PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2558

อิลลูมินาติ: หัตถ์พระเจ้าจำแลง

การที่ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์แถลงทางโทรทัศน์ที่ถ่ายทอดไปทั่วโลกประณามผู้อยู่เบื้องหลังสารพัดเหตุร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากเกิดเหตุคนร้ายบุกเข้าไปสังหารหมู่บรรณาธิการ นักข่าว และการ์ตูนนิสต์ ประจำนิตยสารแนวเสียดสีล้อเลียนศาสนา “ชาร์ลี เอบโด”
การแถลงด้วยถ้อยคำกำกวมดังกล่าวข้างต้น โดยระบุว่าอาจจะเป็นฝีมือของกลุ่ม "อิลลูมินาติ " ด้วยก็ได้ ส่อว่าอาจต้องการสื่อนัยถึงสหรัฐฯ โดยตรง หนึ่งนั้นอาจจะต้องการแก้แค้นแดนอินทรีที่ชอบยื่นจมูกเข้าไปแทรกแซงหรือยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของคนอื่นโดยไม่แบ่งแยกว่าเป็นเรื่องการเมืองหรือเรื่องส่วนตัว เป็นกิจการภายในของประเทศพันธมิตรอย่างเยอรมนีและฝรั่งเศสหรือไม่ หลังจากชนะเลือกตั้งใหม่ๆ ออลลองด์ถูกสื่อมะกันเปิดโปงว่าว่านอกใจภรรยาแอบไปมีกิ๊กคนใหม่ กระทั่งออลลองด์ต้องแยกทางกับภรรยาตัวจริงในท้ายที่สุด
////////////////
Date: 29 มกราคม 2015
อิสรนันท์ รายงาน
บรรดาหนอนหนังสือโดยเฉพาะผู้ที่เป็นแฟนขาประจำของแดน บราวน์ ผู้ประพันธ์นวนิยายขายดีที่ฮือฮาเกือบทุกเล่ม ตั้งแต่รหัสลับดาวินชี เทวากับซาตาน จนถึงเรื่องสุดท้ายคืออินเฟอร์โน หรือผู้ที่ชื่นชอบประวัติของอัศวินเทมปลาร์ ผู้พิทักษ์นครเยรูซาเล็มในช่วงสงครามครูเสด คงจะร้องอ๋อและไม่ประหลาดใจแต่ประการใด เมื่อได้ยินประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ แห่งแดนตราไก่ฝรั่งเศส แถลงทางโทรทัศน์ที่ถ่ายทอดไปทั่วโลกประณามผู้อยู่เบื้องหลังสารพัดเหตุร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากเกิดเหตุคนร้ายบุกเข้าไปสังหารหมู่บรรณาธิการ นักข่าว และการ์ตูนนิสต์ ประจำนิตยสารแนวเสียดสีล้อเลียนศาสนา “ชาร์ลี เอบโด” ในกรุงปารีสที่ตีพิมพ์ล้อเลียนศาสดาของศาสนาอิสลาม จนเสียชีวิต 12 คน ตามด้วยการบุกจับตัวประกัน 2 แห่ง ทำให้ตัวประกันถูกสังหาร 4 ราย ส่วนคนร้ายถูกวิสามัญใน 2 จุด รวมแล้วมีผู้เสียชีวิตเกือบ 20 ราย ถือเป็นการก่อการร้ายครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 40 ปี ว่า “พวกที่กระทำการสิ่งเหล่านี้ พวกที่เป็นผู้ก่อการร้าย พวกอิลลูมินาติ พวกหัวรุนแรง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอิสลามแต่อย่างใด”
ถ้อยแถลงของประธานาธิบดีออลลองด์ ฝรั่งเศสเท่ากับตอบโต้สื่อตะวันตกหลายสำนักที่พยายามชี้นำว่าตัวการก่อเหตุร้ายนั้นเป็นพวกมุสลิมสุดโต่ง หวังจะล้างแค้นสื่อกระแสหลักหัวเก่ากลุ่มหนึ่ง ซึ่งยังคงเดินหน้ายั่วยุให้เกิดความรุนแรงด้วยการพิมพ์ซ้ำภาพการ์ตูนล้อเลียนศาสดาโมฮัมหมัด โดยอ้างวาทกรรมแบบเดิมๆ ว่าต้องการปกป้องไว้ซึ่งเสรีภาพในการแสดงออกและไม่สนใจผลที่จะเกิดขึ้นตามมา ดังกรณีที่เกิดขึ้นกับหนังสือพิมพ์ “ฮัมเบอร์เกอร์ มอร์เกนโพสต์” ในเมืองฮัมบูร์ก ทางภาคเหนือของเยอรมนีที่ถูกลอบวางเพลิงตีพิมพ์ซ้ำภาพการ์ตูนของนิตยสารชาร์ลี เอบโด หรือเกิดกระแสประท้วงในหลายๆ ประเทศเกือบทั่วทุกทวีป ทั้งยุโรป เอเชีย และแอฟริกา
ขณะที่สื่อมืออาชีพอีกกลุ่มหนึ่งโต้ว่าสิ่งที่สำคัญควบคู่ไปกับการปกป้องเสรีภาพในการแสดงออกก็คือการยึดมั่นในหลักจรรยาบรรณใหม่ว่าสื่อที่ดีจะต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่นำเสนอ รวมทั้งจะต้องช่วยหาทางออกให้สังคมด้วยวิธีการที่สร้างสรรค์ ไม่ใช่ยั่วยุให้เกิดความรุนแรง “เป็นความรับผิดชอบของคนในวงการสื่อ ไม่ใช่เรื่องของเอกสิทธิพิเศษแต่อย่างใด” บทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งให้ความเห็น ขณะที่บรรณาธิการของหนังสือพิมพ์อีกหลายฉบับให้ความเห็นเสริมว่า สื่อส่วนใหญ่ใช่ว่าจะขี้ขลาดหวาดกลัวจนไม่กล้าตีพิมพ์การ์ตูนเสียดสีศาสนา เพียงแต่จะทำด้วยรูปแบบที่นุ่มนวลกว่าเท่านั้น พร้อมกับประกาศจุดยืนว่าเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระที่ทำเช่นนี้ ด้วยข้ออ้างว่ากำลังปกป้องเสรีภาพในการแสดงออก
ที่มาภาพ : http://cromalternativemoney.org/mediafiles/monetarni-monopol.jpg
ที่มาภาพ : http://cromalternativemoney.org/mediafiles/monetarni-monopol.jpg
การที่ออลลองด์แถลงด้วยถ้อยคำกำกวมดังกล่าวข้างต้น โดยระบุว่าอาจจะเป็นฝีมือของกลุ่ม “อิลลูมินาติ “ ด้วยก็ได้ ส่อว่าอาจต้องการสื่อนัยถึงสหรัฐฯ โดยตรง หนึ่งนั้นอาจจะต้องการแก้แค้นแดนอินทรีที่ชอบยื่นจมูกเข้าไปแทรกแซงหรือยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของคนอื่นโดยไม่แบ่งแยกว่าเป็นเรื่องการเมืองหรือเรื่องส่วนตัว เป็นกิจการภายในของประเทศพันธมิตรอย่างเยอรมนีและฝรั่งเศสหรือไม่ หลังจากชนะเลือกตั้งใหม่ๆ ออลลองด์ถูกสื่อมะกันเปิดโปงว่าว่านอกใจภรรยาแอบไปมีกิ๊กคนใหม่ กระทั่งออลลองด์ต้องแยกทางกับภรรยาตัวจริงในท้ายที่สุด
ขณะเดียวกัน ออลลองด์ก็อาจต้องการตอบโต้นางฮิลลารี คลินตัน อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งและอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ที่กล่าวหาแดนปารีเซียงในหนังสือ “ฮาร์ดชอยส์” ว่าทำให้แผนการรบของแดนอินทรีอเมริกาในตะวันออกกลางเสียไป เพียงเพราะอยากจะช่วงชิงการเป็นผู้นำ หรืออาจจะต้องการบอกกับผู้นำทำเนียบขาวโดยตรงว่าฝรั่งเศสสืบรู้ว่าแดนดินอินทรีผยองอเมริกาได้คบคิดกับกลุ่มคลั่งยิวสวมรอยเข้ามาเหยียบจมูกแดนตราไก่ก่อเหตุร้ายขึ้นแล้วป้ายสีว่าเป็นฝีมือของมุสลิมสุดโต่ง
นัยทั้งหมดนี้มาจากคำคำเดียว นั่นก็คือ “อิลลูมินาติ” สำหรับผู้ที่ไร้เดียงสาทางการเมืองอาจจะไม่สะดุดคิดว่าหมายถึงพญาอินทรีอเมริกา หรืออาจจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นชื่อของกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มหนึ่งในบรรดากลุ่มก่อการร้ายร่วมร้อยกลุ่มที่มีชื่ออยู่ในบัญชีดำของสหรัฐฯ สำหรับคนรุ่นใหม่ผู้มีอารมณ์สุนทรีย์อาจจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นชื่อวงดนตรีแนวฮิปฮอปที่มีนักร้องชื่อดังหลายคนอย่างบียอนเซ, เจย์-ซี, ริฮานนา และจัสติน ทิมเบอร์เลค และอาจจะรวมไปถึงนักร้องดังที่ล่วงลับไปแล้วอย่างวิทนีย์ ฮูสตัน, ไมเคิล แจ็คสัน และ พอล วอล์กเกอร์
ขณะที่องค์กรหลายองค์กรก็ใช้ชื่อนี้อย่างเปิดเผยแม้จะไม่มีหลักฐานใดๆ บ่งบอกว่าเกี่ยวข้องกับอิลลูมินาติของแท้ บ้างก็ประกาศว่ามีการจัดแบ่งชั้นผู้นำสูงสุดอย่างชัดเจน การบริหารที่มีลำดับขั้นการบริหารที่ชัดเจนเหมือนกับอิลลูมินาติ บ้างก็ว่ามีคนดังและผู้ทรงอิทธิพลเป็นสมาชิกเหมือนกับอิลลูมินาติซึ่งสมาชิกล้วนแต่เป็นผู้ทรงอิทธิพลในทุกสาขาทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สื่อทุกแขนง ฯลฯ หรืออาจจะออกมาในรูปของพวกคลั่งผิวขาว หรือพวกผิวขาวสุดโต่ง อย่างกลุ่มนีโอนาซี ที่ต้องการกำจัดคนผิวสีอื่นให้หมดสิ้นไปจากโลกนี้
หรือล่าสุดก็คือขบวนการเพกีดา หรือ PEGIDA อันเป็นตัวย่อของชื่อขบวนการภาษาเยอรมันที่แปลว่า“ชาวยุโรปรักชาติต่อต้านกระแสอิสลามในตะวันตก” เป็นกลุ่มรณรงค์ของกลุ่มขวาจัดและอนุรักษ์นิยมในแดนเลียร์เยอรมนี เพื่อต่อต้านการแผ่ขยายอิทธิพลของศาสนาอิสลามไม่ให้ครอบงำประเทศในยุโรปทั้งทางศาสนาและวัฒนธรรมแบบคริสต์ของโลกตะวันตก นอกเหนือจากเรียกร้องให้เยอรมนีเพิ่มความเข้มงวดในการรับผู้อพยพและให้ต่อต้านอุดมการณ์การเมืองรุนแรง เป็นต้น แต่ไม่มีหลักฐานใดๆ บ่งบอกว่าอิลลูมินาติในยุคใหม่นี้มีความทะเยอะทะยานทางการเมืองใดๆ
นวนิยายชื่อดังหลายเรื่องได้นำเรื่องอิลลูมินาติมาตีแผ่ โดยผสมผสานความจริงในประวัติศาสตร์เข้ากับการวางพล็อตเรื่องทฤษฎีการสมรู้ร่วมคิด หรือแต่งขึ้นมาเองล้วนๆ ที่โด่งดังในช่วงนี้ก็คือเรื่องเทวาซาตานของแดนบราวน์ ต่อด้วยเรื่องอินเฟอร์โน ซึ่งได้ตีแผ่อุดมการณ์แท้จริงส่วนหนึ่งของกลุ่มนี้ที่ต้องการครองโลกด้วยการใช้เชื้อโรคเป็นอาวุธเพื่อหวังจะจำกัดจำนวนประชากรโลก ก่อนหน้านี้เคยมีมีบทความหลายชิ้นตีแผ่ว่าอิลลูมินาติได้วางแผนจะใช้อาวุธเชื้อโรคสังหารประชากรโลกราว 90-95 เปอร์เซ็นต์ในปี 2012 เพื่อจะได้ปกครองโลกได้ง่ายขึ้น แม้ว่ากาลเวลาจะพิสูจน์ได้ว่าข่าวลือนี้ไม่มีมูลความจริงเฉกเดียวกับการพยายามแพร่ความคิดว่าโลกจะแตกในปี 2012 กระนั้น หลายคนก็ยังคงเชื่อว่ากลุ่มนี้อาจจะแอบพัฒนาเชื้ออีโบลาให้กลายเป็นอาวุธร้ายแรงยุคใหม่ และได้ทดลองใช้ที่ทวีปแอฟริกา จนขณะนี้คร่าชีวิตผู้คนแล้วอย่างน้อย 8,000 คนในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา
อันที่จริง อิลลูมินาติของแท้เป็นองค์กรลับที่รู้จักกันไปทั่ว ก่อตั้งขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์และนักคิดระดับหัวกะทิ ส่วนใหญ่เป็นชาวยิวที่แคว้นบาวาเรีย ในเยอรมนี เมื่อปี พ.ศ. 2319 หรือราว 300 ปีมาแล้ว จึงเรียกกันว่าบาวาเรียนอิลลูมินาติเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด มีเป้าหมายใหญ่ก็คือต้องการล้มล้างความเชื่อเก่าๆ ที่อยู่ภายใต้การครอบงำของคริสตจักร หรืออีกนัยหนึ่งปฏิวัติความเชื่อใหม่ๆ ทั้งในเรื่องระบบการปกครองและศาสนาเพื่อให้บรรลุความฝันสูงสุดนั่นก็คือต้องการจะครองโลกให้อยู่ในมือของคนกลุ่มหนึ่ง ภายใต้คำขวัญว่า “การจัดระเบียบสำหรับยุคใหม่” ” ถ้าใช้ศัพท์ของชาวสังคมนิยมก็คือต้องการเป็นเจ้าลัทธิครองความเป็นเจ้า สำหรับคอกำลังภายในแล้ว คงร้องอ๋อว่าอุดมการณ์ของพรรคนี้ช่างเหมือนกับ “พรรคมาร” หรือ “ม้อก่า” ในหนังสือกำลังภายในหลายเล่มของกิมย้งและโกวเล้งนั่นเอง
ต่อมา สมาชิกขององค์กรลับนี้ได้แทรกซึมไปในองค์การลับหลายองค์กร โดยเฉพาะกลุ่มฟรีเมสัน องค์กรลับเก่าแก่ที่สุดที่ก่อตั้งในช่วงศตวรรษที่ 17 โดยพัฒนาแนวคิดมาจากอัศวินเทมปลาร์ ทั้ง 2 กลุ่มต่างมีแนวคิดทะเยอทะยานทะยานเหมือนๆ กัน นั่นก็คือต้องการเข้าไปควบคุมระบบการเงิน เศรษฐกิจ สถาบันการบริหารสูงสุด และวัตถุดิบของโลก มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่ากลุ่มนี้อยู่เบื้องหลังการขบวนการล้มเจ้าหรือล้มล้างสถาบันกษัตริย์ของหลายๆ ประเทศในยุโรป ตลอดจนอาจมีส่วนสำคัญในการปฏิวัติฝรั่งเศส รวมถึงการประกาศอิสรภาพของอเมริกา
สมาชิกระดับนำของกลุ่มอิลลูมินาติส่วนหนึ่งได้อพยพไปตั้งฐานปฏิบัติการในทวีปใหม่อเมริกาและสามารถฝังตัวในหมู่ผู้นำประเทศ กระทั่งสามารถสร้างรังลับอยู่ในทำเนียบขาว เชื่อกันว่าประธานาธิบดีและนักการเมืองชื่อดังหลายคนล้วนแต่เป็นสมาชิกขององค์กรลับนี้ เท่าที่มีการเปิดเผยชื่อ อาทิ ประธานาธิบดีจอร์จ วอชิงตัน, รูสเวลท์ และเบนจามิน แฟรงคลิน เป็นต้น นักวิชาการหลายคนได้ยกหลักฐานชวนเชื่อมาพิสูจน์ความจริงข้อนี้อย่างน้อย 2 ชิ้นใหญ่ ชิ้นแรกก็คือผังเมืองของกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งถ้ามองจากมุมสูง จะเห็นนครหลวงแห่งนี้เป็นรูปดาว อันเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มอิลลูมินาติ
ที่มาภาพ : https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiMi9KP7-WIZKHEFACs40F6-HzElhUBeAnI81-aWD1ezqn-nEu9lC8v19HfKEc-dYrAifou2RmgN5fWRedqPEum99wd1mOLn-bf-TiL2MHZgyT_1sKSax9QYIJQnDQvtiNkxCv4ScP5mQ/s1600/DOCUMENTI+VARI+081.jpg
ที่มาภาพ : https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiMi9KP7-WIZKHEFACs40F6-HzElhUBeAnI81-aWD1ezqn-nEu9lC8v19HfKEc-dYrAifou2RmgN5fWRedqPEum99wd1mOLn-bf-TiL2MHZgyT_1sKSax9QYIJQnDQvtiNkxCv4ScP5mQ/s1600/DOCUMENTI+VARI+081.jpg
หลักฐานอีกชิ้นหนึ่งก็คือตราแผ่นดิน เป็นภาพพีระมิดสร้างไม่เสร็จ มีดวงตาอยู่บนยอดซึ่งหมายถึงสามารถจับตามองโลกอยู่ พร้อมด้วยข้อความว่า “Novus Ordo Seclorum” หรือการจัดระเบียบสำหรับยุคใหม่ ซึ่งหลายคนเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ขององค์กรลับนี้ ต่อมาภายหลังต่อมารัฐบาลได้นำภาพตราแผ่นดินมาตีพิมพ์ลงบนด้านหลังของธนบัตร 1 ดอลลาร์ ถ้าใครได้ดูภาพยนตร์เรื่อง “ลอร์ด ออฟ เดอะ ริง” ตั้งแต่ภาคแรกจนถึงภาคจบ จะเห็นภาพหอคอยที่มีดวงตาลุกเป็นไฟกราดมองไปทั่ว เหมือนกับล้อเลียนว่าอิลลูมินาติกำลังจับตาดูโลกไม่มีผิด
แม้กระทั่งประธานาธิบดีจอร์จ บุช หลายคนก็เชื่อว่าเป็นสมาชิกหรือตกอยู่ใต้การครอบงำของกลุ่มอิลลูมินาติที่ฝังตัวอยู่ในทำเนียบขาว เมื่อประกาศด้วยความอหังการ์เมื่อปี 2533 ว่าสหรัฐฯ ต้องการจัดระเบียบโลกใหม่ และบุชผู้ลูกได้สานความฝันของพ่อด้วยการส่งทหารยาตราทัพไปจัดระเบียบใหม่ในอัฟกานิสถานและอิรัก จนเหมือนกับเป็นอาณานิคมยุคใหม่ของแดนดินถิ่นอินทรีผยอง ภายใต้ข้ออ้างว่าต้องการกวาดล้างกลุ่มก่อการร้าย แต่เบื้องหลังก็คือยึดครองเส้นทางน้ำมันโลก แม้กระทั่งประธานาธิบดีบารัก โอบามา เอง หลายคนเชื่อว่าตกอยู่ใต้การครอบงำของสาวกอิลลูมินาติที่แทรกซึมอยู่ทั่วทำเนียบขาว จนมีนโยบายแข็งกร้าวมากขึ้นในการจัดระยียบโลกใหม่ในตะวันออกกลางและอีกหลายภูมิภาคทั่วโลก
นักประวัติศาสตร์หลายคนที่เชื่่อในทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดนี้ได้อ้างอิงหลักฐานหลายอย่างเพื่อยืนยันว่ากลุ่มนี้ยังคงมีอิทธิพลในทำเนียบขาว หลักฐานล่าสุดก็คือกรณีสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ รวมทั้งซีไอเอและเอฟบีไอ อันเป็น 3 หน่วยงานหลักในด้านการจารกรรมได้ร่วมกันขโมยข้อมูลส่วนตัวของมะกันชนหลายสิบล้านคนผ่านการดักฟังทางโทรศัพท์และการเจาะข้อมูลต่างๆ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ นอกเหนือจากดักฟังโทรศัพท์ของผู้นำทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรและศัตรู รวมทั้่งประชาชนกว่าพันล้านคนที่กระจัดกระจายอยู่ตามประเทศต่างๆ ทั่วโลก ตอกย้ำเป้าหมายหลักของกลุ่มนี้ที่ต้องการจับตามองผู้คนทั่วโลก ภายใต้ข้ออ้างซ้ำซากว่าต้องการป้องกันการก่อการร้าย
แม้จะสามารถครอบงำทำเนียบขาวและทำเนียบรัฐบาลของหลายประเทศ รวมทั้งระดับนำในกองทัพ ตลอดจนผูกขาดการเป็นผู้นำกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ของโลก มีนักการเมือง มหาเศรษฐี และตระกูลดังผู้ทรงอิทธิพลคับโลกทั้งในสหรัฐฯ ยุโรป หรือแม้กระทั่งในตะวันออกกลาง เป็นสมาชิกลับ แต่อิลลูมินาติยังคงทำตัวเป็นเงาที่มองไม่เห็น คอยชักใยอยู่เบื้องหลังการยึดครอง บงการ และครอบงำโลกเหมือนเดิม และได้ขยายเครือข่ายควบคุมสถาบันการเงินหลักของโลก รวมทั้งธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ธุรกิจทุกประเภท บริษัทเวชภัณฑ์ข้ามชาติ ที่สำคัญก็คือยังได้ควบคุมสื่อยักษ์ใหญ่ยักษ์เล็กทุกแขนง รวมไปถึงฮอลลีวู้ด ให้เป็นเครื่องมือล้างสมองชาวโลกทุกคน จนผู้บริโภคสื่อสับสนไม่รู้ว่าอะไรคือความจริง อะไรคือความเท็จ อาทิการปลูกฝังว่าใครบังอาจตั้งตัวเป็นศัตรูของสหรัฐฯ ก็หมายถึงเป็นศัตรูของชาวโลกที่จะต้องถูกกำจัดให้พ้นทาง เหมือนดังเช่นการกำจัดอดีตประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน แห่งอิรัก หรืออดีตประธานาธิบดีโมอัมมาร์ กัดดาฟี แห่งลิเบีย
ที่มาภาพ : https://lospecchiodelpensiero.files.wordpress.com/2013/04/piramideilluminatiwashingtonevidenziata.jpg
ที่มาภาพ : https://lospecchiodelpensiero.files.wordpress.com/2013/04/piramideilluminatiwashingtonevidenziata.jpg
หรือการขยันสร้างภาพอเมริกาว่าเป็นตำรวจโลก เป็นวีรบุรุษผู้พิทักษ์สันติภาพและประชาธิปไตยของโลก เป็นนักบุญผู้ช่วยเหลือโลกให้พ้นภัย แม้โฉมหน้าแท้จริงจะเป็นซาตานที่สองมือเต็มไปด้วยคราบเลือดของผู้บริสุทธิ์นับแสนๆ คน การใช้สื่อเป็นเครื่องมือโจมตีจีนว่าเป็นตัวการทำให้โลกร้อน ทั้งๆ ที่แท้จริงแล้วตัวการใหญ่คือบริษัทอเมริกันนั่นเอง เมื่อเร็วๆ นี้มีการแฉกันว่าอเมริกาเป็นเจ้าของอาวุธมหาประลัยที่ร้ายแรงยิ่งกว่าอาวุธนิวเคลียร์ นั่นก็คือการสร้างสนามพลังแม่เหล็กโลกที่สามารถบังคับสภาพดินฟ้าอากาศให้แปรปรวนกลายเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติ อาทิ พายุ สึนามิ แผ่นดินไหว หรือบังคับให้ภูเขาไฟระเบิด ราวกับหัตถ์พระเจ้าจำแลง ฯลฯ ดังที่ปรากฏในภาพยนตร์ของฮอลลีวู้ดหลายเรื่อง หรือการผลิตยาซึ่งแท้ที่จริงก็คืออาวุธเชื้อโรคที่ทำให้คนตายคราวละจำนวนมาก จะได้จำกัดจำนวนประชากรโลกไม่ให้มากเกินไป
นักทฤษฎีสมคบคิดหลายคนเชื่อว่าตั้งแต่ตั้งประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นต้นมา สาวกอิลลูมินาติผู้ทรงอิทธิพลคับฟ้าทางการเมืองได้ดัดแปลงทำเนียบขาวให้เป็นรังลับหรือกองบัญชาการใหญ่ขององค์กรลับกลุ่มนี้ ซึ่งพร้อมจะกำจัดใครก็ตามที่ขวางทาง มีข่าวลือที่ไม่ยืนยันว่าอิลลูมินาติเป็นการตัวการสั่งเก็บประธานาธิบดีลินคอล์น ประธานาธิบดีเจเอฟเค ตลอดจนคนดัง นักร้องนักแสดงดังหลายคน อาทิ เจ้าหญิงไดอานา, มาริลิน มอนโร, จอห์น เลนนอน, ไมเคิล แจ็กสัน ฯลฯ แต่ก็ไม่มีหลักฐานใดๆ มาพิสูจน์ความเชื่อนี้ได้ จนหลายคนโต้กลับว่าเป็นการกุเรื่องขึ้นมาเอง
ประธานาธิบดีอัลลองด์ซึ่งคงรู้ซึ้งถึงทฤษฎีสมคบคิดในการจัดระเบียบโลกใหม่ จึงได้ปรามอิลลูมินาติว่าอย่าวาดหวังว่าจะครอบงำโลกอย่างง่ายๆ อีกต่อไป โดยอาศัยน้ำผึ้งหยดเดียวที่ปารีสให้เป็นชนวนของเหตุรุนแรงทั่วโลก

ไม่มีความคิดเห็น: