PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2557

ป.ป.ช. คาดพิจารณาถอดถอนนายกฯใน 1-2 เดือน

คณะกรรมการ ป.ป.ช. เตรียมพิจารณาคำร้องยื่นถอดถอน นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีบริหารโครงการรับจำนำข้าวผิดพลาด คาดรู้ผลภายใน 1-2 เดือน

ศาสตราจารย์พิเศษวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจิตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาคดีทุจริตเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว ว่า ล่าสุดอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเอกสาร เพื่อทำหนังสือยื่นข้อกล่าวหาไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องในคดี 15 ราย ซึ่งบางส่วนได้ส่งหนังสือไปแล้ว โดยในขั้นตอนหลังจากนี้ ผู้ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา จะเข้าชี้แจงต่อ ป.ป.ช. ด้วยวาจา หรือชี้แจงผ่านเอกสารก็ได้

ส่วนการตั้งอนุกรรมการไต่สวนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ หรือ กขช. นั้น จะนำไปรวมกับคดียื่นถอดถอน ซึ่งพรรคฝ่ายค้าน เคยยื่นเรื่องถอดถอนผ่านมาทางวุฒิสภาก่อนหน้านี้ และเรื่องดังกล่าวอยู่ในกระบวนการพิจารณาของ ป.ป.ช. อยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นประเด็นความผิดเดียวกัน ในเรื่องการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จึงเห็นควรให้นำมารวมกัน

โดยจะนำเรื่องเข้าพิจารณาในคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ เนื่องจากเป็นเรื่องการถอดถอนบุคคลสำคัญออกจากตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งจะพิจารณาได้รวดเร็วกว่าการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนความผิด คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 1-2 เดือน ส่วนจะสามารถยึดทรัพย์ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตได้หรือไม่นั้น ต้องขอดูบัญชีทรัพย์สินว่าร่ำรวยผิดปกติ หรือ มีการถ่ายเททรัพย์สินจากคดีความดังกล่าวหรือไม่

สำหรับกรณีที่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ป.ป.ช. ไม่เคยเรียกเข้าชี้แจงนั้น ในขั้นตอนของการไต่สวน เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา อนุกรรมการฯ จะดูเพียงเอกสารหลักฐาน เมื่อแจ้งข้อกล่าวหาแล้วจึงเป็นสิทธิ ที่ผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหา จะเข้าชี้แจงต่อ ป.ป.ช.ในภายหลัง ทั้งนี้ การแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 15 ราย ไม่เกี่ยวข้องกับการสืบหาพยานหลักฐานจากบริษัทเอกชน 17 บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายข้าวล็อตดังกล่าว

โดยบริษัทเอกชนทั้ง 17 ราย ยังไม่ได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหา เนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมเอกสารหลักฐาน และบางรายก็อาจจะถูกกันไว้เป็นพยานด้วย โดยที่ผ่านมา ก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี อีกทั้ง ป.ป.ช. ยังพิจารณาความผิดที่เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว อีก 2-3 เรื่องตามที่มีผู้ร้อง เช่น การขายข้าวจีทูจี ให้กับอินโดนีเซีย และการระบายข้าวถุง ซึ่งจะต้องค่อยเป็นค่อยไป เพื่อไม่ให้เสียรูปคดี

อย่างไรก็ตาม กรมการค้าต่างประเทศ ยังคงดำเนินการค้าขายข้าวได้ตามปกติ ส่วนจะมีความผิดด้วยหรือไม่ คงต้องขอดูว่าให้ความร่วมมือกับ ป.ป.ช. มากน้อยเพียงใด ส่วนกรณีที่กระทรวงพาณิชย์ เชิญตัวแทน ป.ป.ช.ไปหาหลักฐานที่จีนด้วยนั้น นายวิชา ระบุว่า กระทรวงพาณิชย์ควรนำหลักฐานข้อมูลต่างๆ มาให้ ป.ป.ช. เอง ซึ่งจะเป็นการสิ้นเปลืองน้อยกว่าการเดินทางไปต่างประเทศ

ไม่มีความคิดเห็น: