รอฟัง’ของใหม่’ โดย นฤตย์ เสกธีระ
ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
อาจารย์เสกสรรค์ ประเสริฐกุล จำแนกความขัดแย้งทางการเมืองของไทยออกเป็น 2 ขั้ว
ฝ่ายหนึ่งคืออนุรักษ์ อีกฝ่ายหนึ่งคือก้าวหน้า
ฝ่ายก้าวหน้าที่นิยมประชาธิปไตย ซึ่งอาจารย์เสกสรรค์บอกว่า “ประชาธิปไตย” นี้ในหลาย ๆ ประเทศเขาถือว่าเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องก้าวหน้า
แถมบางทีอาจจะฟังแล้วรู้สึกล้าสมัยไปเสียด้วยซ้ำ
แต่นั่นคือประเทศอื่น
สำหรับประเทศไทย “ประชาธิปไตย” ยังคงอยู่ในนิยมฝ่ายก้าวหน้าได้
เพราะไทยยังก้าวไปไม่ถึงเสียที
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อาจารย์เสกสรรค์ได้ขึ้นปาฐกถาในงานคล้ายวันเกิด ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
อ่านและฟังแล้วมีเรื่องน่าสนใจหลายประการ
แต่ประการที่รู้สึกสนใจที่สุดคือ การบ้านที่ฝากให้ทุกฝ่ายได้คิด
โดยเฉพาะฝ่ายที่สนับสนุนประชาธิปไตย
อาจารย์เสกสรรค์บอกว่า ปัญหาใหญ่ของประชาธิปไตยมิได้อยู่ที่การถูกยึดพื้นที่หรือถูกล้มกระดานอยู่เป็นระยะๆ โดยฝ่ายตรงข้ามเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
หากแต่ปัญหายังอยู่ที่ความไม่สามารถป้องกันตัวของระบอบและผู้คนที่สมาทานแนวคิดชุดนี้ด้วย
สรุปออกมาเป็นรูปธรรมได้ว่า ฝ่ายประชาธิปไตยควรทำ 3 เรื่อง แต่ยังทำไม่ได้
หนึ่ง คือการกระจายอำนาจลงสู่ท้องถิ่นอย่างแท้จริง
สอง คือการปฏิรูประบบราชการให้ยึดโยงกับประชาชนมากขึ้น ตรวจสอบได้ง่ายขึ้น
และสาม คือการขยายงานรัฐสภาด้วยการเกี่ยวร้อยภาคประชาชนเข้ามาไว้ในกระบวนการนิติบัญญัติอย่างสม่ำเสมอ
อาจารย์เสกสรรค์มองว่า ที่ผ่านมาบรรดาพรรคการเมืองและนักการเมืองไม่เพียงลืมผลักดันให้มีการขยายโครงสร้างประชาธิปไตยเท่านั้น
แต่ยังใช้ความสัมพันธ์แบบจารีตที่ไม่เป็นสมัยใหม่ มาสร้างฐานเสียง
สร้างฐานเสียงทั้งในและนอกพรรค
ทำให้ระบบพรรคการเมืองกลายเป็นอวตารใหม่ของระบบอุปถัมภ์
การเมืองไทยก็มีโอกาสเติบโตขึ้น
ทั้งการหาหนทางเชื่อมโยงอำนาจรัฐกับประชาชนให้มากกว่าที่ผ่านมา
ทั้งการปรับเปลี่ยนสร้างฐานเสียง โดยไม่ใช้ “วิธีที่ไม่เป็นสมัยใหม่”
ไม่ทำให้พรรคการเมืองเป็นเพียงอวตารใหม่ของระบบอุปถัมภ์
ในช่วงเวลานี้ กกต.เริ่มจดจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ และกำลังจะประชุมพรรคการเมืองเดิม
หากว่ากันด้วยแนวทางการหาเสียง พรรคการเมืองเดิมมีไม้เด็ดที่ “ประชานิยม”
พรรคฝ่ายทหารกำลังชูแนวทาง “ประชารัฐ”
แล้วพรรคการเมืองที่เหลือจะเสนอแนวทางอะไร
ปาฐกถาของอาจารย์เสกสรรค์เป็นอีกทางเลือกที่สามารถนำไปปรับใช้
ใช้ “ของใหม่” ที่ประเทศไทยยังไม่เคยมี ไม่ต้องประชานิยม ไม่ต้องประชารัฐ
แต่ตอบโจทย์กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ตอบคำถามเรื่องการปฏิรูปการปฏิบัติงานของข้าราชการ
และการเปิดทางให้ประชาชนมีสิทธิมีส่วนกับกฎกติกาที่รัฐเป็นผู้ออก
“ของใหม่” เช่นนี้ หากอาจจะยังมองไม่เห็น เหมือนครั้งหนึ่งที่ยังไม่มีพรรคไทยรักไทย จึงมองไม่เห็นเรื่อง “ประชานิยม” ที่สัมผัสได้
แต่ถ้าใครคิดออก ย่อมมี “ของใหม่” ออกมานำเสนอให้ประชาชนเลือก
เลือกอย่างมีความหวัง
หวังว่าวัฏจักรอันน่าเบื่อที่หมุนเวียนอยู่ในขณะนี้จะหมดไป
หวังว่าวงจรอุบาทว์ที่หนักถ่วงความเจริญของประเทศจะหมดไป
…………………..
นฤตย์ เสกธีระ maxlui2810@gmail.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น