PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2558

จดหมายเปิดผนึกถึง “พี่” ขรรค์ชัย บุนปาน “พี่” ปล่อยให้มี “คอลัมน์” หน้า 3 ไว้ทำไม.

จดหมายเปิดผนึกถึง “พี่” ขรรค์ชัย บุนปาน
“พี่” ปล่อยให้มี “คอลัมน์” หน้า 3 ไว้ทำไม..
ปล่อยให้มันทำลายเกียรติภูมิมติชน หรือ !
ผมคิดอยู่หลายตลบว่าควรจะเขียนบทความนี้ในลักษณะใด ลักษณะแรกเขียนแบบคนไร้การศึกษา ด่ากราดคนเขียน “คอลัมน์” ในหน้า 3 ไปจนถึงผู้บริหารที่ปล่อย “คอลัมน์” นี้ไว้
ลักษณะที่สองเขียนแบบผู้ดีที่ตักเตือน คนเขียน “คอลัมน์” และผู้บริหารที่ปล่อย “คอลัมน์” นี้ไว้ – แล้วผมก็ตัดสินใจใช้การเขียนในลักษณะที่สองครับ
ประการหนึ่ง ผมไม่เลวพอที่จะใช้สำนวนไพร่ใช้คำเสียดสีใส่ใคร ประการหนึ่ง ผมได้รับความเมตตาจาก “พี่ช้าง” ขรรค์ชัย บุนปาน เปิดช่องให้ผม “แจ้งเกิด” ในวงการสื่อมวลชน
หากเขียนในลักษณะแรกผมก็ไม่ต่างจากคนเนรคุณ “พี่ช้าง” – ผมไม่ได้เรียนนิเทศศาสตร์ หรือวารสารศาสตร์ หรือจะว่าไปมิได้จบปริญญาตรีเสียด้วยซ้ำไป
หากมิได้ “มือพี่ช้าง” เปิดประตูให้ก้าวเข้าไปสู่ หนังสือพิมพ์ประชาชาติ รายวัน (ต้นแบบหนังสือพิมพ์มติชนวันนี้) เมื่อปี 2519 ผมก็คงไม่มีโอกาสโลดแล่นอยู่ในบรรณโลกกับเขาแน่
แม้การเริ่มต้นชีวิตนักหนังสือพิมพ์ของผมที่หนังสือพิมพ์ประชาชาติ รายวัน จะอยู่ในบ้านหลังน้อยคือฝ่ายโฆษณา แต่ผมก็ลอบเข้าไปในบ้านใหญ่คือกองบรรณาธิการอยู่บ่อยครั้ง(ฮา)
เมื่อเป็นนักข่าวที่ประชาชาติ รายวันไม่ได้ ผมก็ไปเป็นนักข่าวที่หนังสือพิมพ์ประชาธิปไตย รายวัน ก่อนที่จะหวนกลับมาสู่ชายคาหนังสือประชาชาติอีกครั้ง เมื่อปรับแนวเป็น สื่อเศรษฐกิจ
สรุปคือ ผมได้กลับมาสู่ถิ่นเกิดอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งในคราวนี้ผมได้เป็นนักข่าวนักเขียนทำนิตยสารไลฟ์สไตล์ แถมในประชาชาติธุรกิจ ด้วยความภาคภูมิใจอย่างที่สุด ที่ได้อยู่ในค่ายที่เต็มไปด้วยคุณภาพ
ผมจำเป็นต้องย้อนอดีตกลับไปเมื่อ 39 ปีที่แล้วให้ “พี่ช้าง” ขรรค์ชัย ค่อย ๆ นึกตาม จะได้นึกได้ว่า ผมเป็นใคร ทำไมจึงหาญกล้าส่งจดหมายเปิดผนึกถึง “พี่” เยี่ยงนี้
พี่ช้างครับ หนังสือพิมพ์มติชน มีอายุยาวนานมาก เป็นหนังสือพิมพ์ที่ไม่ต่างจากสถาบันสื่อที่สร้างนักข่าวนักคิดนักเขียนกระจายไปอยู่สื่อต่าง ๆ ในขณะนี้เกือบทั้งหมด
มติชนเป็นหนังสือพิมพ์ที่ทรงอิทธิพลทั้งในวงการเมืองและเศรษฐกิจ ที่สามารถซึมลึกเข้าไปสู่มวลชนได้ไม่น้อยหน้าหนังสือพิมพ์หัวสีที่มีลีลาเผ็ดมันและดุเดือดเลือดพล่าน
มติชนเป็นหนังสือพิมพ์ที่เคยนำเสนอข่าวที่แม่นยำ มีบทวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งเชื่อถือได้ มีบทสัมภาษณ์บุคคลผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และเป็นหนังสือพิมพ์คุณภาพ เพื่อคุณภาพของประเทศ
แต่วันนี้ “พี่ช้าง” รู้หรือไม่ว่า หนังสือพิมพ์ที่เคยเป็น “กระจกเงา” ที่ฉายภาพของสังคมได้อย่างคมชัดนั้น กำลังกลายเป็น “กระจกเงา” ที่ฉายภาพบิดเบี้ยว เหมือนสร้างภาพหลอน หลอกประชาชนไปแล้ว
ในแง่ข่าวทั่วไปผมไม่ใส่ใจเพราะจะเปลี่ยนไปตามกระแส แต่ในแง่ของบทสัมภาษณ์ในหน้า 2 ที่ “จองตัว” นักวิชาการไว้กลุ่มเดียว เพื่อแสดงความเห็นในทางการเมืองนั้น มันเหมือน “ยัดเยียด” ให้คนอ่าน
และที่ผมอยากพูดถึงก็คือ การปล่อยให้มี “คอลัมน์” ที่ไม่มีทั้งชื่อคอลัมน์ และชื่อคนเขียน เหมือนปล่อยให้คนหน้าตัวเมียแอบใช้สำนวนเสียดสีชาวบ้านนั้น – ผมคิดว่าน่าเกลียดมากครับพี่
วันนี้พี่ลองสอบถามฝ่ายจัดจำหน่ายดูเถิดว่ายอดขายของ มติชนรายวัน และมติชนสุดสัปดาห์ เป็นอย่างไร แต่เท่าที่ผมดูตามแผงหนังสือพิมพ์ที่ผมเคยภูมิใจ เหลือกองพะเนินครับพี่
ผมไม่เก่งกาจหรืออาจหาญเรียกร้องให้พี่ปรับปรุง มติชน หรอกนะครับ เพียงขอทำหน้าที่คนที่รู้คุณคนรายงานให้พี่ทราบถึงสิ่งที่มติชนเปลี่ยนแปลงไปเท่านั้นเอง ด้วยความเคารพรักครับ !

ไม่มีความคิดเห็น: