ท่านใหม่'ไขปมรับสั่ง'พระเทพฯ' แฉหลักฐานเหตุ'เขาไม่ให้อยู่วัง'
วันศุกร์ ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2557, 18.31 น.
27 มิ.ย.57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ม.จ.จุลเจิม ยุคล หรือพระนามลำลองว่า “ท่านใหม่” เป็นพระโอรสลำดับที่ 4 ในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ กับหม่อมอุบล ยุคล ณ อยุธยา ทวิตข้อความผ่านทวีตเตอร์ชื่อ "@cyugala" จำนวน 6 ข้อความ กรณีที่ได้ทวิตข้อความเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงซื้อที่ดินแปลงเล็กๆ ที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทรงปลูกบ้าน โดยเป็นการใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในการซื้อที่ดินแปลงนี้ ท่านรับสั่งว่า ไม่ปลูกวัง เพราะต่อไปเขา ( เขา??? ) จะไล่ฉัน ไม่ให้อยู่วังแล้ว จึงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อเองนั้น
ล่าสุดเมื่อประมาณ 45 นาทีที่ผ่านมา “ท่านใหม่” ได้ทวิตข้อความอีก 6 ข้อความสั้นๆ และซ้ำๆ กันว่า หลายคนคงสงสัยกรณีที่ทวิตข้อความเกี่ยวกับสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ซื้อที่ดินเพราะเขาไล่ฉันไม่ให้อยู่วังว่า คนที่ไล่ไม่ให้อยู่วังนั้นเป็นใคร จึงขอไขปริศนาเรื่องนี้ และนี่คือสาเหตุที่สมเด็จพระเทพฯ มีรับสั่งจะปลูกบ้านโดยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์
รายงานระบุว่า พล.ต.ม.จ.จุลเจิมได้นำเอกสารหลักฐานมาเผยแพร่ประกอบการทวิตข้อความหลายชิ้น พร้อมระบุว่าทั้งหมดขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของประชาชน
ข้อความที่พล.ต.ม.จ.จุลเจิมทวิตผ่านทวีตเตอร์
หลายท่านกังขาเรื่องเกี่ยวกับสมเด็จพระเทพฯ ที่ผมนำมากล่าวถึงเมื่อวาน ว่า เขา ที่ผมพูดถึงเป็นใคร วันนี้ผมจะไขปริศนาให้ท่านหายกังขาครับ
เขาเป็นใคร ดูเองเถิดครับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละท่านนะครับ
นี่คือสาเหตุที่ท่านมีรับสั่ง จะปลูกบ้าน โดยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ และแม้ ณ วันนี้จะยกเลิกการเวนคืนดังกล่าวแล้วหรือไม่ก็ตาม
เกี่ยวกับแนวเวนคืนที่ดินดังกล่าวเพื่อสร้างทางด่วน จำเป็นด้วยหรือครับที่จะต้องกำหนดให้ใกล้เขตพระราชฐาน โดยเฉพาะ วังสระปทุม
http://www.naewna.com/politic/110090
///////////////////
Poramate Minsiri
27มิ.ย.57 ·
ข้อความที่พล.ต.ม.จ.จุลเจิมทวิตผ่านทวิตเตอร์ ล่าสุด
=====================================
หลายท่านกังขาเรื่องเกี่ยวกับสมเด็จพระเทพฯ ที่ผมนำมากล่าวถึงเมื่อวาน ว่า เขา ที่ผมพูดถึงเป็นใคร วันนี้ผมจะไขปริศนาให้ท่านหายกังขาครับ
เขาเป็นใคร ดูเองเถิดครับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละท่านนะครับ
นี่คือสาเหตุที่ท่านมีรับสั่ง จะปลูกบ้าน โดยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ และแม้ ณ วันนี้จะยกเลิกการเวนคืนดังกล่าวแล้วหรือไม่ก็ตาม
เกี่ยวกับแนวเวนคืนที่ดินดังกล่าวเพื่อสร้างทางด่วน จำเป็นด้วยหรือครับที่จะต้องกำหนดให้ใกล้เขตพระราชฐาน โดยเฉพาะ วังสระปทุม
http://www.naewna.com/politic/110090
======================================
ประเด็นคือ
1. พระราชบัญญัติฉบับนี้ นส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตร เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
2. การเวนคืนต้องตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ให้ในหลวงทรงโปรดเกล้า
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2554/A/096/13.PDF
3. ม.จ.จุลเจิม ยุคล เขียนมาล่าสุดนี้ ท่านทราบว่าการเวนคืนนี้ใกล้เขตพระราชฐาน แต่ไม่ได้เวนคืนวังสระปทุม สอดคล้องกับที่การทางพิเศษเคยให้ข่าวไว้ทั้งแต่ปี 2555
กทพ.ชี้การต่อ พ.ร.ฎ.เวนคืนที่ดิน ราชเทวี-ปทุมวัน เพื่อสร้างทางลงราชดำริเป็นขั้นตอนปกติ ยันไม่กระทบ วังสระปทุม-สยามพารากอน-เซ็นทรัลเวิลด์ วันที่ 3 มกราคม 2555 http://bit.ly/tLoPdH
4. ม.จ.จุลเจิม ยุคล ไม่ได้เฉลยตรงๆว่า "เขา" คือใคร ให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณเอาเอง...
ผมพยายามจะคิดว่า เขา คือใคร แต่ยิ่งคิดยิ่งสับสนครับ แต่ก็ยังดีที่ท่านแง้มมาแล้วว่าเป็นประเด็นไหน
ฝากท่านช่วยบอกให้ชัดๆเลยได้ไหมครับว่า เขา คือ ใคร? ผมคิดไป(แดน)ไกล แล้วนะ
////////////
เวนคืนวังสระปทุมมีผลวันนี้ นายกปูแดงลงนามรับสนองฯ
1 มกราคม 2012 โดย แคน ไทเมือง
ผู้สื่อข่าว มติชนออนไลน์ รายงานว่า วันนี้ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๕๔
มีผลบังคับใช้
ทั้งนี้ เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ได้ทำการสำรวจเขตที่ดินเพื่อเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๕๐ เพื่อสร้างทางพิเศษสายแจ้งวัฒนะ – บางโคล่ ยังไม่แล้วเสร็จ
สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อ
ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ อสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
บทบัญญัติและ มาตราสำคัญ มีดังนี้
มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๕๔”
มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นต้นไป
มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี
มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการสร้างทางพิเศษ สายแจ้งวัฒนะ – บางโคล่
มาตรา ๕ ให้ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตาม พระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่เขตราชเทวีและเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร มีส่วนแคบที่สุดสามร้อยห้าสิบเมตร และส่วนกว้างที่สุดหกร้อยเมตร ทั้งนี้
ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี
ประกาศในราชกิจานุเบกษา (คลิก)
เรืองเดิม
อ้างมา
ทางด่วนเวนคืนที่ดินกลางกรุง ราชเทวี-ปทุมวัน ชุมชนบ้านครัวโดนด้วย
การทางพิเศษแห่งประเทศไทยรับ ผิดชอบการเวนคืนที่ดินบริเวณเขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพฯ สร้างทางด่วยสายแจ้งวัฒนะ- บางโคล่ เริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค.นี้ ผ่านซอยพญานาคซึ่งเป็นที่ตั้ง
ของชุมชนบ้านครัวผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการประกาศพระราชกฤษฎีกาเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2551 กำหนดเขตที่ดินบริเวณที่จะเวนคืนในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เพื่อสร้างทาง
การพิเศษสายแจ้งวัฒนะ-บางโคล่ มีผลเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2551 ใช้บังคับนาน 4 ปี โดยให้ผู้ว่าการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืน มีส่วนที่แคบที่สุดสามร้อยห้าสิบเมตรและ
ส่วนที่กว้างที่สุดหกร้อยเมตร โดยพื้นที่ที่ถูกเวนคืนเริ่มตั้งแต่ ถ.พระราม 6 ตัดตรงผ่านซ.พญานาค ทะลุถ.ราชปรารภบรรจบทางพิเศษเฉลิมมหา นคร บริเวณถนนเพลินจิตตัดกับถนนวิทยุสำหรับ
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ เนื่องจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทยไห้ทํา การสำรวจเขตที่ดินเพื่อเวนคืนตามพ.ร.ก. กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตราช
เทวีและเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พ.ศ.2546 เพื่อสร้างทางพิเศษสายแจ้งวัฒนะ- บางโคล่ ยังไม่แล้วเสร็จ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่เขตราชเทวีและเขตปทุมวัน
กรุงเทพฯ เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับ มอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทําการสำรวจเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพ.ร.ก.นี้
รายงานข่าวว่าการเวนคืนที่ดินสร้างทางพิเศษยังครอบคลุมพื้นที่ชุมชนบ้านครัว ซึ่งเคยมีกรณีพิพาทกันตั้งแต่สมัย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อปี พ.ศ. 2536 โดยในสมัย นายชวน
หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ปี 2539 ได้มีการจัดทํา ประชาพิจารณ์ เนื่องจากเกิดความขัดแย้งระหว่างหน่วยงาน ของรัฐกับประชาชนชุมชนบ้านครัว อันเนื่องมาจากโครงการทางด่วนแยกอุรุพงษ์ –
ราชดำริ ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย โดยชาวชุมชนบ้านครัวได้ร่วมกับชุมชนเพื่อนบ้านใกล้เคียงต่อสู้คัดค้านโครงการดังกล่าวมานานกว่า 16 ปีตั้งแต่สมัยที่ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ในฐานะ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยซึ่งรับผิดชอบการทางพิเศษแห่งประเทศไทยให้ใช้มาตรการดังกล่าวเพื่อพิจารณาถึงความสมประโยชน์และความจำเป็นของโครงการ เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ.
2536 โดยเรียกร้องให้ตั้งคณะกรรมการที่เป็นกลางขึ้นชุดหนึ่ง ทําหน้าที่ดำเนินการไต่สวนหา ข้อเท็จจริง และให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยประกาศชี้แจงแผนงาน เอกสารข้อเท็จจริง พร้อมทั้ง
ขอมีส่วนร่วมในการไต่ถามและเสนอพยานหลักฐานและข้อมูลโต้แย้ง ตลอดจนให้การดำเนินการดังกล่าวกระทํา โดยเปิดเผยต่อสาธารณชน และเสนอผลให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยหรือ
รัฐบาลตัดสินชี้ขาดอีกครั้ง โดยไม่ผูกพันตามความคิดเห็นของฝ่ายใด แต่ให้ชี้แจงเหตุผลอย่างชัดเจนและครบถ้วน
หลังจากนั้น พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ได้มีคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 243/2536 ลงวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2536 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาประโยชน์ของถนนรวมและกระจายการจราจรต่อ
ระบบทางด่วนขั้นที่ 2 ขึ้น โดยคณะกรรมการชุดนี้ประกอบด้วย27คณะกรรมการชุดนี้ได้ได้สรุปผลส่ง พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เมื่อวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2536 โดยคณะกรรมการมีมติชี้ขาดว่า
โครงการดังกล่าวไม่เป็นประโยชน์กับการจราจร และไม่เป็นประโยชน์ในทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังสร้างผลกระทบรุนแรงต่อชุมชนบ้านครัว โดยภาระที่เกิดจะตกแก่ชุมชนบ้านครัวมากจนไม่
เป็นธรรม แต่เงื่อนไขของโครงการนี้คือ หากรัฐบาลตัดสินใจไม่สร้างจะต้องเจรจาขอแก้ไขสัญญากับบริษัททางด่วนกรุงเทพจำกัด (มหา ชน) (BECL) ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนที่รัฐทํา สัญญาด้วยเสียก่อน
จึงทําให้ฝ่ายการเมืองตัดสินใจใด ๆ ออกมา ในขณะที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทยไม่ยอมรับความเห็นของคณะกรรมการ โดยอ้างว่าข้อมูลที่คณะกรรมการนำมาพิจารณาเป็นข้อมูลเก่าจากข้อขัด
แย้งดังกล่าวส่งผลให้ไม่สามารถหาข้อยุติในเรื่องดังกล่าวได้ ทําให้ต้องมีการรับ ฟังความคิดเห็นรอบที่ 2 คณะกรรมการได้ยืนยันในมติเดิมว่าควรยกเลิกโครงการ แต่คณะรัฐมนตรีกลับมีมติเมื่อวันที่
28 มีนาคม พ.ศ. 2538 ให้ก่อสร้างต่อไปได้ โดยเลี่ยงลงไปในคลองเพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด แม้ว่าการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนโดยวิธีประชาพิจารณ์ในครั้งนี้ รัฐบาลจะมีมติแย้งกับ
ความเห็นของคณะกรรมการ
ต่อมาในปี พ.ศ. 2539 ได้มีการดำเนินการออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะโดยวิธีประชาพิจารณ์ขึ้น เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดการรับ ฟังความคิดเห็นของ
ประชาชนโดยวิธีประชาพิจารณ์ ระเบียบฉบับนี้มีที่มาจากคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีนายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกรัฐมนตรี ที่แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันพุธที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2538
ได้แต่งตั้ง “คณะอนุกรรมการพิจารณาปรับ ปรุงบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง และวิธีปฏิบัติต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูปการเมือง”ต่อมาคณะรัฐมนตรีได้พิจารณา
และอนุมัติหลักการร่างระเบียบดังกล่าว และมอบให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายโภคิน พลกุล) ร่วมกับเลขาธิการคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาในรายละเอียด ทั้งสองท่านได้พิจารณา
ร่างระเบียบและได้ปรับปรุงชื่อเสียใหม่เป็น “ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับ ฟังความคิดเห็นสาธารณะโดยวิธีประชาพิจารณ์ พ.ศ. ….” หลังจากนั้นสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้
นำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539 โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539 ระเบียบฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ
กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการรับฟังการแสดงความคิดเห็นในปัญหา สำคัญของชาติที่มีข้อโต้เถียงหลายฝ่าย สำหรับ เป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจของรัฐในการดำเนินงาน อันมีผลกระทบต่อ
ประชาชนและยังไม่มีข้อยุติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น