สนช.กล่าวว่า การลงคะแนนเป็นผลมาจากการประชุมลับที่สมาชิกได้รับฟังการชี้แจงจากประธานและกรรมการสรรหาตรวจสอบประวัติ แต่เนื่องจากเป็นการประชุมลับจึงไม่สามารถบอกได้ว่า เนื้อหาการประชุมลับเป็นอย่างไร แต่หลังจากที่ฟังแล้วก็อาจจะมีสมาชิกที่ตัดสินใจรับรองและไม่รับรอง แต่หัวใจของเรื่องนี้ก็คือ แม้จะไม่ได้ กกต.ทั้ง 7 คนนี้ ก็ไม่มีผลต่อโรดแมปการเลือกตั้ง เนื่องจาก กกต.ชุดเก่ายังทำหน้าที่สามารถที่จะจัดการเลือกตั้งหรือทำกฎหมายต่อไปได้

ยังมีข่าวดีสู้ ‘ลางร้าย’

ยังมีข่าวดีสู้ ‘ลางร้าย’


อ่างบัวแตก กระถางต้นข่อยพัง ธูปปริศนา 36 ดอก อีการุมจิกซากนกพิราบ
ลางร้ายกระฉ่อนทำเนียบรัฐบาลรายวัน
กระแสข่าว “ไสยศาสตร์ 0.4” ถาโถมเข้าใส่รัฐบาลยุค 4.0 ไม่หยุดหย่อน
ในอารมณ์อ่อนอกอ่อนใจ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ต้องขอร้องอย่ามองเป็นเรื่องโหราศาสตร์ เพราะมันแค่ปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ
สื่ออย่าเสนอเรื่องอะไรที่มันเป็นความเคลือบแคลงสงสัยอีกเลย
เรื่องของเรื่อง มันก็เป็นภาวการณ์ปกติธรรมดาทางการเมืองในห้วงเทอมสุดท้ายรัฐบาล ตามท้องเรื่องที่ทีมงาน คสช.กำลังตกอยู่ในห้วง “ยางรั่ว” เซแซดๆตามแรงกระแทก
หลงอยู่ในวังวนกระแส “ขาลง” ตามอุปาทานหมู่ที่ถูกสร้างขึ้นโดยฝ่ายจ้องคว่ำกระดาน
สถานการณ์มาถึงจุดที่เริ่มเกิดอาการ “สะท้านกระแส”
ปรากฏการณ์แบบที่ “เสธ.ไก่อู” พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยช็อตร้อนในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนัดล่าสุด กรณีข้อสั่งการของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่พูดขึ้นกลางวง ครม.
“ผมไม่เคยสั่งการใครในทางที่ผิดกฎหมาย หรือให้ไปล็อบบี้ใคร ถ้าใครไปแอบอ้างโดยเฉพาะชื่อผมให้มาแจ้งกับผมเลย ผมจะเอาเรื่องไอ้คนนั้น”
และนั่นก็ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์สำทับเลยว่า ได้ข่าวมาเหมือนกัน มีการอ้างชื่อ 3 ป.
แต่ยืนยันได้เลยว่าทั้งหมดไม่เคยสั่งการอะไรเหล่านี้ หากพบมีการแอบอ้างชื่อตนเอง พล.อ.ประวิตร และ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เรียกรับผลประโยชน์ ให้แจ้งเอาผิดได้เลย
และเชื่อมั่นองคาพยพที่เลือกมาใน ครม.ไม่มีบุคลิกเช่นนี้เหมือนกัน
“ลุงตู่” สั่งเสียงเข้มเลยว่า ทุกคนอยู่เฉยๆไม่ได้ ทำงานของตัวเองแล้ว ยังต้องตรวจสอบคนในอาณัติของตัวเองด้วยว่าได้อยู่ในกติกา ระเบียบวินัย สิ่งที่ดีงามหรือไม่ หรือไป เบียดเบียนประชาชน
ถึงจังหวะต้องขยับทบทวน “ต้นทุน” ความโปร่งใส
“พี่ใหญ่” ต้องเทกแอ็กชั่น แสดงความจริงจัง เคลียร์สถานะตัว “เป้าล่อ” ของรัฐบาล
ในสถานการณ์ที่ “ภูมิคุ้มกัน” คสช.เหลือน้อยเต็มที
ถ้าปล่อยกระแสไหลไปมากกว่านี้อาจเข้าขั้น “โคม่า” เสี่ยงถึง “จุดตาย” ได้
และตามฟอร์ม สถานะของ คสช.ตอนนี้ไม่พร้อมเปิดศึกหลายด้าน
โดยจังหวะต้อง “เจาะรู” ระบายแรงกดดัน รูปการณ์แบบที่ “นายกฯลุงตู่” ต้องออกโรงยืนกรานด้วยตัวเองเลยว่า จะไม่มีการคว่ำร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยที่มาของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เพื่อยื้อเลือกตั้งออกไป
ไม่ปล่อยให้ภาวะอึมครึมเพิ่มแรงกดดันมาโหลดอยู่ที่รัฐบาล คสช.
ล่าสุดก็เป็นคิวที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯฝ่ายกฎหมาย ออกมาคอนเฟิร์มล่วงหน้าแล้ว รัฐบาลจะมีการปลดล็อกคำสั่ง คสช.ให้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ในเดือนมิถุนายนนี้
ยังเดินตามคิวที่ “นายกฯลุงตู่” ประกาศสัญญาประชาคมไว้
โดยเงื่อนสถานการณ์จำเป็นต้องเจาะช่องระบายแรงเสียดทานจากนักการเมือง
ตามสภาพนักเลือกตั้งอาชีพถูกสะกดมา 3-4 ปี ใกล้ “ผีป่าช้าแตก”
แต่ก็เป็นอะไรที่เห็นได้ว่า ไม่มีการท้าแลกหมัดวัดดวงตามสไตล์ผู้นำทหารที่ถืออำนาจพิเศษเต็มมือ
“บิ๊กตู่” เป็น “รัฏฐาธิปัตย์” ผู้ไม่เน้นการใช้อาวุธและกำลังตรงกันข้าม กลับใช้เหลี่ยมการตลาด เดินกระแสเชิงบวกสู้กับข่าวด้านลบ
ไม่ว่าจะเป็นการเดินหน้าคิกออฟยุทธศาสตร์ “ไทยนิยมยั่งยืน” กลบกระแส “ลางร้าย”
การเปิด “ข่าวดี” ทางเศรษฐกิจ แบบที่กระทรวงพาณิชย์แถลงภาวะการส่งออกของไทยในเดือนมกราคม 2561 ขยายตัวสูงสุดในรอบ 62 เดือน ที่ร้อยละ 17.6 หรือคิดเป็นมูลค่า 20,101 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
คาดการณ์แนวโน้มการส่งออกในปี 2561 จะขยายตัวต่อเนื่องตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก
พร้อมๆกับที่นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ก็เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมประจำเดือนมกราคม 2561 อยู่ที่ระดับ 91.0 เพิ่มขึ้นจากระดับ 89.1 ในเดือนธันวาคม 2560
เป็นการปรับตัวติดต่อกัน 3 เดือน และสูงสุดในรอบ 36 เดือน
เหมือนให้ถ่วงน้ำหนักกันไประหว่าง “ข่าวร้าย” กับ “ข่าวดี”.
ทีมข่าวการเมือง

รูดซปปากวันที่2

"บิ๊กป้อม" รูดซิป....งดพูด เป็นวันที่2/โฆษก  กห.แจง จะให้สัมภาษณ์ เฉพาะเรื่องงาน ส่วนเรื่องส่วนตัว ชี้แจง ปปช. เผยตอบไป ก็ถูกจับไปเป็นประเด็น อีก/ จุดยืน ยังเหมือนเดิม !!

"บิ๊กป้อม" พลเอกประวิตร  งดให้สัมภาษณ์  เป็นวันที่2 ....ดอด ออกจากกลาโหม ไปทานข้าวกลางวัน ที่ บ้าน ร.1รอ.  หลังช่วงเช้า เข้า กลาโหม มาต้อนรับ ทูตเวียดนาม.และ ลาว ....ก่อนจะกลับมา ช่วงบ่าย ต้อนรับ ผบ.กกล.ภาคพื้นแปซิฟิคสหรัฐอเมริกา

แต่ สารวัตรทหาร กั้นเขต นักข่าว ไม่ให้เข้าใกล้ พลเอกประวิตร

พลโทคงชีพ โฆษกกลาโหม กล่าวว่า  พลเอกประวิตร ไม่ได้งดให้สัมภาษณ์  แต่จะให้สัมภาษณ์ เฉพาะ เรื่องการทำงาน เท่านั้น แต่ เริ่องส่วนตัวของท่าน  ก็ให้เป็นเรื่องของท่าน ในการชี้แจงตามกระบวนการ เอง เพราะถ้าพูดอะไรไป ก็ถูกจับไปเป็นประเด็น อีก

เมื่อถามว่า ยังยืนยันว่า จุดยืนของ พลเอกประวิตร ยังเหมือนเดิม ใช่หรือไม่ โฆษกกลาโหม  ไม่ตอบ แต่ทำมือ โอเค.

วันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

คลอดแล้วกฎหมายอัยการใหม่ ห้ามนั่งบอร์ด รสก.-รับจ็อบเอกชน

คลอดแล้วกฎหมายอัยการใหม่ ห้ามนั่งบอร์ด รสก.-รับจ็อบเอกชน


20 ก.พ.2561 – คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ (ฉบับที่ ..)  พ.ศ....ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณา ก่อนเสนอ สนช.ต่อไป และรับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองซึ่งต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ 
ทั้งนี้สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ ประกอบด้วย 1. กำหนดให้มีคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ประกอบด้วย  ประธาน ก.อ. ซึ่งต้องไม่เป็นพนักงานอัยการ อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นรองประธาน รองอัยการสูงสุดตามลำดับอาวุโส จำนวน 4 คน เป็นกรรมการอัยการโดยตำแหน่ง กรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 8 คน และอธิบดีอัยการ สำนักงานคณะกรรมการอัยการ เป็นกรรมการอัยการโดยตำแหน่ง และเป็นเลขานุการ ก.อ.  
2. กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของประธาน ก.อ. และกรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นบุคคลภายนอก  3. กำหนดให้มีการเลือกประธาน ก.อ. และกรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิ โดยห้ามกระทำการอันใดมีลักษณะเป็นการหาเสียง 4. กำหนดให้ประธาน ก.อ. และกรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระการดำรงตำแหน่ง 2 ปี และดำรงตำแหน่งได้วาระเดียว 
5.แก้ไขเพิ่มเติมกำหนดให้ข้าราชการอัยการต้องไม่เป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจ  หรือกิจการอื่นของรัฐในทำนองเดียวกัน และไม่เป็นกรรมการ ผู้จัดการ ที่ปรึกษากฎหมาย หรือดำรงตำแหน่งอื่นใดในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทหรือกิจการอื่นใดที่มีลักษณะทำนองเดียวกับห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่มีวัตถุประสงค์มุ่งหาผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน หรือเป็นที่ปรึกษาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งอื่นใดในลักษณะเดียวกัน 

“ประทิน”จี้ถอดยศ “เสี่ยอ๊อด”พูดจาหมิ่นเกียรติองค์กร ลากไส้ “ดาบนัส ลอยฟ้า”มือแจกอั่งเปา

Prapatchot Thanavorasart ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 2 ภาพติดตาม
กาฝากสีกากี!!
“ประทิน”จี้ถอดยศ “เสี่ยอ๊อด”พูดจาหมิ่นเกียรติองค์กร ลากไส้ “ดาบนัส ลอยฟ้า”มือแจกอั่งเปา อยู่ในราชการแต่ชื่อ ไม่เคยโผล่ทำงาน ทัวร์นอกโดยไม่รับอนุญาตเกือบร้อยหน เปิดภาพลับ“ดาบนัส”หิ้วกระเช้าอวยพรปีใหม่ “บิ๊กหยม”ผู้การนครบาล พบไวน์ลังละครึ่งแสน โผล่กลางโต๊ะทำงานด้วย
รุ่นใหญ่ต้องออกโรง .. องค์กรอันเป็นที่รักถูกย่ำยีต่อเนื่อง พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ในวัย 83 ปี ออกมากระซวก “เสี่ยอ๊อด ไซด์ไลน์”พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. ที่เปรียบ“อาชีพผู้พิทักษ์สันติราษฎร์”เป็นแค่“อาชีพไซด์ไลน์” ..ถือเป็นคำพูดที่ทำลาย “เกียรติ-ศักดิ์ศรี”ของตำรวจเป็นอย่างมาก อีกทั้งตำแหน่ง ผบ.ตร. เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ ได้รับการโปรดเกล้าฯ รวมทั้งการเป็น“ผู้นำตำรวจ”แต่ไปหยิบยืมเงิน “เจ้าของอาบอบนวด”นั่นก็อีก .. พฤติการณ์ลักษณะนี้“ขอโทษ”ไม่เพียงพอ ต้องเจอโทษสถานเดียวคือ“ถอดยศ”เท่านั้น .. งานนี้ก็ไม่รู้ว่า “ผู้มีอำนาจ”จะนำพาข้อชี้แนะของ“ผู้อาวุโส”แค่ไหน ..
ไปกันต่อที่ “อั่งเปาสีกากี”ที่ตำรวจนับร้อยชักแถวมารับกับ ร.ต.ต.มานัส เติมธนะศักดิ์ เจ้าของฉายา“อ้วน ลอยฟ้า”ที่มีชื่อพัวพัน“ธุรกิจสีเทา” ..ข้อมูลชวนอึ้งที่ “ร.ต.ต.มานัส”ปัจจุบันยังเป็น “ตำรวจในราชการ”ระดับ“รองสารวัตร”สังกัด “สันติบาล”ที่ถูกขอตัวไปทำหน้าที่อารักขา พล.ต.อ.ไพศาล เชื้อรอด อดีตที่ปรึกษา (สบ10) ที่เพิ่งเกษียณไปเมื่อปีกลาย .. พอมีปม“อั่งเปาร้อน”ก็แอคชั่นเอาเรื่องกันขึ้นมาที ตามตัวเรียกกลับต้นสังกัดกันให้ควั่ก ปรากฏว่า ยังตามตัวไม่พบ .. แถม “บิ๊กปู”พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล เพิ่งออกมาแฉด้วยว่า “ดาบนัส”มีประวัติ “ละทิ้งการปฏิบัติหน้าที่” ไปต่างประเทศ “โดยไม่ได้รับอนุญาต”เกือบ 100 ครั้ง ตั้งแต่ช่วงปี 58 เป็นต้นมาเสียด้วย .. ซึ่งตามระเบียบก.ตร. “ละทิ้งหน้าที่”แค่ 15 วัน ก็ไล่ออกได้แล้ว ก็น่าสงสัยว่าไฉน“อดีตดาบมนัส”ถึงยังอยู่รอดปลอดภัย จนได้ติดยศนายร้อย อยู่กินภาษีประชาชนได้สบายใจเฉิบ .. ชีวิต“ตำรวจไซด์ไลน์”มันดี๊ดี อย่างนี้นี่เอง เพราะแค่เงินเดือนราชการ ไม่น่าจะทำให้อู้ฟู่ ขนาดใจป้ำเลี้ยงโต๊ะจีน “ตำรวจชั้นผู้น้อย”ในสังกัด บช.น.7 นับร้อยนาย แถมแจกอั่งเปา ซองละ 500 พร้อมยันต์คุ้มภัยให้แบบไม่เสียดาย ..ฟังเสียง“บิ๊กหยม”พล.ต.ท. ชาญเทพ เสสะเวช ผู้การนครบาล กำกับดูแล บช.น.7 ช่วงวันแรกๆ ที่เกิดเรื่อง ดูแปร่งๆ ที่เบี่ยงประเด็นให้ดูมูลค่าในซองอั่งเปา ว่า ผิดกฎหมายป.ป.ช.หรือไม่ .. ทั้งที่ภาพออกมา มันประจานท่นโท่ว่าไม่เหมาะสม “บิ๊กอวบ”พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. ก็เพิ่งประกาศหลั่ดๆ ห้ามรับแต๊ะเอีย-อั่งเปา-ประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น ในช่วงตรุษจีน
.. แล้วก็ถึงบางอ้อ สาเหตุที่ทำให้“บิ๊กหยม” เสียงแปร่งๆ เมื่อมีเรื่องเกี่ยวกับ“ดาบนัส ลอยฟ้า”เมื่อ “มือดี”ปล่อยภาพ “ดาบนัส”เข้ามอบกระเช้าอวยพร “บิ๊กหยม”เมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมานี่เอง .. เจ้ากระเช้ากาแฟ-คอฟฟี่เมต เต็มที่พันกว่าบาท ไม่ผิดกฎหมาย ป.ป.ช.ชัวร์ .. ที่สะดุดตา ก็เจ้าลัง “Opus One”ไวน์ชั้นดีจากนาปา วัลเลย์ ประเทศสหรัฐฯ ที่กองอยู่บนโต๊ะทำงาน“บิ๊กหยม”มากกว่า .. สนนราคา Opus Oneไวน์ดังฝั่งอเมริกา ต่อขวดก็ไม่ต่ำกว่า“หมื่นบาทไทย”ยกลัง 6 ขวด ก็คูณเข้าไป .. ดูจากภาพนิ่งที่ปล่อยออกมา ไม่ชัดเจนว่าใครเป็น “ผู้ให้-ผู้รับ”ไวน์ลังละเกินครึ่งแสนที่ว่า แต่ถ้ามีการ“ให้ - รับ”เกิดขึ้นในห้องวันนั้น ในฐานะ “ข้าราชการตำรวจ”ทั้งคู่ ให้หรือรับ ความผิดก็ทั้งขึ้นทั้งล่อง นะท่านนะ
ช.ชฎา

"ทูตโปแลนด์"คนใหม่ พบแนะนำตัวกับ"บิ๊กป้อม"

"ทูตโปแลนด์"คนใหม่ พบแนะนำตัวกับ"บิ๊กป้อม" เผย เตรียมลงนามMOUความร่วมมือทางทหาร-ความมั่นคง เชิญ"บิ๊กป้อม" เยือน โปแลนด์/ ยินดีร่วมEEC

นาย Waldemar Dubaniowski ออท.สาธารณรัฐโปแลนด์ เข้าพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯและ รมว.กห. ที่ ศาลาว่าการกลาโหม เพื่อแนะนำตัวในโอกาสเข้ารับหน้าที่

พล.อ.ต.รังสรรค์ เยาวรัตน์ ผช.โฆษก กห. กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายได้กล่าวถึง ความสัมพันธ์ไทยและโปแลนด์ ที่มีมายาวนานกว่า 100 ปี
โดยไทยเป็นคู่ค้าสำคัญลำดับที่ 2 ของโปแลนด์ในอาเซียน และได้หารือร่วมกันถึง ความร่วมมือด้านความมั่นคง ด้าน เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ
โดยได้จัดทำและเตรียมลงนามบันทึกความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางทหารระหว่างกัน การแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูง อันจะนำไปสู่การัฒนาความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศระหว่างกัน

โดย นาย Waldemar ให้ความสำคัญต่อความร่วมมือด้านเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ และกล่าวชื่นชมยินดีที่ไทย มีอัตราการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจที่ดี
ซึ่ง พล.อ.ประวิตร. กล่าวแสดงขอบคุณ พร้อมทั้งเชิญโปแลนด์ได้เข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ( EEC) ซึ่งโปแลนด์มีความสนใจอยู่แล้ว
ขณะเดียวกัน เห็นว่า ประเทศไทยมีเสถียรภาพและมีความเข้าใจต่อสถานการณ์ของไทย ที่รัฐบาลมีความจำเป็นต้องดำเนินมาตรการต่างๆ โดยเฉพาะการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
พล.อ.ประวิตร ได้เชิญ รมว.กห.สาธารณรัฐโปแลนด์ มาเยือนไทย เพื่อหารือถึงความร่วมมือทางทหารที่สำคัญระหว่างกัน
ขณะที่ นายวัลแตมาร์ เชิญ พล.อ.ประวิตร ให้ไปเยือนสาธารณรัฐโปแลนด์เช่นเดียวกัน

เตรียมตัว ไปเลือกตั้ง

เตรียมตัว ไปเลือกตั้ง
"บิ๊กตู่" ให้ความหวัง -ลดกระแส "คนอยากเลือกตั้ง ปลุกคนไทย ให้พร้อมไปเลือกตั้ง เลือกหรือไม่เลือก ก็ได้ แต่ต้องไปเลือกตั้ง ระบุไม่ใช่ว่าไม่ชอบ แล้วไม่ไปเลือกตั้ง /ชี้ ปชต. ไม่ใช่ เดินประท้วง วอน เลิก We walk แจง ความหมาย "ปวงชนชาวไทย กับ ประชาชน"
หลังจากวานนี้. ยืนยันว่า จะไม่มีการคว่ำร่างกฎหมายลูก ยกเว้น มีเหตุจำเป็นจริงๆแล้ว
วันนี้ พลเอกประยุทธ์ ทำให้เกิดความหวัฃ ว่าจะมีเลือกตั้ง โดยชี้ว่า ประชาธิปไตยไทยจะต้องเป็นประชาธิปไตย ที่ยั่งยืนเป็นสากล ถึงเวลาเลือกตั้งก็ต้องไป ถ้าบอกไม่ไปเลือกตั้งดีกว่า อันนี้เสร็จเลย ต้องเลือกให้ดี
ต้องรู้เรื่องประชาธิปไตยเป็นอย่างไร ประชาธิปไตยไม่ใช่การมาเดินประท้วง เช่นที่กลุ่ม We Walk ทำนั้น ไม่เกิดประโยชน์ ควรหันหน้าหารัฐบาลมาให้ข้อมูลจะดีกว่า
ส่วนการเลือกตั้ง ขอให้ทุกคนไปเลือกตั้ง ไม่ว่าจะกาช่องเลือกใคร หรือไม่เลือกใครก็ตาม ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ แล้วไม่ไปเลือกตั้ง เพราะเมื่อรวมคะแนนแล้ว อาจส่งผลต่อการมีรัฐบาลต่อไป
ก็เพื่อให้ได้รัฐบาลที่ดีเป็นของปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า รัฐบาลที่ดีต้องเป็นของปวงชนชาวไทย
คำว่าปวงชนนั้น แตกต่างจากประชาชน ถ้าประชาชน คือคนนั้นคนนี้ กลุ่มนั้นกลุ่มนี้ มันไม่ใช่ ปวงชนชาวไทย คือคนทุกอาชีพ รัฐบาลต้องทำหน้าที่แทนทุกคน
รัฐบาลนี้ดูทุกคน ปัญหาถึงได้เยอะ ผมพูดด้วยความจริงใจ
หากมีคนมาแจกเงินถือว่ามีเจตนาไม่บริสุทธิ์ เพราะคงไม่มีอะไรที่จะได้มาเปล่าอย่าให้ใครมาบิดเบือน สร้างความร้าวฉานอีก
ส่วนตัวไม่สามารถจ่ายเงินให้ได้อยู่แล้ว และทุกคนต้องรู้กฎหมายเพื่อให้เกิดความเท่าเทียม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว