03 ธ.ค. 2556 เวลา 19:55:43 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ให้สัมภาษณ์ "เวโรนิกา เพโดรซา" ผู้สื่อข่าวของอัลจาซีราห์ ในรายการ “ทอล์ก ทู อัลจาซีราห์” ถึงการบริหารประเทศในสถานการณ์ที่มีความขัดแย้งสูง และทางออกของประเทศ
ในขณะที่สังคมมีความอ่อนไหวสูง โดยกล่าวถึงสถานการณ์ในไทยว่า ขณะที่ผู้ประท้วงเริ่มเข้ามายึดสถานที่ราชการ ทำให้เกิดความหวาดระแวงว่าสถานการณ์จะบานปลาย
@ ผู้ประท้วงยึดเชิงสัญลักษณ์ รัฐบาลยังทำงานได้
นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า หากมองการยึดกระทรวงการคลังของผู้ประท้วงว่าเป็นการยึดในเชิงสัญลักษณ์ แต่จริงๆ แล้วรัฐบาลยังสามารถทำงานได้อยู่ เพราะรัฐบาลต้องดำเนินงานต่อไปเพื่อ
ประชาชนทั่วประเทศ รัฐบาลจึงต้องขอร้องให้ผู้ประท้วงไม่ยึดสถานที่ราชการ เพราะผิดกฎหมาย
@ จับคนทำผิดกฎหมาย
เพโดรซาจึงถามนายกรัฐมนตรีว่า เมื่อมีการออกหมายจับผู้ทำผิดกฎหมายมาแล้ว จะดำเนินการจับกุมเมื่อไหร่
นางสาวยิ่งลักษณ์ ตอบว่า ตามหลักกฎหมายต้องเป็นหน้าที่ของตำรวจ แต่รัฐบาลต้องระมัดระวังในสถานการณ์ที่อ่อนไหวในขณะนี้ จึงต้องขอร้องว่าอย่าเข้าไปในสถานที่ราชการ เราจะเคารพการ
ประท้วงและแสดงออกให้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย และต้องการเปิดทางให้ผู้ประท้วงเข้ามาเจรจากับรัฐบาล และแม้ฝ่ายค้านไม่ยอมเจรจา และสถานการณ์ดำเนินไปเช่นนี้ จะเห็นว่าไม่ดีต่อ
ทุกฝ่าย ต้องหันมาเจรจา ถ้าเขารักประเทศ อย่าทำร้ายประเทศและเศรษฐกิจของประเทศ เรื่องนี้ไม่ใช่ใครแพ้ ใครชนะ เรายินดี ไม่ว่าใครจะนำการเจรจาและเริ่มก่อน
@ ใครคุมสถานการณ์เกมนี้
เมื่อเพโดรซาถามนายกรัฐมนตรีต่อว่า ในสถานการณ์นี้ใครเป็นคนควบคุม
นายกรัฐมนตรีตอบว่า ผู้ประท้วงเป็นคนควบคุม แต่ผู้ประท้วงต้องพูดให้ชัดว่าต้องการอะไรจากการประท้วง คนควบคุมรองมาคือ รัฐบาล เพราะรัฐบาลต้องปกป้องสถานที่ราชการตามหลักสากล
เพราะต้องการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า เพราะในอดีตเมื่อปี 2010 เราเคยเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้ ที่มีคนเจ็บคนตายมาแล้ว รัฐบาลจึงต้องการรักษาความสงบ
@ ทหารมีบทบาทอย่างไรในไทย
เพโดรซาถามว่า ที่จริงแล้วสถาบันทหารมีความสำคัญอย่างไรกับสังคมไทย เพราะความสัมพันธ์ระหว่างทหาร รัฐบาล และสังคมไทย มองจากคนภายนอกนั้นไม่ชัดเจน ไทยจึงมีการทำรัฐประหาร
หลายครั้ง เหมือนว่าไทยไม่เคยเรียนรู้ประวัติศาสตร์เลย
นางสาวยิ่งลักษณ์ตอบว่า ต้องไปถามผู้สั่งการทหาร ดิฉันเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ได้มีหน้าที่ดูแลฝั่งทหาร แต่ที่แน่ๆ กองทัพได้เรียนรู้แล้วว่า การทำรัฐประหารไม่เป็นผลดีต่อประเทศ และยังมีการฉีก
แก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งยังผลมาจนถึงวันนี้ ทว่าสถานการณ์ประเทศไทยกำลังอยู่ในยุคเปลี่ยนผ่านจากยุคของรัฐประหารไปสู่ประชาธิปไตย เราจึงต้องทำให้ประชาธิปไตยเดินหน้า ยึดหลักนิติรัฐ และ
ในประเทศไทยขณะนี้ เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากระบอบเก่ามาสู่ระบอบใหม่ ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลให้รัฐบาลยึดหลักประชาธิปไตย
@ รัฐบาลทำลายนิติรัฐ เพราะพ.ร.บ.นิรโทษกรรม
ผู้สื่อข่าวอัลจาซีราถามต่อว่า หากรัฐบาลยึดหลักนิติรัฐ เพราะเหตุใดรัฐบาลจึงแก้พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งบั่นทอนระบบนิติรัฐเสียเอง
นายกฯ ตอบว่า รัฐบาลไม่ใช่คนผลักดันพ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่เป็นรัฐสภาทำหน้าที่นั้น แม้ว่าในรัฐสภาจะมีเสียงส่วนใหญ่เป็นเพื่อไทย แต่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็มีสิทธิเสียงจากประชาชนเช่นกัน
การผลักดันพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทำให้ประเทศเกิดความปรองดอง แต่กรณีที่เกิดขึ้นกับไทยนั้น ประชาชนเห็นด้วยกับการนิรโทษกรรม เพียงแต่ไม่เห็นด้วยในแง่ของรายละเอียด และยังไม่เข้าใจ
กระจ่างชัดพอ จึงมีคนจำนวนมากต่อต้านร่างนี้ แต่เรื่องนี้ก็ได้จบไปแล้ว โดยรัฐบาลพร้อมยืนยันว่าจะไม่มีการนำเรื่องกลับเข้าสู่สภาอีก
ทั้งนี้ เพโดรซา ตั้งคำถามว่าคำตอบของยิ่งลักษณ์ จะยืนยันจากปากของนายกรัฐมนตรีไทยได้หรือไม่ว่าจะไม่ยกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมขึ้นมาอีก หากประชาชนไม่ต้องการ
นายกรัฐมนตรีจึงยืนยันว่า รัฐบาลจะทำตามที่ได้บอกประชาชนไปว่าจะไม่ยกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมขึ้นมาแน่นอน
@ทางออกความขัดแย้งในไทย
สำหรับคำถามกรณีการลดช่องว่างของความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันในสถานการณ์ปัจจุบันที่ขมขื่นและเจ็บปวดเช่นนี้นายกฯย้ำว่าการจะสร้างกระบวนการปรองดองซึ่งอยู่เปลี่ยนผ่านจากยุครัฐ
ประหารนั้น รัฐธรรมนูญและผลจากการทำรัฐประหารยังคงอยู่ ไทยยังอยู่ในระยะเปลี่ยนจากระบบหนึ่งไประบบหนึ่ง จำเป็นต้องเสริมสร้างความเข้มแข็งในระบอบประชาธิปไตยขึ้นมาก่อน ความ
ขัดแย้งระหว่างประชาชนจึงยังไม่หายไป และต้องใช้เวลา
@ "จำนำข้าว" ต้อตอการประท้วง
ต่อกรณีคำถามว่า ส่วนหนึ่งของประเด็นที่ผู้ประท้วงไม่พอใจในประเด็นการบิหารงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล จึงเข้ายึดกระทรวงการคลัง โดยเฉพาะโครงการจำนำข้าวที่ต้องใช้งบ 250,000 ล้าน
บาท ต่อปี หรือเกือบๆ 2% ของจีดีพีประเทศไทย และยังมีพ.ร.บ. 2.2 ล้านล้านบาท ที่กำลังอยู่ในสภาฯขณะนี้
นางสาวยิ่งลักษณ์ตอบคำถามว่า โครงการรับจำนำข้าวต้องการช่วยเหลือชาวนา เพราะประเทศมีช่องว่างระหว่างรายได้ระดับสูงกับต่ำอย่างมาก มีรัฐบาลหลายๆ รัฐบาลในโลกที่ช่วยเหลือคนยากจน
และชาวนา
เพโดรซาซักต่อว่า มีข้อสงสัยว่าสาเหตุคือชาวนาเป็นฐานเสียงเพื่อไทย ต่างจากประชาชนจากภาคใต้ที่เป็นฐานเสียงประชาธิปัตย์
นายกฯ ตอบว่า รัฐบาลสนับสนุนทั้งข้าวและยางพารา แต่สนับสนุนชาวนามากกว่า เพราะรายได้เฉลี่ยของชาวนากับสวนยางต่างกันมาก ชาวนาไม่มีที่ดินของตัวเอง ต้องมีต้นทุนในการเช่าที่ และใช้
เวลาในการเพาะปลูก กว่าจะได้ผลผลิตมาก 5-6 เดือน ส่วนผู้ปลูกยางส่วนใหญ่มีที่ดินเป็นของตนเอง ลงทุนทุกๆ 20-25 ปี แต่เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วสามารถทำได้ทุกวัน รัฐบาลจึงมีวิธีช่วยเหลือต่างกันคือ ให้ต้นกล้ายางพาราแทน
@ ประชาชนพิสูจน์ "นายกฯ"
เพโดรซาถามว่า นายกฯจะแก้ปัญหาอย่างไร เมื่อมีคนไม่ชอบรัฐบาล แม้ว่าทำงานอยู่บ้าง ยิ่งลักษณ์ตอบว่า ระบอบประชาธิปไตยจะเปิดให้ประชาชนเป็นผู้ประเมิน หากเลือกตั้งครั้งหน้าถ้าตนทำ
งานไม่ดีหรือบกพร่อง ประชาชนก็ไม่เลือก แต่ถ้าประชาชนไว้ใจก็ยินดีที่จะทำหน้าที่
@ บทบาท "ทักษิณ"
ผู้สื่อข่าวอัลจาซีรา ถามนางสาวยิ่งลักษณ์ว่า คุยกับนายกทักษิณทุกวันหรือไม่
นายกฯ ตอบว่า ไม่ได้คุยทุกวัน แต่การคุยกับพี่ชายก็ไม่ได้หมายความว่า เขาเป็นคนบริหารประเทศ เพราะตนและคณะรัฐมนตรีของตนคือผู้ทำหน้าที่บริหารประเทศ พี่ชายได้ให้กำลังใจในการคงไว้
ในหลักประชาธิปไตย
อย่างไรก็ตาม นายกฯ ยิ่งลักษณ์ได้กล่าวทิ้งท้ายถึงนานาชาติว่า ให้ประชาชาติเชื่อในประเทศไทยว่ารัฐบาลจะคุมสถานการณ์ให้อยู่ในความสันติได้ และเราจะหาทางออกได้ด้วยการเจรจากัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น