PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ตำรวจล่าเสี่ยโจ้ซุกเขมร กลับลำพันโจรใต้

ตำรวจยัน"เสี่ยโจ้"ซุกกัมพูชา - กลับลำไม่โยงป่วนใต้

เขียนวันที่
วันอังคาร ที่ 02 ธันวาคม 2557 เวลา 22:12 น.
เขียนโดย
ทีมข่าวอิศรา
ตำรวจสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งเป็นหนึ่งในชุดติดตามตัว นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ ยืนยันว่าได้เบาะแสชัดเจนว่านักธุรกิจชื่อดังรายนี้หลบหนีอยู่ในประเทศกัมพูชา 
jo
          นายสหชัย หลบหนีคำพิพากษาจำคุกของศาลจังหวัดปัตตานีไปตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค.57 ในความผิดฐานปลอมแปลงดวงตราประทับเข้าเมือง ซึ่งศาลสั่งให้ลงโทษจำคุก 1 ปี 8 เดือนโดยไม่รอลงอาญา แต่ระหว่างรอกระบวนการเรื่องยื่นประกันตัวและนำตัวไปที่เรือนจำ ปรากฏว่านายสหชัยได้หนีหายไปจากที่ทำการศาล จากนั้นหน่วยงานด้านความมั่นคงทุกหน่วยในพื้นที่ได้จัดชุดติดตามไล่ล่า รวมทั้งประสานไปยังด่านชายแดนทุกแห่งทั่วประเทศเพื่อสกัดกั้นการหลบหนีออกนอกราชอาณาจักร แต่ก็ไร้วี่แวว
          กระทั่งล่าสุดมีรายงานจากตำรวจชุดติดตามตัวเสี่ยโจ้ว่า พบความเคลื่อนไหวของนายสหชัยหลบหนีไปกบดานที่ประเทศกัมพูชา อาจจะเป็นที่จังหวัดเกาะกง โดยใช้เรือในการหลบหนี ที่ผ่านมามีความพยายามติดต่อขอเข้ามอบตัวหลายครั้ง และมีการต่อรองต่างๆ กับเจ้าหน้าที่ ทว่าระยะหลังเงียบหายไป คาดว่าเมื่อมีการเปิดโปงเรื่องส่วยน้ำมันเถื่อนที่โยงไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐหลายหน่วยงานแล้ว นายสหชัยอาจตัดสินใจไม่เดินทางกลับประเทศไทยในระยะเวลาอันใกล้นี้ 
          อนึ่ง ภายหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ เจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามภัยแทรกซ้อนต่อความมั่นคง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ได้ควบคุมตัว นายสหชัย หรือเสี่ยโจ้ เจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) สหทรัพย์ทวีค้าไม้ เมื่อ 17 มิ.ย.57 เพราะต้องสงสัยว่าเกี่ยวพันกับขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนรายใหญ่ของภาคใต้ พร้อมนำกำลังเข้าตรวจค้น หจก.สหทรัพย์ทวีฯ เลขที่ 103/49 ต.บานา อ.เมืองปัตตานี พบหลักฐานแผ่นตรวจลงตราเข้าเมืองปลอมเป็นจำนวนมาก คาดว่าอาจเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายไม้
          ต่อมาวันที่ 5 ส.ค.57 เจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามภัยแทรกซ้อนฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกรมสรรพากร และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ได้เข้าตรวจค้นและยึดอายัดทรัพย์สินที่เชื่อว่าเป็นของนายสหชัย ที่ หจก.สหทรัพย์ทวีค้าไม้ อีกครั้ง และได้เปิดตู้นิรภัย พบทรัพย์สินและทองแท่งมูลค่านับร้อยล้านบาท
          การเข้าตรวจยึดอายัดทรัพย์สินดังกล่าว เป็นการบังคับคดีจากคดีล้มละลาย คดีแดงเลขที่ 3488/2555 อันสืบเนื่องจากพฤติการณ์เลี่ยงภาษีจำนวน 414 ล้านบาท ซึ่งกรมสรรพากรต้องตามยึดทรัพย์ของนายสหชัย ส่วนการควบคุมตัวนายสหชัยนั้น มีรายงานในเวลาต่อมาว่าเจ้าหน้าที่ได้ปล่อยตัวเป็นอิสระ แต่ภายหลังเขาถูกดำเนินคดีปลอมแปลงแผ่นตรวจลงตราเข้าเมือง จนถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกโดยไม่รอลงอาญาดังกล่าว ทว่าเขาก็หลบหนีไปอีกจากการช่วยเหลือของตำรวจนายหนึ่งซึ่งภายหลังถูกศาลสั่งลงโทษจำคุก 6 เดือนฐานละเมิดอำนาจศาล
          สำหรับ หจก.สหทรัพย์ทวีค้าไม้ เคยถูกคณะทำงานภัยแทรกซ้อนฯ และเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าตรวจค้นมาก่อนแล้ว เมื่อเดือน ต.ค.55 และสามารถยึดของกลางที่น่าจะเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายได้หลายรายการ โดยเฉพาะรถบรรทุกดัดแปลงสำหรับขนน้ำมันได้คราวละ 15,000 ลิตร จำนวน 2 คัน และรถบรรทุกห้องเย็นที่ดัดแปลงสำหรับขนน้ำมันอีก 2 คัน เงินสดสกุลต่างประเทศและเงินบาทไทยประมาณ 23 ล้านบาท รวมทั้งบัญชีรับจ่ายเงินที่เชื่อกันว่าเป็นบัญชีส่วยสำหรับจ่ายเจ้าหน้าที่
          ตลอดกว่า 2 ปีที่ผ่านมา การตรวจสอบบัญชีส่วยไม่มีความคืบหน้า กระทั่งมีการแจ้งข้อหานายตำรวจกลุ่มของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (อดีต ผบช.ก.) ในข้อหาฉกรรจ์ ทั้งหมิ่นเบื้องสูง เรียกรับผลประโยชน์ รวมทั้งรับส่วยน้ำมันเถื่อนภาคใต้ ทำให้มีการเปิดเผยบัญชีส่วยดังกล่าว และเริ่มมีการดำเนินคดี รวมทั้งโยกย้ายเจ้าหน้าที่บางรายที่เกี่ยวข้อง
ตั้ง1ล้านนำจับเสี่ยโจ้-ตร.กลับลำไม่โยงป่วนใต้
          พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) รักษาราชการแทน ผบช.ก. และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ได้สั่งการว่าจะมอบเงินรางวัลนำจับ 1 ล้านบาทให้กับผู้ให้ข้อมูลหรือชี้เบาะแสเกี่ยวกับนายสหชัยว่าหลบหนีอยู่ที่ใด
          หากถามว่ามีโอกาสแค่ไหนที่จะได้ตัวนายสหชัย ก็น่าจะ 50% แต่อาจต้องใช้เวลาหน่อย ขณะนี้มีการประสานกับประเทศเพื่อนบ้านอยู่ และมีการประสานไปยังตำรวจสากล หรือ อินเตอร์โพล เพื่อขอเป็นหมายแดง หรือหมายเฝ้าระวัง เวลาผู้ต้องหาปรากฏตัวที่ประเทศไหนก็จะแจ้งมาที่ไทยว่าขณะนี้อยู่ที่ไหน ถึงแม้ไม่มีหมายจับก็ใช้หมายแดงได้
          ส่วนความเชื่อมโยงระหว่างส่วยน้ำมันเถื่อนกับการก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า เรื่องความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องตัดไปเลย จริงๆ แล้วไม่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องการหาผลประโยชน์จากธุรกิจผิดกฎหมายอย่างเดียว
          อนึ่งก่อนหน้านี้มีการให้ข่าวจากเจ้าหน้าที่หลายหน่วยที่ร่วมกันตรวจสอบส่วยน้ำมันเถื่อนและข้อกล่าวหาต่างๆ ของกลุ่มอดีต ผบช.ก.ว่า เงินผิดกฎหมายจากขบวนการค้าน้ำมันหลบเลี่ยงภาษีนั้น ส่วนหนึ่งถูกส่งไปใช้ในการก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย

ไม่มีความคิดเห็น: