PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2561

เชื้อเก่าปมเสี่ยงใหม่

จะได้เลือกตั้งกันหรือเปล่า

ประโยคคำถามนี้กลับมาอื้ออึงอีกครั้งในหมู่นักวิเคราะห์การเมืองหรือแม้แต่ในวงของนักเลือกตั้งอาชีพระดับอ๋อง ชั้นเซียนของแต่ละป้อมค่าย

ประเมินจากอาการที่ยิ่งกว่า “จะตายห่ากันให้ได้”

ตามเงื่อนไขสถานการณ์เครียดๆบรรยากาศโคตรซีเรียสแบบที่คนยี่ห้อประชาธิปัตย์ แท็กทีมลูกข่าย “ทักษิณ ชินวัตร” 2 ค่ายการเมืองเจ้าถิ่นขาใหญ่รวมพลังกับ “เฟรชชี่” น้องใหม่ทีม “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ”

ดาหน้าถล่มปมบัตรเลือกตั้งไม่ติดแบรนด์ยี่ห้อพรรค

ชี้หน้าด่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับงาน คสช.ฝ่ายคุมเกมอำนาจ จงใจทำให้เกิดความสับสนในหมู่ผู้ใช้สิทธิกาบัตรผิดกาบัตรถูก เพื่อให้ผลคะแนนเพี้ยน สกัด “แบรนด์ขายดี” ยี่ห้อดัง

ตามจังหวะลูกติดพันมาจากรายการอาละวาดใส่ คสช.และ กกต. กรณีการแบ่งเขตเลือกตั้งแบบพิสดาร เอื้อประโยชน์ให้พรรคพลังประชารัฐ

จี้จุดเดือด “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หัวหน้า คสช. นอตหลุดไปแล้ว

โดยแนวโน้มสถานการณ์ที่ “นักการเมืองอาชีพพันธุ์เก่า” แท็กทีม “เฟรชชี่พันธุ์ใหม่” ยกระดับอาการ “พยศ” เดินเกมรุกคืบกดดัน คสช. แบบได้คืบเอาศอก ได้ศอกเอาวา

จากเริ่มโหมกระแสตีปี๊บให้เลือกตั้ง ประจานเลื่อนเลือกตั้ง ตามด้วยการโหมประเด็นปลดล็อกกฎเหล็ก ต่อเนื่องมาตั้งแง่เรื่องรัฐบาลใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้พรรคหนุน พล.อ.ประยุทธ์ ลามไม่หยุดมาถึงการอาละวาดเรื่องแบ่งเขตและโวยวายปมบัตรเลือกตั้ง

ยื้อผลประโยชน์ของตัวเองแบบสุดกำลัง ตามฟอร์มเดิมๆ

แต่สิ่งที่เพิ่มเติมคือมุมของมวยจมูกไวอย่าง นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ โคตรเซียนยี่ห้อประชาธิปัตย์ ที่รีบออกมากระตุกขานักการเมืองอาชีพเชิงดักคอ “ตีกัน” ให้ระวังเข้าทางเกม “ล้มกระดาน” ของฝ่ายคุมเกมอำนาจ

ป่วนกันมาก ทหารจะหาเหตุไม่ให้เลือกตั้ง

แต่ถึงนาทีนี้ ไม่รู้บรรดามวยห้าว มวยบู๊ รุ่นเก๋า รุ่นฟันน้ำนม จะฟังกันหรือไม่ เพราะกำลังอยู่ในอารมณ์เมามัน โชว์ฟอร์มปั่นราคากันเต็มที่ เวทีเปิดต้องรีบชิงแจ้งเกิด ขืนช้ามีหวังดับ

และโดยรูปการณ์มันก็วนกลับไปติดล็อก “หลุมดำ” จับอาการที่นักการเมืองทั้งหน้าเก่า พันธุ์ใหม่ สะท้อนพฤติกรรมเดิมๆออกมา มันบ่งชัดเลยว่า “เชื้อร้าย” ต้นตอวิกฤติความแตกแยกในชาติที่ถูกอำนาจพิเศษกดทับไว้ 4-5 ปี ไม่ได้หายไปไหน

ไม่ทันปล่อยผี ก็แหกป่าช้าออกมาโชว์ฤทธิ์เดชท้าทายกระบองยักษ์

แถมแนวโน้ม “ดื้อยา” อำนาจพิเศษส่อกดอาการไม่อยู่

เหนืออื่นใด ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์ที่แฝงไปด้วยความ “อ่อนไหว” ในจังหวะที่ พล.อ.ประยุทธ์แจ้งกับประชาชนคนไทย ถึงห้วงเวลาพิเศษ กระบวนการเปลี่ยนผ่านขั้นตอนสำคัญ

ซึ่งนั่นหมายถึงการเมืองต้องนิ่งที่สุด

แต่โดยฉากสถานการณ์ที่ประเมินได้ด้วยสายตา อาการกระเพื่อมแรงๆจากเกมรุกหนักของนักการเมืองอาชีพที่ไล่บีบไล่กดดัน คสช.

ตามเกมที่เดาได้ นับจากวันปลดล็อกกฎเหล็กการเมือง ประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ปล่อยให้นักการเมืองหาเสียงกันได้เต็มที่ จนถึงวันเลือกตั้ง 24 กุมภาพันธ์ปีหน้า โดยกระบวนการต่อเนื่องกับการเลือกตั้ง ส.ว. การประกาศผลเลือกตั้ง ส.ส.รอบสุดท้าย

กว่าจะตั้งรัฐบาลชุดใหม่ได้ราวเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน 2562

เกือบครึ่งปีที่ พล.อ.ประยุทธ์ และ ครม.จะต้องผจญกับแรงกระแทก นักการเมือง ขบวนการต่อต้านทหารจะดาหน้าปฏิบัติการเตะตัดขา ดิสเครดิต ทำลายน้ำหนักของรัฐบาล

มีสถานะแค่ “รักษาการ” จนทำอะไรได้ไม่เต็มไม้เต็มมือ

ในอารมณ์ที่บรรดารัฐมนตรีก็จะพากันออกอาการ “เกร็ง” กลัวโดนสาวไส้ ปล่อยเกียร์ว่าง

แต่ที่ปล่อยมือไม่ได้เลยก็คือคิวของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ ที่ต้องแบกหินไว้บนบ่า สถานการณ์ภายในประเทศต้องประคองภาวะปากท้อง ท่ามกลางแรงถาโถมของ “social disruption” การค้าออนไลน์ที่กลายเป็นคลื่นซัดธุรกิจดั้งเดิมล้มระเนนระนาด

ขณะที่ภายนอกก็ต้องสู้กับความผันผวนเศรษฐกิจโลก จากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ไหนจะเหตุรุนแรงในประเทศฝรั่งเศสที่ม็อบอาละวาดรัฐบาลขึ้นภาษีน้ำมันลุกลามบานปลาย

เศรษฐกิจเหนื่อยหนัก เจอโจทย์ยากลำบาก

หากหลังเลือกตั้งยังไม่เห็นแสงสว่างการเมืองพ้นอุโมงค์ ก็เอวัง.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: