PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

พรรคเปิดซิง

พรรคเปิดซิง



นายสายัณห์ อินทรภักดิ์ หัวหน้าพรรคคลองไทย
เหลืออีกแค่ 7 เดือน ศึกเลือกตั้ง ใหญ่จะระเบิดเถิดเทิง
บรรดาพรรคการเมืองใหม่ป้าย แดง จึงต้องทยอยเปิดตัว จัดประชุมก่อตั้งพรรค เลือกตั้งหัวหน้าพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรคเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย
ล่าสุด เมื่อวานซืน มีพรรคใหม่เปิดซิงชื่อ “พรรคคลองไทย” จัดประชุมใหญ่ที่จังหวัดตรัง มีสมาชิกก่อตั้งเข้าประชุมอย่างคึกคักกว่า 500 คน
พร้อมลงมติเลือก นายสายัณห์ อินทรภักดิ์ อดีตรองผู้ว่าฯจังหวัดตรัง ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคคลองไทย
ประกาศจะส่งผู้สมัคร ส.ส.ทุกเขตทั่วประเทศ และถ้าหากได้ ส.ส.มากพอเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หัวหน้าพรรคคลองไทยก็พร้อมที่จะนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ตามกติกา
มาฟอร์มยักษ์อีกแล้วโยม
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่า เหตุผลที่ตั้งชื่อว่า...“พรรคคลองไทย” เพื่อสืบสานแนวพระราชดำริ “สมเด็จพระนารายณ์มหาราช” ยุคกรุงศรีอยุธยา ที่ทรงสนพระทัยให้ขุดคลองเชื่อมสองฝั่งทะเลภาคใต้ ของไทย
แต่จนถึงบัดนี้ ผ่านไปแล้ว 380 ปี ยังไม่มีรัฐบาลใดดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง
พรรคคลองไทย ต้องการเข้าไปผลักดันนโยบายนี้ในสภาฯ
มั่นใจว่าโครงการขุดคลองเชื่อมทะเล 2 ฝั่ง ผ่านพื้นที่จังหวัดกระบี่ ตรัง นครศรี-ธรรมราช พัทลุง สงขลา เกิดขึ้นสำเร็จเป็นรูปธรรม
ประเทศไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์แห่งใหม่ของโลก การส่งออกจะพุ่งกระฉูด การท่องเที่ยวจะเฟื่องฟู
เศรษฐกิจไทยจะเติบโตก้าวกระโดด เห็นทันตา
สรุปว่า “พรรคคลองไทย” ตั้งขึ้นมาเพื่อผลักดันนโยบายขุดคลองใหม่โดยตรง
ทั้งๆที่โครงการนี้เป็นโครงการเก่าค้างสต๊อกมานานเต็มที
น่าสังเกตว่าในยุครัฐบาล คสช.มีกลุ่มเคลื่อนไหวสนับสนุนโครงการขุดคลองเชื่อม 2 ฝั่งทะเลกันอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู
แต่ติดอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ หน.คสช.ไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้
และจะไม่อนุมัติให้มีการขุดคลองลัดเชื่อม 2 ฝั่งทะเล ทุกกรณี
“แม่ลูกจันทร์” สรุปย่อๆว่าโครงการนี้จะใช้งบลงทุนราว 2 ล้านล้านบาท ขุดคลองยักษ์ ขนาดกว้าง 400 เมตร ลึกไม่ต่ำกว่า 30 เมตร ตัดผ่าน 5 จังหวัดภาคใต้ ระยะทางยาว 135 กม.
เพื่อให้เรือสินค้าขนาดใหญ่ใช้คลองนี้เป็นทางลัด ไม่ต้องอ้อมช่องแคบมะละกา ช่วยลดเวลาเดินทางจากเอเชียไปยุโรปได้อีก 2 วัน
ดินจำนวนมหาศาลที่เกิดจากการ ขุดคลอง จะนำไปถมสร้างเป็นเกาะขนาด 1 แสนไร่ ด้านฝั่งอ่าวไทย เพื่อพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวครบวงจร
ส่วนพื้นที่ทั้ง 2 ฟากฝั่งคลองจะพัฒนาเป็นเมืองอุตสาหกรรมใหญ่ เพื่อให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นอีก 2 ล้านคน
คาดว่ารายได้จากเรือสินค้าที่ผ่านคลอง จะเป็นเงินราว 1.5 แสนล้านบาทต่อปี
โดยมีกลุ่มทุนยักษ์จากจีนพร้อมอัดฉีดงบลงทุนทันที...
ถ้าหากรัฐบาลไทยเปิดไฟเขียวให้ดำเนินการ
“แม่ลูกจันทร์” ย้ำว่า โครงการขุดคลองยักษ์เชื่อม 2 ฝั่งทะเลภาคใต้ มีความเป็นไปได้ไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์
ยกเว้น...ถ้า “พรรคคลองไทย”... สามารถกวาด ส.ส.เข้าสภาฯได้เกิน 100 คน
โอกาสผลักดันโครงการขุดคลองยักษ์ อาจมีความเป็นไปได้ซัก 20 เปอร์เซ็นต์
แต่ถ้าพรรคคลองไทยได้ ส.ส.ไม่ถึง 20 คน ยังมีโอกาสได้ร่วมรัฐบาล
และอาจได้โควตารัฐมนตรีแถมอีก 1 คน
แต่โครงการขุดคลองเชื่อม 2 ฝั่งทะเล คงต้องเก็บเข้ากรุต่อไป
เพราะเรื่องมันไม่ง่าย...อย่างที่ฉายหนังโฆษณา.
“แม่ลูกจันทร์”

โทษคนอื่นยิ่งเข้าเนื้อ

โทษคนอื่นยิ่งเข้าเนื้อ



โชว์ฟอร์มเตะตา ขึ้นชั้น “มวยหลัก” ของ “นายใหญ่” ตั้งแต่เริ่มเลย
กับช็อตที่นายนคร มาฉิม อดีตผู้แทนฯเมืองพิษณุโลก ว่าที่ลูกแถวพรรคเพื่อไทยคนใหม่แสดงอาการ “สำนึกบาป”
ย้อนอดีตฟื้นความหลัง เปิดปฏิบัติการแฉขบวนการ “สมคบคิด”
โค่นล้มรัฐบาลสองพี่น้องตระกูลชิน ทั้งอดีตนายกฯทักษิณและอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
โดยตัวการสำคัญก็คือค่ายประชาธิปัตย์ ต้นสังกัดเก่าของนายนครเอง
เล่นเอาคนยี่ห้อประชาธิปัตย์เกิดอาการ “ดิ้นพล่าน” นั่งไม่ติดกันทั้งพรรค รุ่นใหญ่รุ่นเล็กดาหน้าออกมารุมถล่มนายนครผู้ทรยศแปรพักตร์ ถึงขั้นจะลากขึ้นโรงขึ้นศาลเอาผิดทางกฎหมาย
กลายเป็นฝ่ายที่เจ็บตัวสุดจากเรื่องเก่าเล่าใหม่ อดีตคนในค่ายออกมาตอกย้ำประจาน
คน ปชป.พังบ้านประชาธิปัตย์ ผลงานประเดิมโชว์ “นายใหญ่”
และไม่ใช่แค่นายนครเท่านั้นที่พังบ้านเก่าเข้าบ้านใหม่ ตามข่าวที่ปรากฏตามสื่อยังมีชื่อของ “เสี่ยอ๊อด” นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไปโผล่อยู่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในห้วงเบิร์ธเดย์ “นายใหญ่” เปิดดีลเข้าร่วมพรรคเพื่อไทย
พิจิตร พิษณุโลก “นายใหญ่” บวกเพิ่ม “ตัวเก๋า” ภาคเหนือตอนล่าง
กลบตัวเลขที่หายไปจากอาการเลือดไหลในภาคอีสาน
และตามฟอร์มก็อย่างที่เห็นลีลา ถ้าเป็นอดีต ส.ส.ที่ออกจากพรรคเพื่อไทยไปเข้าค่ายพลังประชารัฐ
โดน “นายใหญ่” กับลูกหาบตามด่าไล่หลังว่าถูกดูด ไม่มีอุดมการณ์
แต่พอดูดคนอื่นไหลเข้าพรรคเพื่อไทย กลับได้รับการอวยเพราะศรัทธาในประชาธิปไตย
อารมณ์แบบที่ “เสี่ยเต้น” นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำพรรคเพื่อไทยสายเสื้อแดง นปช. รีบออกมา “ยกหาง” นายนครทันที ชื่นชมผลงานการตอกย้ำคนประชาธิปัตย์คือไส้ศึกฝ่ายเผด็จการ
โชว์เหลี่ยมการตลาดนำการเมืองอย่างเป็นระบบ “ครบวงจร”
เรื่องของเรื่องกรณีของนายนคร ถ้าย้อนไปดูข้อมูลจริงๆเจ้าตัวออกจากประชาธิปัตย์มาสังกัดพรรคชาติพัฒนาตั้งแต่ปลายปี 2556 ห้วงที่การเลือกตั้งเป็นโมฆะแล้ว และแสดงท่าทีเปิดหน้าโซ้ยกับทหาร คสช.มาตลอดในการลุยแฉทุจริตโครงการขุดลอกบึงในจังหวัดพิษณุโลกร่วมกับทีมงานเสื้อแดง พรรคเพื่อไทย
ช็อตนี้ก็แค่ย้ำ “แผลเป็น” ให้ประชาธิปัตย์สะดุ้งทุกที
ที่เซอร์ไพรส์ก็คือคิวของนายประดิษฐ์ที่เงียบมาพักใหญ่หลังหลบไปบวชที่วัดป่าในจังหวัดเชียงราย หลายฝ่ายนึกว่าจะวางมือ แต่โผล่อีกทีไปป้วนเปี้ยนที่ลอนดอนห้วงวันเกิด “นายใหญ่”
ในจังหวะหัวเลี้ยวหัวต่อ “ทักษิณ” กำลังมีปัญหาเรื่องท่อน้ำเลี้ยงโดนบล็อกหมด
“เสี่ยอ๊อด” จึงอยู่ในโหมดถูกจับตาเป็น “หัวจ่าย” ใหม่
แต่เช็กข้อมูลวงการนักเลือกตั้งขาใหญ่ วันนี้ “เสี่ยอ๊อด” ก็ไม่ได้จัดอยู่ในข่าย “หน้าตักหนา” สักเท่าไหร่
ประเมินตามแนวโน้มเงื่อนไขสถานการณ์การเมืองห้วงเปลี่ยนผ่าน เซียนเขี้ยวการเมืองส่วนใหญ่มองตรงกัน ในบรรยากาศที่ไม่คุ้มค่ากับการลงทุนเลือกตั้ง
อยู่ฝั่งไหนก็มีแต่เจ๊งกับเจ๊า แตะมือ “เหยียบตีน” กันเล่น ต่างฝ่ายต่างไม่เข้าเนื้อดีกว่า
ในมุมนี้ “เสี่ยอ๊อด” ก็คงหวังกินบุญเก่ายี่ห้อ “ทักษิณ” เกาะขบวนเข้าป้าย
ภายใต้โจทย์ยากๆ “นายใหญ่” ยังต้องคิดหนัก จะสู้จริงจังแค่ไหน
แต่ที่ลำบากยิ่งกว่าก็คือคนยี่ห้อประชาธิปัตย์จะกู้สถานการณ์ยังไง ถูกอดีตคนกันเองพังบ้านยับเยิน
โดยอาการคิดอะไรไม่ออกบอกไม่ถูก นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค ก็โทษรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกฯหัวหน้า คสช. ทำเสียของ เพราะคิดสืบทอดอำนาจ ไปดูด ส.ส.เพื่อไทยทำให้ความน่าเชื่อถือหมดลง
ทำให้ผลสวิงกลับมาอยู่กับฝ่ายยึดอำนาจ
เตะลูกกลับไปเข้าเหลี่ยม “ทักษิณ” ได้โอกาสกลับมายึดประเทศรอบใหม่
แต่พูดไปก็ “เข้าเนื้อ” คนกันเอง เจ็บแปลบๆแสบลึกๆ
ในเมื่อภาพมันฟ้องอยู่หลัดๆ ประชาธิปัตย์ได้รับโอกาสเต็มๆมาแล้ว กับการตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร อุ้ม “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ขึ้นเป็นนายกฯ ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ก่อนปล่อยเลือกตั้งแพ้ “ทักษิณ” ยับเยิน
นั่นต่างหากที่ชัดเจนว่าทำ “เสียของ”
อะไรไม่ว่า มาถึงตรงนี้ ประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของ “เดอะมาร์ค” ก็ยังออกอาการยึกยัก ทำท่าจะขี่คอทหารกลับมาคุมอำนาจเป็นใหญ่ ส่อพฤติการณ์ให้ฝ่ายคุมเกมไม่ไว้วางใจ
ต้องตั้งค่าย “พลังประชารัฐ” มาเป็นฐานส่วนตัวของ “นายกฯลุงตู่”
เบียดประชาธิปัตย์รูดไปอยู่อันดับสามตามโพล นับวันยิ่งลุ้นไม่ขึ้น
เสียงต่อรองขอเกาะขบวน “ลุงตู่” เบาลงทุกที.
ทีมข่าวการเมือง

ผ่าอนาคตการเมืองหัวเลี้ยวหัวต่อคนเสื้อแดง : สถานการณ์เป็นตัวกำหนด

ผ่าอนาคตการเมืองหัวเลี้ยวหัวต่อคนเสื้อแดง : สถานการณ์เป็นตัวกำหนด



ปิดฉากงานฉลองเบิร์ธเดย์ 69 ปี “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี นับจากวันนี้จะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อต้องจับตาดู
ภายใต้สถานการณ์พรรคเพื่อไทยกำลังเผชิญหน้า 3 เรื่องใหญ่ คือ ประเด็นแรก “การนำของพรรค” ก่อให้เกิดปัญหาภายใน และการนำเคลื่อนไหวทางการเมืองขาดประสิทธิภาพ
ประเด็นที่สอง “ระบบพรรค” จะต้องรีบจัดระบบพรรคโดยเร็วที่สุด ทั้งการบริหารพรรค การวางตัวผู้สมัคร ส.ส. การรับสมัครสมาชิกพรรค
โดยเฉพาะการไม่มีคณะกรรมการกลั่นกรองรับข้อมูลจากพื้นที่ ทำให้นักการเมืองหลายคนในพรรคมองว่า ก่อให้เกิดปัญหาการย้ายพรรคหรือออกจากพรรค
เช่น ในภาคอีสานเดิมมี ส.ส.126 ที่นั่ง การเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 เหลือแค่ 116 ที่นั่ง ลดลง 10 ที่นั่ง ทำให้เกิดปัญหาแย่งชิงลงสมัคร ส.ส.อย่างน้อย 10 จังหวัดแน่นอน
ขณะนี้เกิดปัญหาในการบริหารจัดการคัดเลือกผู้สมัคร ก่อให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงระหว่าง “สุพล ฟองงาม” อดีต ส.ส.อุบลราชธานี กับ “เกรียง กัลป์ตินันท์” รักษาการรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย
โดยผู้ใหญ่ในพรรคมอบหมายให้ “เกรียง กัลป์ตินันท์” ดูแลพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร อาจกินพื้นที่ไปถึงศรีสะเกษ เป็นการสั่งการโดยบุคคล ไม่มีระบบพรรครองรับ ทำให้เกิดปัญหาตามมาทันที
ยิ่ง “สุพล ฟองงาม” เคยอธิบายเหตุผลเอาไว้ชัดเจนทำนองว่า กลัวไม่ได้รับเกียรติให้ลงสมัคร ส.ส. และต้องการผลักดัน “สุทธิชัย เจริญเนตร” แม้สอบตกครั้งที่แล้ว ส่งลงสมัคร ส.ส.เพื่อแก้มือ
แต่ “กลุ่มเกรียง” ปฏิเสธและเสนอให้ผู้ใหญ่ในพรรคว่าต้องการสนับสนุนคนในกลุ่มของตัวเองเท่านั้น
เป็นอีกเหตุผลทำให้ “สุพล ฟองงาม” ตัดสินใจอาจตีจากพรรคเพื่อไทย
หรือกรณีในบางจังหวัดต้องการเอาอดีต ส.ส.ในพื้นที่เดิมขยับไปลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และต้องการเอาอดีต ส.ส.อีกคนมาเสียบลงแทน แต่ทางผู้ใหญ่ในพรรคยังทำท่าแทงกั๊ก ไม่ตัดสินเด็ดขาด
เจ้าของพื้นที่เดิมย่อมดิ้นสู้ เพราะตอนนี้ในพรรคประเมินกันเอาไว้ว่าตามกติกาบัตรเลือกตั้งใบเดียว ทุกคะแนนมีความหมาย ถ้าลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับเกิน 20 มีโอกาสสูงมากที่จะอดเป็น ส.ส.
ยังไม่รวมบทบาทของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จะปล่อยให้ถูกดูด หรือแยกไปตั้งพรรคใหม่ หรือทิ้งระยะห่างให้พอเหมาะพอควรกับพรรคเพื่อไทย ไม่ตกเป็นเป้าของฝ่ายคุมเกม ท่าทีของ นปช.และคนเสื้อแดงนับจากนี้ไปจะเคลื่อนไหวอย่างไร
นายนิสิต สินธุไพร ผู้อำนวยการโรงเรียน นปช. บอกกับ ทีมข่าวการเมือง ว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อาจจะมั่นใจว่าชนะการเลือกตั้ง
เพราะพรรคเพื่อไทยเคลื่อนไหวไม่สะดวก ยิ่งเคลื่อนก็ตกเป็นเป้า กติกาต่างๆสกัดนายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เข้าประเทศได้ยากขึ้น แถมตอกหมุดผ่านเงื่อนไขทางกฎหมายให้คนเสื้อแดงหมอบหมด ทำให้การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงไม่คึกคัก และเปิดให้บางกลุ่มการเมืองดูดได้เต็มที่
พฤติการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การแปรเปลี่ยนเป็นคะแนน กระแสไม่เอาทหารในพื้นที่แรงมาก อาจจะแรงกว่าการเลือกตั้งปี 2554 ด้วยซ้ำ
ขอให้พรรคเพื่อไทยอย่าไปกลัวทหารมากนัก ไม่มีอะไรหรอก คสช.ก็รู้ว่าตามปกติพรรคการเมืองมีการประชุมอย่างไม่เป็นทางการ เริ่มเคลื่อนไหวเบาๆ หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.จะลงเลือกตั้ง แต่เขาก็ปล่อย ไม่ทำอะไร
และจากที่เราได้คุยในวงเล็กๆพบว่า พรรคเพื่อไทยไร้ขวัญกำลังใจ เพราะปล่อยให้นักการเมืองต่อสู้โดยลำพัง ขวัญกำลังใจไม่ใช่ต้องเอาเงินเอาทองไปให้ ขอแค่เปิดให้มีกระบวนการพูดคุย สื่อสารถึงกันอย่างสม่ำเสมอ
และพรรคจะต้องขยับเขยื้อนการเคลื่อนไหวทางพื้นที่ ให้นักการเมืองขยับเขยื้อนในพื้นที่กับมวลชนและฐานเสียง เพื่อดูดซับข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายประชารัฐ นโยบายไทยนิยมยั่งยืน นำมาประเมินเป็นระบบส่งข้อมูลแต่ละเขตให้พรรคว่า นโยบายของรัฐบาลเป็นอย่างไร ก่อนทำการบ้านสรุปเป็นเอกสารเป็นรายเขตเลือกตั้ง ตอนนี้นักการเมืองต่างลงพื้นที่ เพื่อตรึงสถานการณ์ในพื้นที่เอาไว้
ในส่วนของ นปช.ที่เจอกับแรงดูด เท่าที่พูดคุยมองเป็นเพียงแค่ภาพการปั่นข่าว แต่ในแง่ของมวลชนคนเสื้อแดงไม่หวั่นไหว ทุกคนมีประสบการณ์และสรุปบทเรียนมาแล้ว มีวุฒิภาวะทาง การเมืองสูง เจอข่าวลือก็ไม่กระโตกกระตาก
เช่น กรณีนายภิรมย์ พลวิเศษ อดีต ส.ส.นครราชสีมา หนึ่งในกลุ่มสามมิตร ประสานนายเทพพนม นามดี แกนนำ นปช.จังหวัดสุรินทร์ ไปอยู่ด้วย เจ้าตัวได้มาขออนุญาตว่าจะไปก็ไม่ได้ห้ามอะไร และแกนนำ นปช.จังหวัดสุรินทร์ก็มีประมาณ 10 แกนนำ ไม่ได้มีเฉพาะนายเทพพนม
ขณะเดียวกันกลุ่ม นปช.ก็ได้ประเมินสถานการณ์การเมืองเป็นระยะๆ แล้วส่งข้อมูลเข้าไลน์กลุ่มว่า
สถานการณ์การเมืองของ นปช.ยังสงบนิ่งอย่างมั่นคงแข็งแรงไม่แปรเปลี่ยน
และสถานการณ์การเมืองของประชาชนก็ตัดใจเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
คสช.รู้ดีว่าสถานการณ์การเลือกตั้งไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทหารจะชนะ
แต่พวกเขาก็ต้องเดินหน้าดูดนักการเมืองต่อไป สุดท้ายเชื่อว่าจะมีนักการเมืองย้ายพรรคน้อยมาก เพราะปัญหาของพรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสามมิตรและ คสช. ยิ่งเคลื่อนไหวหนักยิ่งไม่เป็นคะแนน วันนี้ประชาชนเห็นชัดเจนเป็นการเคลื่อนไหวชักชวนนักการเมืองเข้าพรรค โดยไม่มีนโยบายอะไรที่เป็นประโยชน์ เป็นความหวังของประชาชน
ยิ่งเพิ่มพลังดูดยิ่งเละเทะไปใหญ่ ถูกตีความเอาคดีไปแลก เอาเงินไปซื้อยิ่งหนัก
ล่าสุดเห็น พล.อ.ประยุทธ์ไม่กล้าทักทายนักการเมืองระหว่างไปรอรับช่วงประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.อุบลราชธานี อาจมองได้ว่าหากทักแล้วท่านจะเสียหาย จึงวางตัวอยู่ห่างๆ
สะท้อนให้เห็นว่ากระแสการเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตร พรรคพลังประชารัฐ และ คสช.มันไปไม่ได้ กระแสลบสุดๆ ทำให้คะแนนความนิยมของพรรคเพื่อไทยยังนำอยู่
ฝ่ายยุทธศาสตร์ทหารก็ปวดหัวในเรื่องนี้ ปัญหาการเลือกตั้งที่มันล่าช้า เพราะฝ่ายกุมอำนาจไม่พร้อม คำว่าไม่พร้อมหมายถึงหลังการเลือกตั้งอาจจะไม่ชนะพรรค การเมืองใดก็ได้ถ้าไม่ใช่พรรคเพื่อไทยรวมเสียงแล้วก็ไม่ถึง 250 ที่นั่งขึ้นไป ถ้าเป็นเช่นนี้หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่ยกมือให้ การจัดตั้งรัฐบาลก็กลายเป็นปัญหาใหญ่
ทีมข่าวการเมือง ถามว่า นปช.และพรรคเพื่อไทยจะเดินการเมืองร่วมกันอย่างไร นายนิสิต บอกว่า ระยะหลังเริ่มมีระยะห่างพอสมควร เพราะแกนนำ นปช.ติดคดีเข้าคุกหลายคน พรรคเพื่อไทยก็เป็นเป้าตกอยู่ในอันตราย
สุดท้ายเชื่อว่าคนของ นปช.จะลงเลือกตั้งน้อย ส่วนใหญ่ไม่มีอนาคตที่จะลงเลือกตั้งได้ ฉะนั้น นปช.จะต้องจัดทำนโยบายของกลุ่ม ปรับปรุงองค์กรภายในใหม่ เพื่อรักษา องค์กรของประชาชนเอาไว้
บทบาทในอนาคตอาจจะไม่เข้มข้น คึกคัก เพราะสถานการณ์การต่อสู้ของภาคประชาชนเปลี่ยนไป บนความผูกพันแน่นหนา มีการประสานงานกันอยู่ตลอด และยังสนับสนุนพรรคเพื่อไทยที่เป็นแนวทางประชาธิปไตยเหมือนเดิม
แม้มีจำนวนหนึ่งแยกตัวไปสนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากมองว่ามีแนวทางต่อต้านเผด็จการชัดเจนกว่าพรรคเพื่อไทย ในอนาคตถ้าพรรคเพื่อไทยมีแนวทางไม่เข้มข้น ชัดเจนกับการต่อต้านเผด็จการ เชื่อว่าจะเกิดการไหลตัวไปอยู่กับพรรคอนาคตใหม่มากขึ้น
แต่เพื่อไทยเป็นพรรคขนาดใหญ่ของฝ่ายประชาธิปไตย ก็จำเป็นต้องรักษาเอาไว้ แม้คนเสื้อแดงส่วนหนึ่งเห็นด้วยกับแนวทางของพรรคอนาคตใหม่ แต่มองว่าโอกาสจะมานำในการต่อสู้คงเป็นไปได้ยาก
ทั้งหมดตอกย้ำให้เห็นว่ากลุ่ม นปช.ไม่หวั่นไหวพลังดูด หรือการใช้อำนาจของ คสช. นายนิสิต บอกว่า คนเสื้อแดงฉลาดมากขึ้น ไม่สะทกสะท้านกับเหตุการณ์การเมือง ทั้งกรณีนายกฯยิ่งลักษณ์ติดคุกก็ช็อกแบบเสียใจ หรือมีคนแต่งกายคล้ายทหารไปคุกคามที่บ้านตลอด 3-4 ปี ก็กลายเป็นความชินชาและดื้อยา
สุดท้ายจะรอแสดงออกอย่างทรงพลังในสนามทางการเมือง ซึ่งเป็นสนามที่เล่นแล้วไม่เป็นอันตราย
การชุมนุมไม่ใช่สนามของคนเสื้อแดง เพราะอันตราย
มีสนามเดียวที่เราชนะแน่นอน คือ สนามเลือกตั้ง.
ทีมการเมือง

วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ผ่าชะตาชีวิต “ทักษิณ” ใช้จุดแข็งลุยศึกเลือกตั้ง : ชนะคะแนน แพ้เกมอำนาจ

ผ่าชะตาชีวิต “ทักษิณ” ใช้จุดแข็งลุยศึกเลือกตั้ง : ชนะคะแนน แพ้เกมอำนาจ



ทั่วโลกพากันส่งแรงใจไปให้ประชาชนชาว สปป.ลาว
จากภัยพิบัติเขื่อนเซเปียน–เซน้ำน้อย แขวงอัตตะปือ ที่กำลังก่อสร้างเกิดสันเขื่อนแตก มวลน้ำมหาศาลไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนผู้คนต้องหนีตายกันโกลาหล
เสียชีวิตหลายสิบรายสูญหายนับร้อย
โดยสถานการณ์ที่ประเทศไทยในฐานะเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงได้ยื่นมือเข้าไปช่วยแบบสุดกำลัง
ในการนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร พระราชทานสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัย ขณะที่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระบัญชาโปรดให้คณะสงฆ์หนตะวันออกทุกจังหวัด รวบรวมกัปปิยภัณฑ์พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค เท่าราคา 1 ล้านบาท เพื่อสงเคราะห์ผู้ประสบภัยในครั้งนี้
ส่วนภาครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ได้มอบเงิน 5 ล้านบาทผ่านทางนายแสง สุขะทิวง เอกอัครราชทูต สปป.ลาวประจำประเทศไทย เพื่อช่วยเหลืออุทกภัยจากเหตุเขื่อนแตกใน สปป.ลาว
กองทัพ หน่วยกู้ภัย ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือเพื่อนบ้าน
หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนทั้งในกรุงเทพฯต่างจังหวัดระดมบริจาคส่งไปช่วยผู้ประสบภัย
แสดงพลังน้ำใจคนไทยที่ยิ่งใหญ่เสมอ
ยามเกิดภัย พร้อมใจกันช่วยหมด ไม่เลือกเขาเลือกเรา
ตัดฉากกลับไปที่บรรยากาศการเมือง ตามท้องเรื่องที่ยังแบ่งเขาแบ่งเราไม่เลิกรา
ล่าสุด “นายกฯลุงตู่” นำคณะหางเครื่องชุดใหญ่ ลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดอำนาจเจริญ พร้อมประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดอุบลราชธานี ท่ามกลางเสียงโหวกเหวกโวยวายจากเจ้าถิ่น ทั้งยี่ห้อเพื่อไทยและค่ายประชาธิปัตย์ช่วยกันตีฆ้องร้องป่าว ประจานดักหน้าดักหลัง
ตีกัน “พลังดูด” ทีมหนุน “นายกฯลุงตู่”
แต่ดูแล้วก็เหมือนเสียงโจมตีโห่ฮาไม่ได้มีผลอะไร จับอารมณ์ที่ พล.อ.ประยุทธ์พูดชัดเลยว่า ยิ่งใกล้เลือกตั้ง ยิ่งต้องลงพื้นที่ประชุม ครม.สัญจรถี่ขึ้น
ตรงไหนไม่ชอบ ยิ่งต้องไปชี้แจงทำความเข้าใจ
คนเป็นผู้นำต้องไปได้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย
เป็นอะไรที่ปูทางล่วงหน้า จากนี้ไปจนกว่าจะเลือกตั้งคิวประชุม ครม.สัญจรจัดเต็มแน่
นั่นก็เพราะบวกลบคูณหาร ว่ากันตามเหลี่ยมยุทธศาสตร์การตลาด คิวประชุม ครม.สัญจรเริ่มตั้งแต่สุพรรณบุรีจังหวัดแรกมาถึงอุบลราชธานี มันคืออีเวนต์การเมืองที่ทำให้ “นายกฯลุงตู่” สามารถชิงกระแส เบียดแย่งพื้นที่ข่าว
โกยแต้มโกยคะแนนได้เป็นกอบเป็นกำ
ที่สำคัญมันคือจังหวะตอกย้ำยี่ห้อ “พลังประชารัฐ”
กับสารพัดมาตรการอัดฉีดที่รัฐบาลติดไม้ติดมือไปฝากประชาชนคนมีรายได้น้อยถึงหัวบันไดบ้าน
แบบที่มติที่ประชุม ครม.สัญจรจังหวัดอุบลราชธานี อนุมัติงบประมาณ 9.7 หมื่นล้านบาทซื้อใจชาวนา
อุดหนุนมาตรการดูแลข้าวปี 2561/62 กำหนดราคาจำนำยุ้งฉางและเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว สรุปตัวเลขชาวนาจะได้รับในส่วนของข้าวหอมมะลิตันละ 17,050 บาท ข้าวเปลือกเหนียวตันละ 15,450 บาท ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 12,000 บาท และข้าวเปลือกปทุมธานี 1 ตันละ 12,900 บาท
พะยี่ห้อ “ลุงตู่” สั่งลุย จัดหนักโปรโมชันอัดฉีดเศรษฐกิจฐานราก
ตามจังหวะที่ “จอมยุทธ์กวง” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ ส่งสัญญาณออกมาก่อนหน้าจะอัปราคาข้าว ไม่ต่ำกว่าโครงการรับจำนำ
ทีม “นายกฯ ลุงตู่” หงายไพ่เด็ด กินแต้มเกษตรกรชาวนา
ในจังหวะกำลังเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง
ตามเงื่อนไขสถานการณ์ก็ไม่แปลกที่จะได้เห็นอาการคึกคักของ “นายกฯลุงตู่” ประกาศดังๆพร้อมสู้ตาย
รับมุกเสียงเชียร์ของคนอุบลฯ “พวกเรารักลุงตู่”
เริ่มออกอาการมั่นใจ แถมเหลือไพ่ในมือให้ตีกินแต้มอีกหลายใบ
ตามสถานการณ์ที่อิงตามตัวเลขเชิงวิชาการ “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ สำรวจความนิยมล่าสุดเป็นรอบที่สาม พล.อ.ประยุทธ์ ยึดแป้นอันดับหนึ่ง ประชาชนต้องการให้เป็นนายกรัฐมนตรีตามกฎหมายเลือกตั้งปัจจุบันด้วยคะแนนร้อยละ 31.2
ทิ้งห่างอันดับสอง “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พรรคเพื่อไทย และอันดับสาม “เดอะมาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชา-ชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แบบ 2–3 ช่วงตัว
ดูตามโพย ณ วันนี้ “ลุงตู่” ยังไม่มีคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อมาประกบ
ในจังหวะที่ยี่ห้อ “พลังประชารัฐ” ก็แซงพรวดขึ้นมาอยู่อันดับสอง รองจากพรรคเพื่อไทย ในฐานะพรรคการเมืองที่ประชาชนอยากให้ได้คะแนนเสียงมากสุดในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
สถานการณ์หนุนเนื่อง ปัจจัยเอื้อ “นายกฯลุงตู่” ตีตั๋วต่อ
กุมความได้เปรียบแทบทุกประตู
แต่อย่างไรก็ตาม ว่ากันตามตัวเลขโพลที่ออกมา คะแนนพรรคเพื่อไทยก็ยังนำเป็นอันดับหนึ่งในฐานะพรรคที่ประชาชนอยากให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
นั่นหมายถึงยี่ห้อ “ทักษิณ” ก็ยังครองตำแหน่งแชมป์อยู่
ท่ามกลางยุทธศาสตร์ตัดทอนกำลัง “นายใหญ่” ทั้งดูดอดีต ส.ส.เพื่อไทย เจาะฐานเสื้อแดงภาคอีสาน
และตามเงื่อนไขสถานการณ์มันจึงน่าจับตา กับปรากฏการณ์ขยับตัวแรงๆของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ใช้โอกาสวันเกิดครบรอบปีที่ 69 ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
เป็นอีเวนต์การเมืองกระตุกกระแส กระตุ้นเรตติ้ง
โดยการปล่อยชื่อคนเดินทางไปร่วมงานอย่าง “เจ๊แดง” นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว “ทักษิณ” แกนนำกลุ่มวังบัวบาน “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุงพรรคเพื่อไทย “เสี่ยเพ้ง” นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล แกนนำสายตรงดูไบ “เสี่ยแดง” นายพิชัย นริพทะพันธุ์ คนสนิทของนายใหญ่ ฯลฯ
ล้วนแล้วแต่ระดับหัวแถวเบอร์ต้นๆของพรรคเพื่อไทย
เข้าใจได้ตามรูปการณ์ เป็นคิวเคลียร์ความชัดเจน “นอมินี” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย
แต่ก็เป็นอะไรที่น่าสังเกตว่า รอบนี้ “นายใหญ่” จัดแฮปปี้เบิร์ธเดย์ไกลถึงอังกฤษ จากปกติที่จะบินโฉบมาป้วนเปี้ยนๆอยู่ใกล้เมืองไทยอย่างฮ่องกง หรือสิงคโปร์
นั่นหมายถึง “นกแล” เบอร์เล็กเบอร์น้อย หมดโอกาสแห่ไปอวยพร “นายใหญ่”
อดรับของขวัญจากเจ้าของวันเกิดติดไม้ติดมือกลับเมืองไทย
ในห้วงจังหวะที่อดีต ส.ส.ชะเง้อคอรอน้ำเลี้ยงที่เหือดแห้ง หัวจ่ายไม่ทำงาน
สถานการณ์ล้อกระแสข่าววงใน “นายใหญ่” สั่งน้องสาวอย่าง “เจ๊แดง” เปิดหัวจ่ายสู้พลังดูดยี่ห้อสามมิตร
แต่ของจริงก็ยังนิ่ง อดีต ส.ส.เพื่อไทยต้องอยู่ในโหมดชั่งใจหนัก นั่งดูเพื่อนย้ายพรรคย้าย สังกัดเข้าพรรคพลังประชารัฐอย่างต่อเนื่อง
ตามท้องเรื่องเพื่อไทยกระแสดี แต่น้ำเลี้ยงไม่เดิน
ภายใต้เงื่อนไขข้อจำกัดแบบที่รู้ๆกัน วันนี้
หัวจ่ายที่เคยใช้กดปุ่มจากนอกประเทศ ประเภทเงินถุงเงินถังอย่างนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ก็หันหลังสลับข้างไปหนุน “นายกฯลุงตู่” คลังสำรองระดับนายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีตรัฐมนตรีสายเหนือ ก็หลบเข้ามุม “เสี่ยเพ้ง” ก็ติ๊ดชึ่ง
แม้แต่ “เจ๊แดง” เอง ก็ใช่ว่าจะยอมเปิดเซฟง่ายๆ ถ้าเป้าหมายสู้ ไม่ใช่หนุน “สมชาย วงศ์สวัสดิ์”
อะไรก็ไม่เท่ากับสถานการณ์ “อึดอัด” กับชนักปักหลัง
ตามจังหวะแบบที่เห็น พอ “ทักษิณ” ขยับอีเวนต์วันเกิด ก็เจอหมายจับใบที่ 5 คดีหวยบนดิน
พร้อมๆกับคิวที่พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำตัว “เสี่ยโอ๊ค” นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายหัวแก้วหัวแหวน พร้อมพวกที่ตกเป็นผู้ต้องหา 1-3 ในคดีฟอกเงินจากการทุจริตอนุมัติเงินกู้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ให้กับเครือกฤษดามหานคร ส่งฟ้องอัยการ
ปรากฏการณ์ทางคดีที่จ่อล้อมหน้าล้อมหลัง ลำพังตัวเองไม่เท่าไหร่ แต่มันสำคัญที่ “ลูกโอ๊ค”
นั่นก็เลยเริ่มมีเครื่องหมายคำถาม “ทักษิณ” จะสู้แค่ไหน
เกหมดหน้าตัก หรือแค่ประคองกระแส
ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์ที่รู้กันอยู่สู้ไปก็ต้องไปเผชิญวิบากทางข้างหน้า
ชนะคะแนนเลือกตั้ง แต่แพ้เกมอำนาจ.
“ทีมการเมือง”

วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ตำนาน ต้านปฏิวัติ!!

ตำนาน ต้านปฏิวัติ!!
“บิ๊กต๋อย” พลเอกเรืองโรจน์ มหาสรานนท์ อดีตผบ.สูงสุด ในตำนาน รัฐประหาร 19 กย.2549 ....ยังคง เป็นกรรมการ มูลนิธิรักเมืองไทย ของ บิ๊กหมง พลเอกมงคล อัมพรพิสิฏฐ์ อดีต ผบ.สส. ลูกป๋า ... วันนี้ มาร่วมงานแถลงข่าว Khao Yai Marathon2018 ที่มีบิ๊กแอัด พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เป็นประธาน
กล่าวกันเป็นตำนาน ว่า รัฐประหารปี 2549 ที่นำโดยบิ๊กบัง พลเอกสนธิ บุญยะรัตนกลิน ผบ.ทบ.ในเวลานั้น เสี่ยงต่อการนองเลือด เมื่อนำกำลังเข้ายึดบก.กองทัพไทย ที่แจ้งวัฒนะ ในขณะที่พลเอกเรืองโรจน์ และบิ๊กทหารฝ่าย”ทักษิณ ชินวัตร” นายกฯในเวลานั้น ที่อยู่อเมริกา. จัดตั้งกองบัญชาการต่อต้านปฏิวัติขึ้น และ มีการเตรียมออกคำสั่ง และรวบรวมกำลังเกิดขึ้น
แต่ พลเอกเรืองโรจน์ ระบุในเวลานั้น ว่า ตนเองยอม เพราะไม่อยากต่อสู้ เพราะพี่น้องกันทั้งนั้น ไม่อยากให้ต้องนองเลือด
กองบัญชาการต้านปฏิวัติในครั้งนั้นและ พลเอกเรืองโรจน์ จึงกลายเป็นตำนาน
มิเช่นนั้นประวัติศาสตร์ อาจต้องบันทึกเพิ่มเติม

จาก รุ่น สู่ รุ่น....สายไย รบพิเศษ...

จาก รุ่น สู่ รุ่น....สายไย รบพิเศษ...
ความผูกพัน ของนายทหารในกองทัพ ไม่ใช่แค่ การเป็น รุ่นพี่รุ่นน้อง ใน รร.เตรียมทหาร หรือ นายร้อย จปร..... แต่ทว่า การที่เลือกมาเป๋น ทหารหมวกแดง รบพิเศษ และการมาทำงาน ปฏิบัติการพิเศษ งานลับ ด้วยกัน.... จะยิ่งทำให้ สายไย พี่น้อง ยิ่ง แนบแน่น....
จาก พี่แอ้ด พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีต ผบ.นสศ. ที่ หนุนเนื่อง น้องเจี๊ยบ ที่เดินตามรอยพี่ ในเส้นทางเหล็กของพลร่มป่าหวาย.... มาสู่ พี่เจี๊ยบ พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. และอดีต ผบ.นสศ.ที่ก็ต้อง หนุนเนื่องน้องๆ ให้เดินตามๆกันไป
จึงทำให้ บิ๊กนัย พลโทสุนัย ประภูชะเนย์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ( ผบ.นสศ.) คนนี้ ถูกจับตามองว่า จะได้เดินตามรอยเท้า พี่ๆทั้ง 2 หรือไม่..... แม้อาจไม่ถึงเก้าอี้ ผบ.ทบ. แต่ก็ลุ้น 5 เสือทบ. ได้
เพียงแต่ว่า อาจไม่ทัน ในโผนี้ เพราะรุ่นพี่ ตท.18-19-20 ยังจ่อคิวอยู่
ไว้รอ ...โผหน้า
เพราะ ผบ.ทบ. ที่มาจากรบพิเศษ มักจะตัองมาในสถานการณ์พิเศษ เสมอ!!

บิ๊กแอ้ด พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์

ขิงแก่
บิ๊กแอ้ด พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ผู้ผ่านร้อนผ่านหนาว มามากทาย บนเส้นทางสายนี้...... ทั้งการที่ บิดา อดีตนายทหาร ที่เข้าป่า ไปเป็นแกนนำพรรคคอมมิวนิสต์..... ส่งที่ผล ต่อการรับราชการทหาร ก็ลูกชายคนนี้ ไม่น้อย..... ลูกชาย อยู่ฝ่ายหนึ่ง บิดา อยู่อีกฝ่ายหนึ่ง โชคดีที่ ผู้ใหญ่ ในกองทัพ ตอนนั้น เมตตา.... ไม่ส่ง บิ๊กแอ้ด ไปในพื้นที่ ที่ บิดา ของเขา อยู่ เพื่อไม่ให้เกิดสถานการณ์ พ่อลูก ต้องมาเจอกันในสนามรบ
บิ๊กแอ้ด ขึ้นมาเป็น ผบทบ.ในสถานการณ์พิเศษ จากที่เป็น “ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก” ตำแหน่งประจำในกรุ. ไม่ใช่ห้าเสือทบ.แต่ “ลูกป๋า”คนนี้ กลับได้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ทั้งๆที่อายุราชการเหลืออีก5 ปี.
โดยในขณะนั้น เส้นทางเดิน เฉียดการนำรัฐประหาร ในหลายจังหวะ. แต่ก็ผ่านมาได้.....จนถูก “ทักษิณ ชินวัตร” นายกฯในตอนนั้น เด้ง ไปเป็น ผบ.สูงสุด หลังจากที่ ถามว่า ทักษิณ เคย ถามว่า “พี่จะปฏิวัติ ผมหรือ”
แต่ที่สุด หลังเกษียณ บิ๊กแอ้ด เป็นองคมนตรี และเป็นนายกฯ จากการรัฐประหาร 19กย.2549 ที่นำโดย
บิ๊กบัง พลเอกสนธิ บุญยะรัตกลิน ผบ.ทบ. ที่มาจาก รบพิเศษ
แต่ทว่า รัฐประหาร นั้น ก็จบด้วย การ”เสียของ” จนต้องมี ภาค2. เมื่อ 22 พค.2557 โดย บิ๊กตู่ พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ทหารเสือราชินี
ก่อนที่จะนำมาซึ่งการเลือก บิ๊กเจี๊ยบ พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท เป็นผบ.ทบ.2ปี ท่ามกลาง นายทหารสายบูรพาพยัคฆ์ และทหารเสือฯที่จ่อขึ้นมาหลายคน
และจับตามองกันว่า พลเอกเฉลิมชัย
จะได้ทำงานกับ บิ๊กแอ้ด ต่อไป อย่างไร หรือไม่
เพราะในขณะที่ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี. อายุมากขึ้นๆ ถึง98 แล้ว ก็มอบ บิ๊กแอ้ด ทำงานต่างๆ แทนเกือบหมด
จากนี้ บทบาทของ บิ๊กแอ้ด จะยิ่งน่าจับตามองอย่างยิ่ง !! เพราะ ขิงแก่ ยังไง ก็คือ ขิงแก่...เผ็ดเสมอ!!

ยัน ทหาร ไม่ได้”ดูด” นักการเมือง ให้ พรรค คสช./ไม่แตะ”กลุ่มสามมิตร”

ยัน ทหาร ไม่ได้”ดูด” นักการเมือง ให้ พรรค คสช./ไม่แตะ”กลุ่มสามมิตร”ยังไม่ทำอะไรผิดกม.
แม่ทัพภาค2 คุมอิสาน ปฏิเสธ เจรจานักการเมือง ให้ย้ายพรรคมาอยู่กับพรรคคสช. ยัน ทหารดูดใครไม่ได้ มันเป็นเรื่องของจิตใจ เผยรู้จักกัน ก็คุยกัน ตามงานวัด ‪ ยัน กลุ่มสามมิตร ยังไม่ได้ทำอะไรผิดกม.เชื้อไม่มีกลุ่มใต้ดินในอืสาน‬
บิ๊กแบล็ค พลโท ธรากร ธรรมวินทร แม่ทัพภาค2 กล่าวถึง กระแสข่าว ทหารในกองทัพภาค2 ดูด อดีตสส. ว่า ทหาร จะไป ดูด ใครได้ ของแบบนี้ มันเป็นเรื่องของจิตใจ อะไรหลายฝ่าย
“ทหารจะไปดูด ใครได้ ไม่ได้หรอก อย่างผมไปเจอ เนี้ย ก็เจอกันในงานสำคัญต่างๆ งานวัด ก็ทักทาย เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน มีความรักสามัคคีกัน อยากเห็นประเทศเดินหน้าไป เพราะรู้จักกันเป็นพี่เป็นน้องกัน ก็คุยกันได้ คุยกันทุกฝ่ายแต่รู้จักกัน ก็ไปเยี่ยมยาม ไปคุยกัน แต่ไม่ได้ไปดูดอะไร
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบ ก็ไม่มีกลุ่มเคลื่อนไหวอะไร ตอนนี้ ยังไม่ใกล้เลือกตั้ง
แค่เขื่อว่า ไม่มีกลุ่มใต้ดินอะไรแล้ว เชื่อว่า ช่วงใกล้เลือกตั้ง ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ส่วนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์โจมตีกันนั้น แม่ทัพภาค2 กล่าวว่า ก็ต้องมีบ้าง เป็นธรรมดา ไม่ยังงั้น ถ้าเงียบไปเลย มันก็จะเงียบเหงา
ส่วนความเคลื่อนไหวของ”กลุ่มสามมิตร”ในภาคอีสานนั้น เราก็ได้แต่จับตาดู ถ้ายังไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายเราก็ไปทำอะไรเขาไม่ได้ ถ้าไปเยี่ยมยามกัน รู้จักกัน ยังไม่ได้ทำอะไรผิดกม.

ทหาร “ดูด”อดีต สส. อิสาน เข้าพรรคคสช. จริงปะ?!!

ทหาร “ดูด”อดีต สส. อิสาน เข้าพรรคคสช. จริงปะ?!!
ฟัง ....บิ๊กแบล็ค พลโท ธรากร ธรรมวินทร แม่ทัพภาค2 ตอบ.....
จากกระแสข่าว บิ๊กทหารในกองทัพภาค2 ดูด อดีตสส. ว่า ทหาร จะไป ดูด ใครได้ ของแบบนี้ มันเป็นเรื่องของจิตใจ อะไรหลายฝ่าย
“ทหารจะไปดูด ใครได้ ไม่ได้หรอก อย่างผมไปเจอ เนี้ย ก็เจอกันในงานสำคัญต่างๆ งานวัด ก็ทักทาย เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน มีความรักสามัคคีกัน อยากเห็นประเทศเดินหน้าไป เพราะรู้จักกันเป็นพี่เป็นน้องกัน ก็คุยกันได้ คุยกันทุกฝ่ายแต่รู้จักกัน ก็ไปเยี่ยมยาม ไปคุยกัน แต่ไม่ได้ไปดูดอะไร
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบ ก็ไม่มีกลุ่มเคลื่อนไหวอะไร ตอนนี้ ยังไม่ใกล้เลือกตั้ง
แค่เขื่อว่า ไม่มีกลุ่มใต้ดินอะไรแล้ว เชื่อว่า ช่วงใกล้เลือกตั้ง ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ส่วนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์โจมตีกันนั้น แม่ทัพภาค2 กล่าวว่า ก็ต้องมีบ้าง เป็นธรรมดา ไม่ยังงั้น ถ้าเงียบไปเลย มันก็จะเงียบเหงา
ส่วนความเคลื่อนไหวของ”กลุ่มสามมิตร”ในภาคอีสานนั้น เราก็ได้แต่จับตาดู ถ้ายังไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายเราก็ไปทำอะไรเขาไม่ได้ ถ้าไปเยี่ยมยามกัน รู้จักกัน ยังไม่ได้ทำอะไรผิดกม.

“ขุนพลประชารัฐ”

“ขุนพลประชารัฐ”
“สนธิรัตน์”ยอมรับ คุยนักการเมือง หวัง ชาติเดืนหน้า หนุน “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ ชี้ไม่ใช่แค่ “พรรคพลังประชารัฐ”แต่ มีอีกหลายพรรค แย้ม หากเวลาเหมาะสม จะเล่าให้ฟัง เรื่อง”พรรคพลังประชารัฐ”
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เผย ไป ครม.สัญจร อุบลราชธานี ก็ได้เจอกับ นายสุพล ฟองงาม อดีตส.ส.อุบลฯ พรรคเพื่อไทย เราพูดคุยกันด้วยความห่วงใย
แต่การเมืองเป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งเราอยากให้มีการดำเนินนโยบายที่ต่อเนื่อง ซึ่งก็เคยพูดคุยหารือกับนักการเมือง เนื่องจากต้องการให้ประเทศเดินไปข้างหน้า
อย่าลืมว่า นักการเมืองเป็นคนที่ใกล้ชิดประชาชน เราต้องพูดคุยและรับฟังเขา ซึ่งวันนี้ที่พูดคุยกัน เราได้รู้ความต้องการของพื้นที่ว่าต้องการอะไร และสะท้อนมายังรัฐบาลว่า ควรจะทำอะไรในเวลาที่เหลืออยู่ เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อพื้นที่ให้มากที่สุด ผมมองว่าเราต้องทำงานร่วมกันทุกฝ่าย
และจริงๆ แล้ว มี หลายพรรคการเมืองอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ เพียงแต่ว่า สิ่งที่ต้องดูคือทำอย่างไรให้พรรคต่างๆ มีโอกาสช่วยกันผลักดันนโยบายรัฐบาลชุดนี้ต่อไป
เช่น โครงการใหญ่ๆอย่างโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก EEC
ส่วน ความคืบหน้าของพรรคพลังประชารัฐ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า หากเวลาเหมาะสมจะเล่าให้ฟังว่าเป็นอย่างไร เพราะต้องดูเหตุการณ์ในอนาคตก่อน
และถือเป็นความตั้งใจของหลายคน ไม่ใช่เฉพาะของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เพียงคนเดียวที่เป็นห่วง ผมมีความคุ้นเคยกับนักการเมืองมากกว่ากลุ่มอื่น จึงพูดคุยกันตลอดเวลา ตั้งแต่ก่อนที่มีข่าวตนก็พูดคุยกับนักการเมืองมาตลอด เพราะเวลาทำงานต้องมีข้อมูลความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ไม่เช่นนั้นตนจะทำงานได้อย่างไร จะให้บริหารงานแบบคิดไปเองหรือ และที่พูดคุยไม่ใช่เฉพาะนักการเมืองยังมีภาคเอกชนด้วย

ส่วนพรรคพลังประชารัฐจะส่งส.ส.ลงทุกเขตหรือไม่นั้น ตนยังไม่รู้ว่าจะอยู่พรรคพลังประชารัฐหรือไม่
ส่วนกระแสข่าวว่าตนเป็นเลขาฯ นั้น เขาก็ลือกันไปเอง เรายังไม่มีการตั้งพรรค ไม่มีการประชุมพรรค ซึ่งหากตนพร้อมที่จะรับตำแหน่งก็จะมาบอกสื่อมวลชน แต่ตอนนี้ยังไม่พร้อม ยังไม่ได้ตัดสินใจ ขอทำทีละเรื่อง

ใจถึงใจ

ใจถึงใจ



เหตุเกิดจากฝนตกกระหน่ำ 7 วัน 7 คืนติดต่อกัน ทำให้เขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อย ในภาคใต้ของ สปป.ลาว ที่เพิ่งก่อสร้างเสร็จใหม่เกิดแตกฉับพลัน
ส่งผลให้มวลน้ำมหาศาลเกือบ 5,000 ล้าน ลบ.เมตร ไหลทะลักท่วมบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ตามแนวสันเขื่อนอย่างรวดเร็ว
พรวดเดียวน้ำท่วมสูงถึงหลังคา!
พี่น้องผู้ประสบภัยต้องอุ้มลูกจูงหลานหนีน้ำท่วมกันกระเจิดกระเจิง
ผู้เคราะห์ร้ายหลายพันคนต้องไร้ที่พักพิง ทรัพย์สินบ้านเรือนเรือกสวนไร่นาเสียหายยับเยิน หมู ไก่ วัว ควาย ถูกน้ำท่วมตายระนาว
ยังมีผู้เคราะห์ร้ายที่หนีภัยน้ำท่วมไม่ทันสูญหายไปอีกนับร้อยคน
เป็นข่าวน่าเศร้าสลดใจจริงๆ
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่า วิบัติภัยเขื่อนแตกใน สปป.ลาว ซึ่งเป็นบ้านพี่เมืองน้องใกล้ชิดสนิทปึกของไทย ต้องซ่อมแซม ฟื้นฟูต่อไปอีกนานกว่าจะกลับสู่สภาพเดิม
แต่ในช่วงวิกฤติเร่งด่วนฉุกเฉิน สมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาพระราชทาน ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมโดยทางเครื่องบิน
รัฐบาลไทย และภาคเอกชนไทยได้ร่วมแรงร่วมใจส่งมอบความช่วยเหลือให้พี่น้องผู้ประสบภัยชาวลาวกันเต็มกำลัง
ยังมีพี่น้องชาวไทยจำนวนมากร่วมบริจาคเงิน และสิ่งของจำเป็นเพื่อช่วยเหลืออีกมากมายก่ายกอง
เป็นเครื่องยืนยันว่ามิตรภาพไทยลาวจะแนบแน่นมั่นคงต่อไปชั่วกาลนาน
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า พลังของมวลน้ำก้อนมหึมาทำให้เขื่อนใหญ่ที่ก่อสร้างอย่างแข็งแรงแตกได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง
ถามว่า ปริมาณน้ำเกือบ 5,000 ล้าน ลบ.เมตร มากขนาดไหน??
ตอบว่า ประมาณ 1 ใน 3 ของความจุ เขื่อนภูมิพล เขื่อนใหญ่ที่สุดของประเทศไทย
เหตุเขื่อนแตกใน สปป.ลาว ทำให้เกิดคำถามว่าเขื่อนในเมืองไทย ซึ่งสร้างมาหลายสิบปีจะมีโอกาสแตกหรือไม่??
“แม่ลูกจันทร์” ช่วยยืนยันให้สาธุชนสบายใจว่า เขื่อนใหญ่ทุกเขื่อนใน เมืองไทยยังแข็งแรงร้อยเปอร์เซ็นต์!!
เพราะเขื่อนหลักๆของไทย ไม่ว่าเป็นเขื่อนดิน หรือเขื่อนคอนกรีต ได้ผ่านการพิสูจน์ของจริงมาแล้วว่าแข็งจริงทนจริง
เรามีระบบตรวจสอบโครงสร้างเขื่อน ทุกเขื่อนอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุม
ถึงแม้พายุเข้าฝนตกกระหนํ่านํ้าเต็มความจุยังรับได้สบายๆ
ข้อสำคัญ...เขื่อนภูมิพลยังมีนํ้าสำรองแค่ 55 เปอร์เซ็นต์
เขื่อนสิริกิติ์มีนํ้าสำรอง 59 เปอร์เซ็นต์ เขื่อนป่าสักฯยังมีนํ้าหน่อมแน้มแค่ 32 เปอร์เซ็นต์ เขื่อนอุบลรัตน์มีนํ้าในอ่างเพียง 32 เปอร์เซ็นต์ ฯลฯ
สรุปว่าเขื่อนใหญ่ทั่วประเทศยังเหลือที่ว่างรับนํ้าฝนเพิ่มได้อีกเท่าตัว
ยกเว้น...เขื่อนแก่งกระจานแห่งเดียวที่มีนํ้าเกือบเต็มชามอ่าง 87 เปอร์เซ็นต์
“แม่ลูกจันทร์” ยํ้าอีกครั้งว่ามหันตภัยเขื่อนแตก แม้จะเกิดขึ้นในประเทศลาว อยู่ห่างจากเขตแดนไทยเกือบ 100 กม.
แต่เขื่อนแห่งนี้มีความเกี่ยวข้องต่อประเทศไทย และคนไทยอย่างสำคัญ
หรือพูดชัดๆคือ เราได้ประโยชน์จากเขื่อนนี้โดยตรง
เพราะโครงการก่อสร้างเขื่อนเซเปียนเซนํ้าน้อย จะเป็นแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้าป้อนประเทศไทย
เขื่อนแห่งนี้ ผลิตไฟฟ้าพลังนํ้าได้ถึง 410 เมกะวัตต์ แต่ใช้ในประเทศลาวเพียง 40 เมกะวัตต์เท่านั้นเอง
ที่เหลืออีก 370 เมกะวัตต์ จะขายให้ กฟผ.ระยะยาว 27 ปี
ดังนั้น กระแสไฟฟ้า 90 เปอร์เซ็นต์ที่ผลิตจากเขื่อนนี้เพื่อสนองความต้องการคนไทยให้มีไฟฟ้าใช้โดยไม่ขาดแคลนในระยะยาว
ถ้าไม่ได้ไฟฟ้าจากลาว ไทยเดือดร้อนนะโยม.
“แม่ลูกจันทร์”

นาทีนี้ “ยิ่งสู้ก็ยิ่งเจ็บ”

นาทีนี้ “ยิ่งสู้ก็ยิ่งเจ็บ”



ได้ของขวัญล่วงหน้ารับวันเกิดครบ 69 ปี
ตามคิวสดๆร้อนๆที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองออกหมายจับใบที่ 5 ให้แก่ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี คดีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษ เลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว หรือหวยบนดิน
นายใหญ่ได้เป่าเค้กฉลองความสุขไม่เต็มอิ่มเพราะหมายจับยาวเป็นหางว่าว
มิหนำซ้ำ “ลูกชายสุดที่รัก” พานทองแท้ ชินวัตร ยังถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สั่งฟ้องความผิดฐานฟอกเงิน กรณีอนุมัติเงินกู้ธนาคารกรุงไทยโดยมิชอบให้กลุ่มกฤษดามหานคร
คดีถูกเสิร์ฟถึงมืออัยการ เตรียมส่งต่อไปศาล รอระทึกบทสรุปจะตกที่นั่งเช่นเดียวกับพ่อและอาหรือไม่
คนตระกูล “ชินวัตร” ยังเผชิญวิบาก คดีต่างๆจ่อเช็กบิลต่อเนื่อง
ในสถานการณ์ที่นายใหญ่ต้องปรับทัพกันวุ่นวาย ใช้งานแฮปปี้เบิร์ธเดย์ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ หารือแกนนำพรรคเพื่อไทย และอดีต ส.ส.แก้เกม หยุดภาวะเลือดไหลออก
หาทางหยุดยั้งกลุ่มสามมิตรที่ตะลุยช็อปปิ้งอดีต ส.ส.เข้าสังกัดมากมาย
ลูกทีมนายใหญ่ถูกรุกไล่หนัก โดยใช้เงื่อนไขทางกฎหมายและธุรกิจกดดันให้พลิกขั้วย้ายข้าง

ล่าสุดแม้กระทั่งคดี “วัน อยู่บำรุง” ลูกชาย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รุ่นซีเนียร์เพื่อไทย ที่โดนหมายจับข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น ถูกเจ้าหน้าที่กองปราบฯควบคุมตัวไปนอนในห้องขัง 1 คืน ก่อนประกันตัวออกมา

ยังถูกจับโยงให้ดูเป็นตัวอย่างระดับลูก “บิ๊กเนมการเมือง” ยังสิ้นฤทธิ์ หากเทียบกับอดีต ส.ส.ธรรมดาที่มีชนักติดตัวจะลงเอยอย่างไร

ลูกน้อง ลูกชาย รวมถึงตัวนายใหญ่เอง ยังเอาตัวแทบไม่รอด ย่อมเป็นอะไรที่ “ทักษิณ” คงอยู่เฉยไม่ได้ หากยังอยากให้ยี่ห้อเพื่อไทยเป็นที่ 1 หลังเลือกตั้ง
อย่างน้อยต้องมีฉากแอ็กชันปลุกและปลอบลูกพรรคในงานแฮปปี้เบิร์ธเดย์
กระตุกขวัญกำลังใจลูกทีมให้ฮึดสู้ รักษาต้นทุน ส.ส.ในมือไว้ให้มากที่สุด
ในมุมที่คนแดนไกลเองก็ต้องระวังตัวทุกฝีก้าว ไม่ให้หลุดช็อตที่แสดงให้เห็นถึงการก้าวก่าย แทรกแซงพรรคการเมือง ตามช่องที่ กกต.และฝ่ายความมั่นคงรอจับผิดอยู่
ถึงนาทีนี้นายใหญ่ยิ่งสู้ยิ่งมีโอกาสเจ็บตัวสูง หากพลาดท่าเผลอๆอาจถูกจับแพ้ฟาวล์ตั้งแต่ก่อนลงสนาม
เพื่อไทยตกที่นั่งลำบาก นอกจากยังไม่ชัวร์ใครจะมาเป็นผู้นำคนใหม่แล้ว ยังไม่รู้นายใหญ่จะใส่เต็มร้อยในสนามเลือกตั้งเที่ยวนี้หรือไม่
ปล่อยให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.โกยคะแนนเป็นกอบเป็นกำ

กระหน่ำแคมเปญล่าสุดในการประชุม ครม.สัญจร จ.อุบลราชธานี ทั้งการอัดฉีดงบฯ 9.7 หมื่นล้านบาท พยุงราคาข้าวหอมมะลิตันละ 17,050 บาท ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 12,000 บาท
อุ้มชาวนาได้ลืมตาอ้าปาก เลิกแบกหนี้หลังแอ่น
หรือการหว่านงบประมาณบูมโซนอีสานใต้ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม อาทิ ขยายสนามบิน รถไฟรางคู่ ขยายเส้นทางถนน และสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 6
กระแส “ลุงตู่” ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เรตติ้งพลังประชารัฐดีวันดีคืน ตามผลโพลที่สปีดแซงพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นมาอยู่ที่ 2 บี้หายใจรดต้นคอพรรคเพื่อไทยขึ้นมาติดๆ
สถานการณ์เป็นใจให้ “ลุงตู่” ได้ลุ้นต่อตั๋วบนเก้าอี้นายกฯ สร้างความมั่นใจก่อนลงสนาม
มีลุ้นกวาดที่นั่ง ส.ส.สูงสุด 3 อันดับแรก ภายหลังเลือกตั้ง มีอำนาจต่อรองมากพอในการจัดตั้งรัฐบาล ไม่ตกเป็นเบี้ยล่างใคร
เหลือแค่รอสัญญาณคลายล็อก ผ่อนกฎเหล็กไพรมารีโหวตในขั้นตอนถัดไป
ตามเค้าลางที่อาจใช้อำนาจมาตรา 44 ขอเว้นวรรคทำไพรมารีโหวตการเลือกตั้งคราวนี้ เปลี่ยนมาใช้วิธีให้ประชาชนมีส่วนร่วมคัดเลือกผู้สมัครในรูปแบบอื่นแทน
ลดดีกรีความเข้มข้นระบบไพรมารีโหวต ผ่อนปรนหลักเกณฑ์เรื่องจำนวนสมาชิกในพื้นที่ และเงื่อนเวลา
เปิดช่องช่วยพรรคเล็กพรรคน้อยที่เป็นแนวร่วมสนับสนุน “ลุงตู่” ได้มีเวลาวางตัวผู้สมัครทัน เพื่อช่วยเสริมฐานให้แน่น
เพราะลำพังแค่ตัดกำลังค่ายเพื่อไทย-ประชาธิปัตย์อย่างเดียวคงไม่เพียงพอ ต้องอาศัยกองหนุนจากพรรคอื่นๆมาช่วยเติมแต้ม
การันตีเก้าอี้ผู้นำเดิมพันศึกชิงอำนาจรอบใหม่.
ทีมข่าวการเมือง

วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

แผนช่วยลาว

ความช่วยเหลือ ลอยฟ้า

“แม่ทัพภาค2”เผย แผน ใช้เฮลิคอปเตอร์ บิน ไป “อัตตะปือ”โรยตัว-ส่งถุงยังชีพ ให้พี่น้องชาวลาว เหตุถนน-สะพานขาด จากปากเซ ไปอัดตะปือไม่ได้ ถ้าอ้อม ต้องใช้เวลา 6 ชั่วโมง

พลโทธรากร ธรรมวินทร แม่ทัพภาค2 กล่าวว่าตอนนี้ จากสนามบินปากเซ ไปยังอัตตะปือ ทั้งถนน และสะพานขาด ไม่สามารถเดินทางทางรถยนต์ เข้าไปช่วยเหลือ พี่น้องชาวลาวได้ แต่หากอ้อมไปอีกทางหนึ่งจะต้องใช้เวลาถึง5- 6 ชั่วโมง

ดังนั้นจึงเตรียมแผนการช่วยเหลือทางอากาศ เช่นการใช้ เฮลิคอปเตอร์ บินเข้าไปส่งอาหาร ถุงยังชีพ ทางอากาศ

แต่ก็ต้องรอการร้องขอ จากทางการลาวมาก่อน

เพียงแต่ทางกองทัพบก เรามีความพร้อมทั้งกำลังพลจากมณฑลทหารบกที่ 22 อุบลราชธานี. อุปกรณ์เครื่องมือต่างๆโดยเฉพาะหน่วยแพทย์ที่เราเตรียมไว้ถึง 50 นาย

แต่ที่สำคัญที่สุดคือความช่วยเหลือหลังจากน้ำลด แล้วและการฟื้นฟู ซึ่งตอนนั้นเราคงจะพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง

เพราะถึงอย่างไร ลาวก็เป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดกับเรามาก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน เราต้องช่วยอย่างเต็มที่

บิ๊กตู่” พ้อ!!...”ไม่ต้องการให้ใครรัก...แต่ นายกฯรักประชาชน ข้างเดียวก็ได้”

บิ๊กตู่” พ้อ!!...”ไม่ต้องการให้ใครรัก...แต่ นายกฯรักประชาชน ข้างเดียวก็ได้”
ลั่น ไม่ได้มีกม.ไว้เล่นงานใคร ยัน แม้เป็นนายกฯ-หน.คสช.ก็ตัองทำตามกม.
“กฎหมายไมได้มีไว้เล่นงานใคร แต่เพื่อไม่ให้ทุกอย่างวุ่นวาย ขออย่ารังเกียจกฎหมาย 
นายกฯเองก็ต้องทำตามกฎหมาย และ ต้องทำตามกฎหมายมากกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ
ไม่ใช่เป็นนายกฯและหัวหน้า คสช.แล้วไม่กลัวกฎหมาย คิดอย่างนั้นไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะทำงานได้ยังไง
ผมไม่ต้องการให้ใครรัก แต่นายกฯรักประชาชนข้างเดียวก็ได้ เพราะหน้าที่คือทำให้ประชาชนมีความสุข “

ขอนแก่นโมเดล

ขอนแก่นโมเดล



นโยบาย “กวาดล้างหนี้นอกระบบให้เป็นศูนย์” ของรัฐบาล คสช.ดำเนินการไปแล้ว 1 ปี ยังเดินหน้าไม่เต็มลูกสูบเท่าที่ควร
ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หน.คสช.สั่งโยกเกียร์ห้าเดินหน้ากวาดล้างเจ้าหนี้ปล่อยเงินกู้นอกระบบให้เห็นผลเป็นรูปธรรม
มอบให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม จัดตั้ง “ศูนย์ปราบปรามเจ้าหนี้นอกระบบ” ที่ขูดรีดขูดเนื้อพี่น้องคนยากคนจนมายาวนาน
โดยระดมกำลังทหาร ตำรวจ และ กอ.รมน.ลงพื้นที่ไล่บี้เจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบแบบขุดรากถอนโคน
เป้าหมายเพื่อจัดการนายทุนปล่อยกู้นอกระบบคิดดอกเบี้ยแพงบรรลัยจักรทั่วประเทศกว่า 15,000 ราย มีวงเงินปล่อยหนี้นอกระบบรวมทั้งสิ้น 21,000 ล้านบาทโดยประมาณ
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่า ถ้ารัฐบาลนายกฯบิ๊กตู่สามารถกวาดล้างหนี้นอกระบบ “ให้เป็นศูนย์” ได้สำเร็จจริง
จะช่วยพี่น้องประชาชนที่ถูกขูดรีดดอกเบี้ยบ้าเลือดร้อยละ 20 ต่อเดือน หรือ 240 ต่อปี ให้หลุดพ้นความเดือดร้อนได้กว่า 340,000 คน
(บางรายขูดดอกเบี้ยแพงมหาโหดร้อยละ 10 ต่อวัน)
ถ้าลูกหนี้ไม่มีปัญญาใช้หนี้ ก็จะโดนเจ้าหนี้ยึดรถ ยึดบ้าน ยึดโฉนดที่ดินที่ลูกหนี้เอามาจำนอง
การที่รัฐบาลจะลุยถั่วปราบเจ้าหนี้ นอกระบบซึ่งร่ำรวยมั่งคั่งจากการ เอารัดเอาเปรียบคนยากคนจนอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู จึงเป็นบุญกุศลยิ่งนักแล
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าความจริง เรามีกฎหมายที่ใช้เป็นเครื่องมือปราบเจ้าหนี้นอกระบบโดยตรง
คือ พ.ร.บ.ห้ามเจ้าหนี้คิดดอกเบี้ยเงินกู้จากลูกหนี้เกินกว่าร้อยละ 15 ต่อปี
หากเจ้าหนี้เงินกู้รายใด คิดดอกเบี้ยเกินอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จะมีความผิดติดคุก 2 ปี ปรับ 2 แสนบาท หรือทั้งปรับทั้งจำ
แต่แม้จะมีกฎหมายห้ามไว้ก็จริง แต่เจ้าหนี้เงินกู้กลับไม่กลัวเกรง ยังปล่อยเงินกู้เก็บดอกเบี้ยแพงบรรลัยวายป่วงกันอย่างสบายแฮ
เนื่องจากเจ้าหนี้ปล่อยกู้นอกระบบส่วนใหญ่ เป็นผู้มีอิทธิพล
แถมมีแก๊งทวงหนี้เป็นลูกมือลูกตีน
ทำให้ลูกหนี้นอกระบบไม่กล้าหือกล้าอือ
แต่รัฐบาลมีแผนปราบเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบวิธีใหม่เรียกว่า “ขอนแก่น โมเดล” ซึ่งใช้นำร่องที่จังหวัดขอนแก่น ประสบผลสำเร็จอย่างงดงาม
คือบุกถึงตัวเจ้าหนี้นอกระบบแจ้งข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน ข้อหาคิดดอกเบี้ยเกิน ก.ม.กำหนด และข้อหาทำนิติกรรมอำพรางสัญญาเงินกู้ปลอม”
เนื่องจากเป็นคดีความผิดฐานฟอกเงิน เจ้าหนี้นอกระบบจะต้องถูกยึดทรัพย์ตามกติกา!!
เจอหมัดน็อกหมัดนี้เข้าไป เจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบทุกรายก็คายฟันยาง
ยินยอมเคลียร์หนี้กับลูกหนี้ และยอมคืนโฉนดที่ดินที่ยึดจากลูกหนี้ เพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นข้อหาฉ้อโกงประชาชน
ปรากฏว่าขอนแก่นจังหวัดเดียว สามารถยึดโฉนดที่ดินคืนผู้เสียหายได้แล้ว 150 ราย
“แม่ลูกจันทร์” ยํ้าว่าแผนปราบเจ้าหนี้นอกระบบ “ขอนแก่นโมเดล” จะนำไปขยายผลในจังหวัดต่างๆทั่วประเทศไทย
ท่านผู้ใดเป็นเหยื่อกู้เงินนอกระบบ โดนเจ้าหนี้ขูดรีดดอกเบี้ยมหาโหด หรือโดนเจ้าหนี้ยึดรถ ยึดบ้าน ยึดโฉนดที่ดินทำกินอย่างไม่เป็นธรรม...
ให้ไปแจ้งศูนย์ดำรงธรรมได้เลย!!
ขออวยพรให้ลูกหนี้ทั้งหลายโชคดีทั่วกันทุกท่านเทอญ.
“แม่ลูกจันทร์”

ปลดล็อกก็ไม่ทันแล้ว

ปลดล็อกก็ไม่ทันแล้ว



ทีเด็ด​มา​ตอน​ท้าย
มติ​ที่​ประชุม​คณะ​รัฐมนตรี​สัญจร​จังหวัด​อุบลราชธานี อนุมัติ​งบประมาณ 9.7 หมื่นล้าน​ซื้อ​ใจ​ชาว​นา
อุดหนุน​มาตรการ​ดูแล​ข้าว​ปี 2561/62 กำหนด​ราคา​จำนำ​ยุ้งฉาง​และ​เงิน​ช่วยเหลือ​ค่า​เก็บเกี่ยว​และ​ปรับปรุง​คุณภาพ​ข้าว สรุป​ตัวเลข​ชาว​นา​จะ​ได้​รับ​ใน​ส่วน​ของ​ข้าว​หอม​มะลิ​ตัน​ละ 17,050 บาท ข้าวเปลือก​เหนียว​ตัน​ละ 15,450 บาท ข้าวเปลือก​เจ้า​ตัน​ละ 12,000 บาท และ​ข้าวเปลือก​ปทุมธานี 1 ตัน​ละ 12,900 บาท
พะ​ยี่ห้อ “ลุง​ตู่” สั่ง​ลุย จัด​หนัก​โปรโมชัน​อัดฉีด​เศรษฐกิจ​ฐานราก
เป็น​ไป​ตาม​ที่ “จอม​ยุทธ์​ก​วง” นาย​สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รอง​นายกฯ กัปตัน​ทีม​เศรษฐกิจ ส่ง​สัญญาณ​ออก​มา​ก่อน​หน้า​จะ​อัป​ราคา​ข้าวไม่​ต่ำ​กว่า​โครงการ​รับ​จำนำ
หงาย​ไพ่​เด็ด กิน​แต้ม​เกษตรกร​ชาว​นา
ใน​จังหวะ​กำลัง​เข้า​สู่​โหมด​เลือกตั้ง
ตาม​เงื่อนไข​สถานการณ์​ก็​ไม่​แปลก​ที่​จะ​ได้​เห็น​อาการ​คึกคัก​ของ “นายกฯ​ลุง​ตู่” พล.อ.​ประยุทธ์ จันทร์​โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.​ประกาศ​ดังๆพร้อม​สู้​ตาย
ล้อ​เสียง​เชียร์​ของ​คน​อุบลฯ “พวก​เรา​รัก​ลุง​ตู่”
ดู​แล้ว​รัฐบาล​ยัง​เหลือ​ไพ่​ให้​ตี​กิน​แต้ม ดึง​คะแนนเสียง​ได้​อีก​หลาย​ใบ​ใน​มือ
กับ​มุก​อีเวนต์​การ​ตลาด “นายกฯ​ลุง​ตู่” พา​คณะ​เดินสาย​ประชุม ครม.​สัญจร​ต่าง​จังหวัด ปล่อย​โปรโมชัน​ซื้อ​ใจ​เกษตรกร พ่อค้า​แม่​ขาย คน​มี​ราย​ได้​น้อย
มาตรการ​กระตุ้น​ปาก​ท้อง เสิร์ฟ​ให้​ถึง​หัว​บันได​บ้าน
รัฐบาล​นักการเมือง​ทำ​เป็นรัฐบาล​ทหาร​ที่​มี​คน​ชื่อ “สมคิด” อยู่​ด้วยก็​ทำได้​เหมือนกัน
“ลุง​ตู่” บริหาร​ราชการ​แผ่นดิน​ไป​พร้อมๆกับ​การบริหาร​คะแนนนิยม​ทางการเมือง ตุน​แต้ม​เลือกตั้ง
ตาม​อาการ​ที่​นักการเมือง​อาชีพ​พา​กัน​นั่ง​ไม่​ติด
ใน​อารมณ์​แบบ​ที่​นาย​นิพิฏฐ์ อินท​รส​มบั​ติ แห่ง​ค่าย​ประชาธิปัตย์ นาย​อนุสรณ์ เอี่ยม​สะอาด โทร​โข่ง​ยี่ห้อ​เพื่อ​ไทย แท็กทีม​ขย่ม “ลุง​ตู่” และ คสช. ท้า​ปลด​ล็อก​การเมือง
เลิก​มัดมือชก ให้​นัก​เลือกตั้ง​อาชีพ​ขยับ​แข้ง​ขยับ​ขา​ได้
โวยวาย​ให้​สู้​กัน​แบบ​แฟร์ๆ หยุด​เอาเปรียบ​ซะ​ที
ด่า​กระแทก​ชิ่ง ตี​กิน​โชว์​กอง​เชียร์​ก็​แค่​นั้น เพราะ​ถึง​ตรง​นี้ ปลด​ล็อก ปล่อย​ผี แล้วใช่ว่า​นักการเมือง​อาชีพ​จะ​ทำ​อะไร​ได้​มากมาย ภาย​ใต้​เงื่อนไข​ข้อ​จำกัด มาตรา 44 ยัง​บังคับ​ใช้ สถานการณ์​ยัง​อยู่​ภาย​ใต้​อำนาจ​พิเศษ
พลาด​เข้า​เงี่ยง​กฎหมาย ก็​ยิ่ง​เข้า​เหลี่ยม​โดน​ล็อก
เผลอๆถึง​เวลา​เลือกตั้ง​จะ​โดน​จับ​ฟาวล์ หมด​โอกาส​ลง​สนาม​อีก​ต่างหาก
เรื่อง​ของ​เรื่อง​จับ​อาการ​จาก “สารวัตร​เห​ลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่​บำรุง อดีต​รอง​นายกฯ แกน​นำ​พรรค​เพื่อ​ไทย ที่​ล่า​สุด​ปรากฏตัว​เยี่ยม​นาย​วัน อยู่​บำรุง ลูก​ชาย​หัวแก้วหัวแหวน​ที่​โดน​คดี​ขึ้น​โรง​ขึ้น​ศาล
แต่​บอกปัด​พูด​ประเด็น​การเมือง​เรื่อง​ของ​พลัง​ดูด
“พูด​แล้วเดี๋ยว​ก็​ติด​คุก​น่ะ​สิ”
พร้อม​ยืนยัน ไม่​ไป​ร่วม​อวย​พร​วัน​เกิด​อดีต​นายกฯ​ทักษิณ ชินวัตร ที่​ลอนดอน อังกฤษ
รุ่น​เก๋า​ลายคราม​จับ​ทิศทาง​ลม​ได้ เซียน​อย่าง “สารวัตรเหลิม” ผ่าน​ร้อน​ผ่าน​หนาว​มา​เยอะ โดยเฉพาะ​สถานการณ์​ที่​ต้อง​ประคองตัว​ใน​ห้วง​ทหาร​เป็น​ใหญ่
แบบ​ที่​เจ้าตัว​ท่อง​คาถา​มา​ตั้งแต่​ต้น อย่า​เอา​ไข่​ไป​กะเทาะ​หิน
ใน​ความ​หมาย​จริงๆก็​คือ อย่า​ดื้อ​เล่น​เกม​ที่​มี​แต่​แพ้​กับ​แพ้
และ​ก็​เป็น​อะไร​ที่​เห็น​กัน​ตรง​หน้า ผล​สะท้อน​จาก​เกม​หัก​ดิบ​สู้ยิบตา
ล่า​สุด​พนักงาน​สอบสวน​กรม​สอบสวน​คดี​พิเศษ (ดี​เอส​ไอ) นำ​ตัว “เสี่ย​โอ๊ค” นาย​พาน​ทอง​แท้ ชินวัตร บุตร​ชาย​ของ​อดีต​นายกฯ​ทักษิณ ชินวัตร พร้อม​พวก​ที่​ตกเป็น​ผู้ต้องหา 1-3 ใน​คดี​ฟอก​เงิน​จาก​การ​ทุจริต​อนุมัติ​เงินกู้​ธนาคาร​กรุง​ไทย จำกัด (มหาชน) ให้​กับ​เครือ​กฤษดา​มหานคร ส่ง​ฟ้อง​อัยการ
เบื้องต้น​พนักงาน​อัยการ​คดี​พิเศษ​รับ​มอบ​ตัวผู้​ต้องหา​และ​สำนวน​ไว้ และ​อนุญาต​ให้​ปล่อยตัว​ชั่วคราว​ใน​ชั้น​พิจารณา​สั่ง​คดี​ของ​อัยการ โดย​ไม่​ต้อง​มี​หลักประกัน เนื่องจาก​ผู้ต้องหา​มา​รายงาน​ตัวเอง
พร้อม​นัด​ผู้ต้องหา​ทั้งหมด​มา​ฟัง​คำสั่ง​คดี​ใน​วัน​ที่ 5 กันยายนนี้
ปลายทาง​สุดท้าย ต้อง​ลุ้น​คดี​เหนื่อย​เหงื่อ​ตก.
ทีมข่าวการเมือง

วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ตั้ง War room เขื่อนลาวแตก

ตั้ง War room เขื่อนลาวแตก
“บิ๊กป้อม” สั่ง ตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์เขื่อนแตกในลาว ที่บก.ทัพไทย มอบ”บิ๊กกบ” เสธ.ทหารคุม ทัพฟ้าเตรียมส่งเครื่องบิน C-130 และ ฮ.กู้ภัย EC725 พร้อม ใช้กองบิน 21 อุบลฯ เป็นฐานปฏิบัติการ ต่อระยะ ไปยัง สนาม ปากเซ
พลโท คงชีพ ตันตระวานิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เผยว่า พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แม้จะไม่ได้ร่วมประชุมสภากลาโหมแต่ได้สั่งการผ่าน พลเอกชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วย กลาโหม อยู่ในระหว่างการประชุมสภากลาโหมร่วมกับผบ. เหล่าทัพในการส่งความช่วยเหลือไปยังลาวหลังเกิดเหตุเขื่อนแตก
โดยมอบหมายให้กองบัญชาการกองทัพไทย จัดตั้งวอร์รูมและมี บิ๊กกบ พลเอกพรพิพัฒน์ เบญญศรี เสนาธิการทหาร ในฐานะ ผอ.ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย บก.กองทัพไทย เป็น ผอ.วอร์รูม
ขณะที่ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่2 ได้เตรียมทางกำลังพลเครื่องมือบรรเทาสาธารณภัย เรือท้องแบนพร้อม สำหรับการให้ความช่วยเหลือ
ทั้งนี้ กองทัพอากาศ ได้เตรียมเครื่องบินลำเลียง C-130 และเฮลิคอปเตอร์กู้ภัยEC-725 พร้อม โดยจะใช้กองบิน 21 อุบลราชธานีเป็นฐานปฏิบัติการต่อระยะในการบินปฏิบัติการไปยังสนามบินปากเซ ประเทศลาว

"ผบ.สูงสุด "สั่ง "หน่วยทหารพัฒนา อิสาน" เตรียมพร้อมเคลื่อนย้ายใน 3 ชั่วโมง

"ผบ.สูงสุด "สั่ง "หน่วยทหารพัฒนา อิสาน" เตรียมพร้อมเคลื่อนย้ายใน 3 ชั่วโมง ช่วยลาวเขื่อนแตก จัดตั้ง "บก.ศบภ.ส่วนหน้า"ที่ นพค.56 อุบลฯ
จากสถานการณ์ที่เกิดภัยพิบัติจากเหตุการณ์อุทกภัยขนาดใหญ่ในเมืองสนามไช แขวงอัตตะปือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปปล.)ซึ่งทำให้มวลน้ำจำนวนมากไหลท่วมบ้านเรือนของประชาชนได้สร้างความเสียหายกับชีวิตและทรัพย์สินอย่างรุนแรงกว่า 4,000 ครอบครัวเป็นบริเวณกว้างนั้น
พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผบ.ทหารสูงสุด.มีนโยบายให้การเตรียมการด้านความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติแก่ สปป.ลาว ให้ทันต่อสถานการณ์
จึงมอบให้ พล.อ.ธงชัย สาระสุข ผบ.นทพ.จัดการประชุมเร่งด่วนเพื่อเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือ โดยให้มีการเตรียมความพร้อมของหน่วยบรรเทาสาธารณภัยเคลื่อนที่เร็วทั้งในด้านกำลังพล และยุทโธปกรณ์สำคัญที่เกี่ยวข้อง สั่งการให้ สนภ.5นทพ.เตรียมจัดหน่วยบรรเทาสาธารณภัยจำนวน 2 ชุด (จาก นพค.56 ฯและ นพค.51) จัดตั้ง บก.ศบภ.ส่วนหน้าที่ นพค.56ฯ เพื่อติดตามและประสานงานกับทาง อุบลรสชธานี .อย่างใกล้ชิดเพื่อติดตามสถานการณ์และรายงานเหตุการณ์ให้ ศบภ.นทพ.ทราบตามห้วงระยะเวลา
พร้อมทั้ง เตรียมยานพาหนะเพื่อสนับสนุนการลำเลียงถุงยังชีพพระราชทาน และสิ่งของจำเป็นอื่นๆที่ได้รับการบริจาคทุกภาคส่วนให้เข้าถึงพื้นที่เมื่อได้รับการร้องขอ ซึ่งสถานการณ์ในปัจจุบัน ทาง สปปล.คงระดมความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วนจากภายในประเทศของตนก่อน
และจะขอรับความช่วยเหลือจากภายนอกประเทศในเรื่อง เครื่องนุ่งห่ม อาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค และเงินบริจาค โดยผ่านทางสถานทูตไทยประจำ สปปล.ในโอกาสต่อไป
ทั้งนี้ นทพ.มอบให้ สนภ.5นทพ.เป็นหน่วยสนับสนุนหลัก และให้ สนภ.2นทพ.เป็นหน่วยสนับสนุนรอง โดยเตรียมความพร้อมในการสนับสนุนพร้อมเคลื่อนย้ายเมื่อสั่งภายใน 3 ชม.
โดยมี พล.ท.ณัฏฐพัชร สกุลรังสฤษฏ์ เสธ.นทพ.เป็นประธานการประชุม ห้องประชุมห้วยทราย บก.นทพ.