PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2561

ยี่ห้อ 'ประชารัฐ' ขายดี

ยี่ห้อ 'ประชารัฐ' ขายดี



เลือกตั้งวันนี้ พรุ่งนี้เลยก็ยังได้
ถ้ามันง่ายแบบมุกล่าสุดของกลุ่ม “คนอยากเลือกตั้ง” ร่อนแถลงการณ์กดดันให้คสช.ยุติบทบาทการเป็นรัฐบาลรักษาการในระหว่างการเตรียมการสู่การเลือกตั้ง และจัดเลือกตั้งภายในเดือนพฤศจิกายน 2561
รุกไล่กันแบบได้คืบเอาศอก ได้ศอกเอาวาว่างั้นเถอะ
ในอารมณ์แบบที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ย้อนถาม คิดว่าทำได้หรือไม่ กลุ่มดังกล่าวจะพูดยังไงก็พูดได้ แต่ คสช.ชัดเจนอยู่แล้วว่าโรดแม็ปจะต้องเดินไปตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. บอกไว้ เลือกตั้งไม่เกินเดือนกุมภาพันธ์ 2562
จับทางก็แค่พูดเอามัน ลีลาออกแขก เรียกคนดูไปอย่างนั้น
ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานความเป็นไปได้แต่อย่างใด
ในจังหวะเร้ากระแส “จ่านิว” กับ “รังสิมันต์ โรม” ก็แค่ร่วมด้วยช่วยแห่ “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานบริหารกลุ่มบริษัทไทยซัมมิทฯ หลานชายนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย กับผู้ร่วมอุดมการณ์อย่างนายปิยะบุตร แสงกนกกุล นักวิชาการกลุ่มนิติราษฎร์
โหมโรงตั้งค่าย “ยังบลัด” หรือพรรค “เลือดใหม่”
ที่กำลังเป็นจุดสปอตไลต์ หนึ่งในเป้าที่ถูกจับตามากสุดในกระบวนการตั้งป้อมค่ายใหม่
แต่โฟกัสหน้าตา ตัวบุคคล ก็ยังสลัดไม่พ้นภาพ “นิติราษฎร์-นิติเรด” อยู่ดี
โดยเฉพาะคราบฝังแน่นกับสถานะ “นอมินี” ของ “ทักษิณ”
ตามจังหวะการขยับออกมาของ “ท่านใหม่” พล.ต.หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล แฉดักทางพรรคการเมืองใหญ่อยู่เบื้องหลังหนุนกลุ่มคนหัวใหม่ ตั้งพรรคการเมืองให้นักวิชาการหัวเอียงซ้าย เพื่อเข้าสภามาร่วมกันรื้อกฎหมายมาตรา 112
เป้าหมายบั่นทอนสถาบัน เปิดประตูสู่ “สหพันธรัฐ”
แค่เริ่มไม่ทันไรก็จุดไฟ ก่อชนวนล้างผลาญกันรุนแรงเลย
เบื้องต้น โดยเงื่อนไขสถานการณ์ถือเป็นจุดวัดดวงวัดใจตระกูล “จึงรุ่งเรืองกิจ” ต้องขบโจทย์ใหญ่ให้แตก เพราะเดิมพันมันอยู่ที่ธุรกิจในเครือไทยซัมมิทฯมูลค่ามหาศาล คนมีประสบการณ์การเมืองเชี่ยวกรากอย่าง “อาเจ็กสุริยะ” จะกล้าเสี่ยงให้หลานชายมาวัดดวงเกมอำนาจเสี่ยงๆหรือไม่
อาการแบบที่นายธนาธรต้องรีบออกมาเคลียร์ว่า แม่ไฟเขียว นั่นแหละ
และอีกหนึ่งพรรคที่สปอตไลต์ฉายส่อง ชื่อของพรรค “พลังประชารัฐ” ที่ว่ากันว่าเป็นค่ายสนับสนุน “ลุงตู่” อย่างเป็นทางการ อ้างแกนจัดตั้งเป็นรัฐมนตรีสายเศรษฐกิจในรัฐบาล แต่ไม่ระบุตัวตนว่าเป็นใคร
รู้แค่คนจดทะเบียนเป็นคนระดับหัวหน้าชุมชนตลาดน้ำ
แต่นั่นก็เป็นกระแสให้สังคมจับตา ขนาดเป็นแค่กระแสข่าว ยังล่อให้นักการเมือง ทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ กระโดดออกมาไล่ตามเงา “ลุงตู่” ป่าวร้องให้ลาออกจากนายกรัฐมนตรีก่อนไปนั่งเป็นที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ เพื่อปูทางนั่ง “นายกฯคนใน”
เรื่องของเรื่องไม่ใช่แค่ “พลังประชารัฐ” แค่นั้น ล่าสุดมีอีกกระแสโผล่มากับชื่อ “ประชารัฐยั่งยืน”
เลยไม่รู้อันไหนของจริงของปลอมหรือปลอมทั้งคู่
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันสะท้อนยี่ห้อ “ประชารัฐ” ติดตลาดไปแล้ว แนวโน้มผ่านมา 3 ปีกว่า ประชาชนทั่วไปคุ้นเคยกับผลงานรัฐบาล คสช.จนเป็นตราประจำของ “นายกฯลุงตู่”
เลยแห่กันมาเอี่ยวชื่อ “ประชารัฐ” เพื่อเป็นจุดขาย
และก็เป็นอะไรที่เริ่มหงายไพ่กันแล้ว แนวโน้มเส้นทางรีเทิร์นของ “ลุงตู่” ชัดขึ้นตามโรดแม็ป
จับอาการล่าสุดของคนประชาธิปัตย์ ในปีกสายตรง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ทั้งนายศิริโชค โสภา รองเลขาธิการพรรค นายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีต ส.ส.สงขลา น.ส.รังสิมา รอดรัศมี อดีต ส.ส.สมุทรสงคราม แท็กทีมออกมาเล่นลูกตามน้ำ “เดอะมาร์ค” ที่ประกาศไม่มีวันจับมือกับพรรคเพื่อไทย
โชว์จุดยืน ตอกย้ำความเลวร้ายของระบอบ “ทักษิณ”
ยืนยันจับมือกับทหาร ยกมือโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ดีกว่ายกมือให้คนของเพื่อไทย
เริ่มแพลมๆคำตอบสุดท้ายกันแล้ว แนวโน้มที่บอกรังเกียจนายกฯคนนอก ไม่เอา “ลุงตู่” ดูแล้วมันก็แค่ลีลาก่อนเลือกตั้ง ตามฟอร์มกั๊กเหลี่ยมหาเสียงเท่านั้น
แต่หลังเลือกตั้ง ค่อยไปคุยกันอีกภาษาหนึ่ง.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: