PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ตั้งรบ.ได้แต่ไม่ชอบธรรม

ยำใหญ่

หวั่นมีความชอบธรรมตํ่ำ

แนะบิ๊กตู่ถ้าจะนั่งนายกต่อ

ต้องใจกว้างและเป็นธรรม

ปรับวิธีคิดการทำงานใหม่

“ธีรยุทธ บุญมี” มาแล้ว อัด คสช.ประมูลสัมปทานคะแนนเสียง ไม่ต่างยุคคนแดนไกล “ตั้งใจสืบทอดอำนาจ” เชื่อตั้งรัฐบาลสมัยหน้าได้ แต่ความชอบธรรมตกต่ำ พร้อมบอกกลยุทธ์ “ประยุทธ์” หากอยากนั่งนายกรัฐมนตรีต่อไป ต้องมีใจกว้าง เป็นธรรม รวมทั้งปรับวิธีคิดวิธีการทำงานใหม่ ด้าน 4 รมต.พลังประชารัฐปรับแผนใหม่ยังไม่ลาออก

เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ที่ห้องประชุมอนุสรณ์สถาน14ตุลา2516 ถนนราชดำเนิน นายธีรยุทธ บุญมี นักวิชาการอิสระ กล่าวปาฐกถา ’45ปี14ตุลา’ครั้งที่4ในหัวข้อ‘มองประเทศไทยหลังการเลือกตั้ง ปัญหาที่ใหญ่กว่าวิกฤตการเมือง’โดย นายธีระยุทธ ระบุว่า ประเด็นการเมืองตนเห็นว่า เวลานี้มีวิกฤตการเมืองใหม่ คือ‘วิกฤตที่เกิดจากความพยายามของกลุ่มทุนใหญ่ผูกขาดที่จะสถาปนาอำนาจของตนเอง’โดยช่วง10กว่าปีที่ผ่านมาในช่วงบ้านเมืองวุ่นวาย มีการก่อตัวของกลุ่มทุนใหญ่เกิดขึ้นประมาณ 10กลุ่ม มีอิทธิพลครอบงำเศรษฐกิจสำคัญๆไว้ได้เกือบทั้งหมดและมักจะเข้าไปมีอิทธิพลครอบงำการเมืองจนเกิดศัพท์เฉพาะที่เรียกว่า การปกครองใต้อำนาจโดยตรงหรืออ้อมของคนกลุ่มน้อย คือทุนอิทธิพล โดยสามารถโน้มน้าว จูงใจ หรือบังคับให้รัฐ พรรคการเมือง ข้าราชการ สื่อและสังคม ให้คล้อยตามได้

เผยคสช.จ้องต่อท่อนานแล้ว

นายธีรยุทธ กล่าวอีกว่า ตนเห็นว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ( คสช.)ตั้งใจสืบทอดอำนาจมานานแล้ว เห็นได้ชัดตั้งแต่การล้มร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณและคณะ เป็นผู้ร่าง มาเป็นรัฐธรรมนูญที่ใช้บังคับในปัจจุบัน โดยให้พรรคการเมืองมีสิทธิเสนอชื่อคนนอกเป็นนายกฯ เพิ่มทั้งจำนวนและอำนาจของ สว.โดยมี 250คน และให้สิทธิ์เลือกนายกฯ การดึงกลุ่มการเมือง‘ยี้ - มาร’ มารวมเป็นพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดยไม่สนเสียงวิจารณ์ ถือเป็นการการันตีว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นนายกฯคนต่อไป

เชื่อ’บิ๊กตู่’ตั้งรบ.แต่ชอบธรรมต่ำ

‘พล.อ.ประยุทธ์ คงจะจัดตั้งรัฐบาลหน้าขึ้นได้ แต่ความชอบธรรมจะต่ำ เพราะรูปแบบการประสานประโยชน์ระหว่างพลังทหาร ข้าราชการ กลุ่มอนุรักษ์และกลุ่มทุนใหญ่ ปรากฏชัดเจนเรื่อยๆ คสช.ทำลายความน่าเชื่อถือขององค์กรอิสระ ปิดกั้นการตรวจสอบ ซึ่งพฤติกรรมไม่ต่างจากระบอบทักษิณในอดีต คือมีการเอารัดเอาเปรียบก่อนเลือกตั้ง การเลือกตั้งปี2562ก็คือ การประมูลสัมปทานคะแนนเสียงเป็นรัฐบาล คล้ายการเลือกตั้งปี2544 ซึ่งพรรคของ คุณทักษิณ ก็ทำได้เก่ง เพราะประมูลเสียงจากชาวบ้านอย่างได้ผล มีการต่ออายุสัมปทานซ้ำหลายรอบ โดยใช้นโยบาย‘ประชานิยม’ประมูลเสียงจากชาวบ้านอย่างได้ผล ซึ่งดูจากพฤติกรรมของพรรค พปชร.บ่งชี้ว่า จะซ้ำรอยเหมือนกับพรรคคุณทักษิณ ซึ่งถ้าฝ่ายสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ชนะ แต่ความชอบธรรมต่ำ จะทำให้รัฐบาลเจอปัญหารุมเร้าตั้งแต่ต้น’นายธีรยุทธ กล่าว

แนะ’พท.-ปชป.’จับมือสู้ทหาร

นายธีรยุทธ กล่าวด้วยว่า ความขัดแย้ง ‘เหลือง-แดง’ ‘นปช.-กปปส.’ปัจจุบันถือว่าเป็นภาวะปกติแล้ว ไม่จำเป็นต้องเรียกร้องให้แต่ละฝ่ายเปลี่ยนจุดยืน อุดมการณ์ เพราะเวลาและสถานการณ์จะช่วยให้มีการปรับตัวให้ระบอบการเมืองดำเนินไปตามสภาพเหมือนเดิมได้ ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งหน้าตนคาดว่า ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)และพรรคเพื่อไทย (พท.) จะไม่มีใครใช้วาทกรรมและนโยบายสุดขั้วมาหาเสียง แต่จะต้องหาแง่มุมวิจารณ์ผลงาน พล.อ.ประยุทธ์ หรือ คสช.และต้องหาสิ่งใหม่กับสังคมและประชาชน

“ขณะนี้พรรคพท.แตกออกเป็นหลายพรรคย่อย ส่งผลโครงสร้างการเมืองที่ดีขึ้น คือมีกลุ่มการเมืองที่มีการตัดสินใจเป็นอิสระมากขึ้น การขึ้นกับตัวบุคคลและบางครอบครัวลดลง ถ้าพรรค พท.,ปชป.และทุกพรรค พัฒนานโยบายให้สร้างสรรค์ เว้นวาทกรรมเกลียดชังสุดขั้วจะทำให้การเลือกตั้งเดินไปด้วยดี มีโอกาสร่วมมือกันแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ถ้าทำโดยร่วมกันแสดงเหตุผลที่เหนือกว่า ก็อาจจะทำได้สำเร็จ โดยไม่ต้องเผชิญหน้าแบบรุนแรงกับฝ่ายทหารอีก’ นายธีรยุทธ กล่าว

บิ๊กตู่ต้องใจกว้าง-เป็นธรรมอยู่ยาว

นายธีรยุทธ ให้สัมภาษณ์หลังปาฐกถาถึงการเลือกตั้ง24กุมภาพันธ์ ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เริ่มต้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มีคำกล่าวหาเรื่องดึงนักการเมืองที่เครดิตไม่ค่อยดีเข้ามา ซึ่งตนติงไปว่า อย่าทำถึงขั้นใช้อำนาจที่ไม่ชอบ จนลามไปถึงการเลือกตั้งสกปรก หรือโกงการเลือกตั้ง ซึ่งเรื่องนี้จะต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้ประชาชนเกิดความไม่พอใจ ที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องถือบทการเป็นนายกฯที่บริหารประเทศ ซึ่งกำลังจะมีการเลือกตั้ง นายกฯจะต้องมีความเป็นธรรม ต้องใจกว้างที่สุด เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งต่อไป พล.อ.ประยุทธ์ จะได้เป็นนายก 100เปอร์เซ็นต์ใช่หรือไม่ นายธีรยุทธ กล่าวว่า มีโอกาสสูงมาก เพราะมีเสียงสว.250เสียงและเสียงเพิ่มเติมอีก125-126เสียงจากกลุ่มสส.ที่ดึงเข้ามา ทำให้มีคะแนนเยอะ หรือพรรคอื่นก็พร้อมจะเข้าร่วม หากเห็นว่า 125เสียง เป็นเกณฑ์พอดีที่จะดึงจากคนเหล่านี้มาได้

ปรับบริหารใหม่-ปชช.มีส่วนร่วม

เมื่อถามว่า ที่ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะกลับมาเป็นนายกฯอีกครั้งประชาชนจะยอมรับหรือไม่ นายธีรยุทธ กล่าวว่า หากไม่โกงเลือกตั้ง ไม่ถูกหาว่าเลือกตั้งสกปรก ทุกคนจะยอมรับ ซึ่งทุกคนจะยอมรับกติกานี้ไปก่อนและจะหาทางแก้ไข แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จะมีแรงกดดัน ซึ่งตัว พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องเปลี่ยนวิธีคิดในการทำงานใหม่ เพราะก่อนหน้านี้ตนมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ คิดแต่คำว่า รัฏฐาธิปัตย์ พูดอะไรทำอะไรมีความถูกต้อง แต่ครั้งนี้จะเจอบรรยากาศที่มีพรรคการเมืองอื่น กลุ่มพลังอื่นและมีเสียงประชาชนเข้าร่วม จึงทำให้เปลี่ยนไป ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ เจอปัญหาซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ลำบาก ทั้งนี้ หาก พล.อ.ประยุทธ์ ปรับวิธีคิดและวิธีทำงาน ก็จะยังเป็นนายกฯ ต่อไปได้ ที่น่าเป็นห่วงคือ การคอรัปชัน ถ้ามีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นจะทำให้ฐานะรัฐบาลสั่นคลอนเป็นอย่างมาก ฉะนั้นรัฐบาลที่มีเสียง สว.เข้ามาหนุนหากมีปัญหาคอร์รัปชันแล้วไม่แก้ไขให้ได้ ก็จะนำมาซึ่งอายุรัฐบาลที่จะไม่ยืนยาว


ไม่มีความคิดเห็น: