PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2557

"ประจิน"หารือฑูตเกาหลีใต้

เมื่อ 26 มิ.ย.57 พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ./รอง หน.คสช. ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ ให้การต้อนรับ นายจอน แจ-มัน (H.E. Mr.Joen Jae-man) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีใต้ประจำประเทศไทย และคณะ ในโอกาสเข้าพบหารือเกี่ยวกับแนวทางการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่าง ไทย - สาธารณรัฐเกาหลีใต้ โดยเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีใต้ ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่าง ไทย - สาธารณรัฐเกาหลีใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านเศรษฐกิจที่ประเทศไทยเป็นคู่ค้าอันดับ 10 ของสาธารณรัฐเกาหลีใต้ ซึ่งถือว่าอยู่ในอันดับที่มีความสำคัญมาก แต่จากสถานการณ์ทาง การเมืองในห้วงเวลาที่ผ่านมา ทำให้เกิดผลกระทบกับการติดต่อทางด้านเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศทั้งในด้านการลงทุนและการท่องเที่ยวแต่ภายหลังจากที่ คสช. ได้เข้ามาบริหารจัดการ โดยใช้นโยบายคืนความสุขให้กับประชาชน จึงทำให้บรรยากาศทางการเมืองสามารถคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนั้น ได้รายงานให้รัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีใต้ได้ทราบโดยตลอด และรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีใต้ก็เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยทั้งก่อนและหลังการเข้ามาของ คสช.

ในการสนทนาหารือครั้งนี้ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีใต้ ได้นำข้อเสนอในการที่จะส่งเสริมให้นักลงทุนชาวเกาหลีเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น รวมทั้งการชักชวนให้นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้กลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทยให้มากเหมือนเดิม หลังจากที่จำนวนนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ลดลงไปเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากความไม่มั่นใจในสถานการณ์ทางการเมือง และได้ยืนยันว่าสาธารณรัฐเกาหลีใต้จะเป็นมิตร ที่ดีกับประเทศไทยตลอดไป

ทั้งนี้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีใต้ ที่มีความเข้าใจต่อสถานการณ์ของประเทศไทย และ การเข้ามาของ คสช. พร้อมทั้งกล่าวย้ำว่านโยบายคืนความสุขให้กับประชาชนของ คสช. มิได้หมายถึงเฉพาะประชาชนคนไทยเท่านั้น แต่รวมถึงประชาชนทุกคนและทุกชาติที่อยู่ในประเทศไทยด้วย จากการที่เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีใต้ได้ให้คำแนะนำและข้อคิดเห็นต่างๆ นับว่าเป็นประโยชน์และจะรับไปประสานงานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ ทั้งในเรื่องของการลงทุน การท่องเที่ยว และการประกอบธุรกิจทั่วไป ถึงแม้ว่าในช่วงเวลาปัจจุบันประเทศไทยจะอยู่ในช่วงเวลาพิเศษทางการบริหาร แต่การใช้ชีวิตประจำวันทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศยังคงดำเนินไปได้อย่างปกติ มีความปลอดภัย และมีความสะดวกสบายตามที่ควรจะเป็น จึงขอให้มั่นใจในประเทศไทย และเชื่อใจในคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่จะทำให้ประเทศไทยเดินหน้าไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ในเวลาไม่นานนี้

ไม่มีความคิดเห็น: