PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2562

หลังเลือกตั้งชี้อนาคตการเมืองมืดมน : เสนอทางรอดจับมือ 2 ขั้ว

ผ่านสนามการเลือกตั้งหลังการปฏิวัติมาหลายสมัย ได้รัฐบาลใหม่ในแต่ละยุคแตกต่างกันไป

โฉมหน้ารัฐบาลชุดใหม่ในอนาคตจะเป็นอย่างไร ถึงผ่าทางตันวิกฤติการเมืองออกไปได้ ในฐานะเป็นนักการเมืองมา 61 ปี นายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สะท้อนมุมมองผ่านการให้สัมภาษณ์ ทีมข่าวการเมือง ว่า ในเมื่อเป็นหนึ่งในคนไทยก็คิดเหมือนชาวไทยทั้งชาติที่เป็นห่วงอนาคตของบ้านเมือง
ก็ยังติดตามความเคลื่อนไหวของบ้านเมืองอยู่ตลอดเวลา ยิ่งเป็นนักการเมืองและสังกัดพรรคการเมือง ได้รับการสั่งสอนจากผู้ใหญ่ตั้งแต่ครั้งสมัยนายควง อภัยวงศ์ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
และถ่ายทอดความรู้เหล่านั้นให้เพื่อนๆในพรรคต่อต้านการทำปฏิวัติ รัฐประหาร โดยยึดหลักการสำคัญต่อสู้โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตยที่มาจากประชาชน เทิดทูนระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เป็นหลักของผมและของพรรคไม่เคยเปลี่ยนแปลง นโยบายด้านอื่นๆ ทั้งด้านการศึกษา การเศรษฐกิจ การเกษตร สาธารณสุข เป็นเรื่องรอง เมื่อผมเดินออกจากพรรค พรรคนี้จะเป็นอย่างไรไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์
แต่หลังการเลือกตั้งอนาคตของประเทศจะเป็นอย่างไร ก็ต้องดูรัฐธรรมนูญที่ใช้ปกครองบ้านเมือง ผมขอสารภาพตามตรงว่า อ่านรัฐธรรมนูญภาษาไทยไม่รู้เรื่องในหลายประเด็น แล้วคนอื่นจะอ่านรู้เรื่องได้อย่างไร

โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับการเลือกตั้ง รวมถึงกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเลือกตั้ง การเลือกตั้ง ส.ส. ล้วนอ่านไม่รู้เรื่อง วิธีการเลือกตั้งก็อ่านไม่เข้าใจ
ไม่มีที่ไหนในโลกเอาคะแนนที่ไม่ได้รับเลือกมารวมในบ่อหนึ่ง เพื่อคำนวณตามระบบจัดสรรปันส่วนผสม
ถ้าจะมีระบบปาร์ตี้ลิสต์ก็ต้องทำเหมือนเดิม อย่างนั้นเข้าใจ ชัดเจน ใช้เบอร์เดียวทั้งประเทศ
การเลือกตั้งคราวนี้เป็นเรื่องที่ปวดหัวจริงๆ ประชาชนธรรมดาจะรู้เรื่องได้อย่างไร ด้วยเหตุนี้จึงมีพรรคการเมืองเกิดขึ้นมากมาย หวังได้ ส.ส.ระบบปาร์ตี้ลิสต์ แม้จะไม่ได้ ส.ส.เขต
เป็นรัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นมาเพื่อบุคคลโดยเฉพาะหรือกลุ่มที่ต้องการอำนาจต่อไปโดยเฉพาะ
เมื่อเรารักระบอบประชาธิปไตยก็ต้องสู้กันในระบอบประชาธิปไตย ไม่มีสองมาตรฐาน
เผอิญนักการเมืองใช้ระบอบประชาธิปไตยอีลุ่ยฉุยแฉก เหมือนมีเงินเต็มกระเป๋าแล้วใช้อีลุ่ยฉุยแฉก
ทะเลาะกันในที่ประชุมสภาฯไม่เป็นอะไร เพราะมีไว้สำหรับถกเถียงอภิปราย
ทะเลาะในสภาฯไม่พอ ยังไปทะเลาะกันบนท้องถนน ประชาชนไม่มีความสุขเลย
ทหารทำการปฏิวัติครั้งล่าสุดก็ไปว่าเขาไม่ได้ เพราะต้องการรักษาความมั่นคง
ฉะนั้นเมื่อมองสถานการณ์การเมืองหลังการเลือกตั้ง คงเป็นบางพรรคการเมืองที่มีลูกพรรคเยอะและพรรคต่างๆคอยป้อน ส.ส.สนับสนุน ไม่ขอเอ่ยชื่อพรรคนะ ไม่อยากดูถูกเขา
แต่ขณะนี้คาดคะเนไม่ได้หรอกว่าพรรคไหนจะเป็นรัฐบาล อนาคตการเมืองยังมืด
แม้มีพรรคพลังประชารัฐที่ตั้งขึ้นมาใหม่ เตรียมพร้อมดึงพรรคเล็ก และอีก 250 ส.ว. เพื่อตั้งรัฐบาลก็ไม่ใช่ง่ายๆ หากไม่เป็นไปตามนี้จะดึงพรรคไหนเข้ามาร่วม ก็มีอยู่ไม่กี่พรรค พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรครวมพลังประชาชาติไทย จะเอาพรรคใดพรรคหนึ่งเข้ามา
สมมติจวนเจียนจะตั้งรัฐบาลได้แล้ว ไปติดต่อพรรคประชาธิปัตย์ โดยส่วนตัวถ้าผมเป็นหัวหน้าพรรคจะไม่ตอบรับ ขอเป็นฝ่ายค้านมันช่วยบ้านเมืองได้มากเหมือนกัน และมองไปในอนาคตอีก 4 ปีข้างหน้า

“สักสองเดือนกว่าที่ผ่านมา ได้เชิญคุณอภิสิทธิ์ (เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์) มานั่งคุยกับลุง
ได้แนะนำไปว่าหากถูกชวนเข้าร่วมรัฐบาล ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหลานหรือขึ้นอยู่กับพรรค หรือขึ้นอยู่กับสมาชิกพรรค ลุงไม่มีสิทธิ์ ไม่มีความคิดเห็น
แต่ถ้าเป็นลุง ลุงต้องการเป็นตัวของตัวเอง ผลการเลือกตั้งออกมาปั๊บ
ถ้าแพ้ก็ประกาศเป็นฝ่ายค้านอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่ค้านสะเปะสะปะ
และมองไปในอนาคตอีก 4 ปีข้างหน้า”
สมมติไปติดต่อพรรคเพื่อไทย ก็ไม่แน่ใจว่าจะยินดีรวมหรือไม่ เพราะถูกเล่นงานหนักเหลือเกิน
พรรคภูมิใจไทยคงไม่มีปัญหา ไปแน่ สบายๆ พรรคชาติไทยพัฒนาคงจะไปร่วมได้
พรรครวมพลังประชาชาติไทยของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็อาจจะไปรวมได้
แต่เมื่อตั้งรัฐบาลใหม่ได้ เราอยากเห็นคนอย่าง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี มาเป็นนายกรัฐมนตรี ถึงแม้เป็นทหาร แต่ไม่ได้เป็นทหารเผด็จการ
ซื่อสัตย์ ทำงานตรงไปตรงมา ใช้คนเป็น ใช้คนทำงาน สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจ แก้ปัญหาบ้านเมือง
พอมายุคนี้มองผู้ที่เหมาะจะเป็นนายกฯ ขอพูดตรงๆว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีความตั้งใจทำงานดี จนถึงบัดนี้ไม่ปรากฏว่ามีเงื่อนงำด้านคอร์รัปชัน
เสียอย่างเดียวเป็นคนโผงผาง จะโผงผางต่อสื่อมวลชนหรือประชาชนไม่ได้
หากลดความโผงผางและความฉุนเฉียวลง เชื่อว่าถ้าอยากจะเป็นเขาก็ได้เป็นต่อ
เชื่อว่าเขาจะพยายามทำงานให้เหมือน พล.อ.เปรมได้ เป็นนายกฯที่ดีต่อไป อย่าไปดูถูกเขา
ส่วนคนอื่นไม่ขอพูดถึง ใน ครม.ไม่ค่อยมีคนยอมรับ ขอพูดถึง พล.อ.ประยุทธ์คนเดียวที่พอเป็นได้ เพราะมีความตั้งใจ ซื่อสัตย์ และมีภรรยาเป็นอาจารย์ ซึ่งจะแนะนำเขาได้หลายอย่าง
และ ครม.ชุดใหม่จะต้องเป็นคนที่ประชาชนยอมรับ เหมือน ครม.ในรัฐบาล พล.อ.เปรม บุคลากรมีคุณภาพ อาทิ นายสมหมาย ฮุนตระกูล รมว.คลัง พล.อ.ประจวบ สุนทรางกูร รองนายกฯ นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา รมว.อุตสาหกรรม
รวมถึงรู้จักใช้ข้าราชการดี โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ จะต้องมีมือเศรษฐกิจ เหมือนในยุครัฐบาล พล.อ.เปรม ที่มีนายเสนาะ อูนากูล เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รัฐบาลชุดใหม่จะมีงานท้าทายในด้านเศรษฐกิจ ยิ่งมีสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน มันจะกระทบกระเทือนต่อไทยไม่มากก็น้อย
ส่วนปัญหาอีกข้อคือ บางทีคนอยู่ต่างประเทศ ผมเคยย้ำเสมอว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย
ต้องมารับโทษ ถ้าศาลตัดสินแล้วทุกคนต้องยอมรับ ไม่เช่นนั้นมันเป็นสองมาตรฐาน
แต่ผมก็เคารพคนที่อยู่ต่างประเทศ ซึ่งทำความดีไว้ก็เยอะ
การทำหน้าที่ขององค์กรอิสระถูกหลายฝ่ายมอง จะทำให้เกิดเงื่อนไขทางการเมืองใหม่ โดยเฉพาะคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถูกจับตาเป็นพิเศษ นายพิชัย บอกว่า กกต.ชุดนี้น่าเป็นห่วง ยังไม่เป็นตัวของตัวเอง ให้สัมภาษณ์แต่ละครั้งมันไม่เกิดความมั่นใจแก่ประชาชน
เมื่อไม่เป็นตัวของตัวเองก็จะหาความยุติธรรมไม่ได้
“ผมไม่อยากเห็นการเผชิญหน้าอย่างรุนแรงระหว่างเพื่อไทยกับพรรคที่ตั้งขึ้นมาใหม่
นักการเมืองต้องละทิฐิลงบ้าง ก็เคยแนะนำบ่อยครั้งเมื่อ 2 ปีกว่ามาแล้วว่า
เพื่อไทยและประชาธิปัตย์ไม่ชอบเผด็จการทั้งคู่ ควรจับมือกันสู้
ถ้าทำได้สวยเลย จะนำไปสู่อุดมการณ์ตามระบอบประชาธิปไตยของประชาชน เพื่อประชาชน
ภายใต้เงื่อนไขห้ามแลกเปลี่ยนคดีที่ศาลตัดสินไปแล้วกับคนที่อยู่ต่างประเทศ”
พรรคเพื่อไทยก็มีคนดีเยอะ เช่น นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นลูกของ พล.ต.อ.เสน่ห์ สิทธิพันธุ์ อดีต ผบช.น. ซึ่งเป็นเพื่อนรักของผม พรรคไทยรักษาชาติ ก็มีนายจาตุรนต์ ฉายแสง ที่ใช้ได้ มือสะอาด ทำงานให้บ้านเมืองได้ พรรคประชาธิปัตย์ก็มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ใช้ได้ ดึงคนเหล่านี้มาช่วยผมว่าอนาคตของบ้านเมืองจะไปรอด
ทีมข่าวการเมือง ถามว่าข้อเสนอดังกล่าวเป็นการผ่าทางตันทางการเมืองหลังเลือกตั้ง นายพิชัย บอกว่า
หากตกลงและจับมือเป็นพันธมิตรหลัง พ.ร.ฎ.การเลือกตั้งออก
จะกดดันพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาเพื่อต่อท่ออำนาจ
ผลการเลือกตั้งออกมาปรากฏว่า 2 พรรคใหญ่แพ้
ก็จับมือเป็นฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง แต่ไม่ใช่ไปอยู่บนท้องถนน
ม็อบข้างถนนเลิกเสียที ประชาชนเบื่อจะตายแล้ว.
ทีมการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: