PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2557

คำเตือนจากกัลยาณมิตร

คำเตือนของกัลยาณมิตร
โดย สิริอัญญา
วันอังคารที่ 2 ธันวาคม 2557
นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการของประชาชน ที่ได้ยืนหยัดต่อสู้ร่วมกับประชาชนที่รักชาติ รักประชาธิปไตยตลอดมาทุกยุคทุกสมัย ได้ออกมากล่าวคำเตือนเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลให้เอาผิดเรียกเงินคืนจากขบวนการโกงชาติในโครงการรับจำนำข้าว
หากใครเป็นนักประจบสอพลอก็รีบไปฟ้องร้องท่านผู้มีอำนาจ ให้ชิงชังรังเกียจนายแก้วสรร อติโพธิ และจะได้ถือเป็นคุณงามความดีของนักประจบสอพลอต่อไป
แต่ในฐานะที่เป็นชาวพุทธ เป็นพุทธบริษัท จำเป็นจะต้องกล่าวว่าในเรื่องนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าเคยตรัสไว้ว่า บุคคลนั้น ตราบใดที่ยังมีผู้เตือน ตราบนั้นยังถือว่าเป็นผู้มีลาภอันประเสริฐ
โดยพระพุทธพจน์ที่ว่านี้ ก็ต้องกล่าวว่าพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่ท่านเป็นหัวหน้าอยู่นั้นเป็นผู้มีลาภอันประเสริฐ เพราะเป็นวิสัยธรรมดาธรรมชาติทั่วไปว่า ยามคนเรามีอำนาจวาสนาขึ้นมาแล้ว ก็จะมีผู้ประจบเอาใจเป็นอันมาก ยากนักที่จะมีใครท้วงติงตักเตือน เพราะเป็นวิสัยโลกเช่นเดียวกันว่าคนเราไม่ชอบให้ใครมาท้วงติงตักเตือน
และคนที่ท้วงติงตักเตือนนั้นก็มีอันเป็นเป็นไปให้เห็นเป็นนิทัศน์อุทาหรณ์ตลอดมา จนเกิดเป็นคำพังเพยสามานย์ของไทยว่า “พูดไปสองเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง” หรือ “รู้อะไรไม่สู้รู้วิชา รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี” ซึ่งเป็นคำสอนที่บัดซบและเป็นรากฐานปัญหาให้กับสังคมไทยมาจนถึงทุกวันนี้
ในเมืองจีนก็มีคติแบบนี้ เคยมีขุนนางในยุคต้นราชวงศ์ชิง สรุปเป็นคติให้กับบรรดาขุนนางทั้งหลายว่า ต้องกราบบังคมทูลแต่เรื่องดีเป็นที่พอพระทัย เรื่องร้ายให้ปกปิดไว้ ไม่กราบบังคมทูล และยังมีคติอีกต่อไปว่า เรื่องร้ายต้องปิดบังฟ้า แต่ต้องเปิดเผยต่อขุนนางเบื้องล่าง จะได้ช่วยกันปิดบังฮ่องเต้
เพราะคติแบบนี้แหละ บ้านเมืองจึงพินาศฉิบหายให้ปรากฏ กระทั่งล่าสุดอังกฤษบุกเข้าถึงกรุงปักกิ่งแล้ว จึงเพิ่งรู้ตัวว่ามีการโกงบ้านกินเมืองกัน จนกระทั่งขื่อแปบ้านเมืองไม่เหลือหรอ และเป็นเหตุให้ถูกบังคับยกดินแดนให้ต่างชาติเช่าถึง 8 เขต จนเกิดคำดูถูกเหยียดหยามของต่างชาติปักป้ายไว้หน้าสวนสาธารณะในเซี่ยงไฮ้ว่าพื้นที่นี้ห้ามหมาและคนจีนเข้า
คดีโกงการรับจำนำข้าวเป็นคดีประวัติศาสตร์ของประเทศชาติ เพราะตัวเลขความเสียหายจากการโกงชาติที่กระทรวงการคลังได้แถลงจากการปิดบัญชีจากโครงการรับจำนำข้าวปรากฏว่ามีผลเสียหายถึง 6.8 แสนล้านบาท และ ป.ป.ช. ก็ได้ระบุว่าเป็นโครงการที่โกงอย่างต่อเนื่องยาวนานเกือบสามปี โกงทุกขั้นทุกตอน
การโกงชาติขนาดใหญ่โตขนาดนี้ จะปกปิดได้มิดเสียที่ไหน และมีน้ำหนักมากเกินไปที่ใครคนใดคนหนึ่งหรือคณะใดคณะหนึ่งจะโอบอุ้มค้ำจุนได้ไหว ต่อให้สิบพลเอกประยุทธ์ ต่อให้สิบคณะ คสช. ก็ไม่มีวันที่จะค้ำจุนอุ้มชูการโกงชาติขนาดนี้ให้รอดปลอดภัยได้
ไม่เห็นหรือ นับวันมวลมหาประชาชนทั่วสารทิศได้ส่งเสียงกันเซ็งแซ่ให้เรียกร้องทวงเงินที่โกงชาติกลับคืนมาให้จงได้ แล้วทำไมจะต้องให้เขามาเรียกร้อง?
ก็เชื่อว่าพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตลอดจนรัฐบาลย่อมไม่ทรยศชาติ ย่อมไม่โอบอุ้มคนผิดคิดชั่วต่อแผ่นดิน และย่อมไม่ปกป้องคนโกงชาติให้รอดปลอดภัยจากการต้องใช้หนี้คืนแผ่นดินอย่างแน่นอน
แต่ขั้นตอนจังหวะก้าวนั้น คงไม่อาจผลีผลามได้ เพราะใคร ๆ ก็ย่อมรู้ว่าสิบปีที่ผ่านมามีการวางกับดักขวากหนามไว้เป็นอันมาก หากผลีผลามแล้วนอกจากการใหญ่ของแผ่นดินจักไม่สำเร็จก็จะเกิดความเสียหายยับเยินตามมาอีกด้วย
นั่นเป็นหลักแห่งโลกนิติและธรรมนิติ ทีนี้จักแสดงในเรื่องราชนิติ อันเป็นเรื่องของบทกฎหมายและพระอัยการทั้งหลายที่มีไว้สำหรับแผ่นดินว่าพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร?
ก็ต้องบอกว่าอันการเป็นรัฐบาลและผู้มีอำนาจในบ้านเมืองนั้น อำนาจทั้งหลายมีขึ้น ตั้งอยู่ เพราะความเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ความที่รัฐธรรมนูญบัญญัติอำนาจไว้ และที่สำคัญคือกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการแผ่นดินที่บัญญัติอำนาจทั้งหลายไว้ เป็นแบบปฏิบัติของการใช้อำนาจรัฐบาล
ไม่ใช่ว่ามีแต่อำนาจที่จะสั่งการหรือบังคับการแต่เพียงอย่างเดียวก็หาไม่ เพราะราชนิตินั้นบัญญัติให้ต้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบด้วย โดยรวมก็คือถึงแม้จะไม่โกงเองก็อาจต้องรับผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญาได้
ซึ่ง ป.ป.ช. เอาผิดกับพวกขบวนการโกงการรับจำนำข้าว และดำเนินคดีกับนางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็เป็นการดำเนินคดีในข้อหาที่ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ
หน้าที่ที่ละเว้นก็คือ ทั้ง ป.ป.ช. และ สตง. ทักท้วงว่ามีความเสียหาย มีการทุจริต แต่กลับไม่สั่งหยุดโครงการ ไม่ป้องกันแก้ไขความเสียหาย และปล่อยให้มีการโกงกันต่อไป
ดังนั้นในวันนี้เมื่อกระทรวงการคลังแถลงผลการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ว่ามีความเสียหาย 6.8 แสนล้านบาทแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี จึงมีหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการแผ่นดินที่จะเรียกร้องให้มีการชดใช้ความเสียหายแก่แผ่นดิน
หากละเลยเพิกเฉยก็เป็นความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หากปกป้องโอบอุ้มค้ำจุนพวกขี้โกงก็เป็นความผิดฐานใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ
ก็ต้องร่วมรับผิดชดใช้ความเสียหายแก่รัฐภายในอายุความ และต้องรับผิดทางอาญาด้วย!

ไม่มีความคิดเห็น: