PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

กสม.เชิญ พ่อ-แม่-ชาวบ้าน ที่เกี่ยวข้องกับ 14 นศ. ทหารโผล่อัดวีดีโอ

กสม.เชิญ พ่อ-แม่-ชาวบ้าน ที่เกี่ยวข้องกับ 14 นศ. พูดคุย "นพ.นิรันดร์" ฉุน เจ้าหน้าที่ทหารโผล่สังเกตการณ์-บันทึกภาพ พร้อมสั่งโทรเช็คต้นสังกัด ระบุเป็นการแทรกแซงการทำงานของกสม.
http://www.matichon.co.th/online/2015/07/14359125651435912612l.jpg

เมื่อเวลา 10.00 น. วัน ที่ 3 กรกฎาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ประธานอนุกรรมการสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง กสม.จัดประชุมเพื่อรับฟังข้อเท็จจริง กรณีการจับกุม 14 นักศึกษากลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ โดยมีผู้ปกครอง อาจารย์ของนักศึกษา พร้อมด้วยชาวบ้านที่เคยทำงานภาคประชาชนร่วมกับกลุ่มดาวดิน และผู้แทนจากสภาทนายความ เข้าร่วมการประชุมด้วย

โดยนายวิบูลย์ บุญภัทรรักษา บิดานายจตุรภัทร บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน กล่าวว่า เรื่องนี้เริ่มต้นจากการที่นายกฯลงพื้นที่ขอนแก่นแล้วลูกไปชู 3 นิ้ว จากนั้นก็ได้มีการเรียกไปปรับทัศนคติ และเรียกคุยหลายครั้ง ทั้งนี้ ตนทราบว่าลูกทำกิจกรรมกับชาวบ้านวังสะพุง ทั้งนี้ การทำกิจกรรมก่อนที่จะถูกจับนี้เขาก็คิดว่าสามารถทำกิจกรรมได้ เพราะขณะนั้นมีทั้งตำรวจและทหารอยู่ในพื้นที่จำนวนมาก ซึ่งเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่พอทำกิจกรรมเสร็จไปแล้วกลับมาตามจับย้อนหลัง แล้วโยงเข้ากฎหมายอาญา มาตรา 116 ซึ่งแล้วตอนที่ทำกิจกรรมทำไมไม่ห้าม อยากให้ทางกสม.ในส่วนนี้       

ขณะที่นางเรวดี สิทธิสุราษฎร์ มารดานายรัฐพล ศุภโสภณ หรือบาส นักศึกษากลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (2 กรกฎาคม) มีเจ้าหน้าที่ทหารนอกเครื่องแบบมมาพบ พร้อมจะเชิญไปพบผู้บังคับบัญชา ซึ่งเขาไม่ได้แสดงบัตรว่าเป็นใคร เราจึงไม่ไป เพราะรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย ไม่น่าไว้ใจ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ทหารนอกเครื่องแบบนั้นเขาถามว่าต้องการให้ช่วยอะไร เราก็ขอว่า ถ้าบอกผู้บังคับบัญชาได้ก็อยากให้ปล่อยเด็กๆเสีย เพราะพวกเขาไม่ใช่กบฎ เขาก็รักชาติไม่แพ้ทหาร และต้องการที่จะแสดงออกในวาระอันสมควร เวลาเขาไปทำกิจกรรม เขาไม่เคยบอกเราเลย เขาไม่ต้องการมวลชนไม่ว่าเสื้อสีไหน ไม่ต้องการให้นักการเมืองมายุ่ง 10 ปีมานี้ สังคมเรามันแย่ แต่เด็กเหล่านี้กลับถูกหล่อหลอมให้ทำกิจกรรมซึ่งเป็นสิ่งที่น่ายินดีไม่ใช่หรือ เพราะพวกเขาคืออนาคตของชาติ        

นางเรวดี กล่าวอีกว่า ทำไมต้องใช้วิธีรุนแรงกับเด็ก ทำลายอนาคตของชาติ เขาเพียงกลุ่มเล็กๆ ที่ต้องการแสดงความคิดเห็นที่เขาพอจะทำได้โดยไม่ได้ก่อให้เกิดอันตราย หรือทำลายความมั่นคงของใคร แม้แต่คสช. หรือรัฐบาล อยากให้สังคมมองเขาดีๆ ให้โอกาส ให้พื้นที่เขา แค่นี้ก็จบ ไม่ต้องทำลายหรือกำจัดกันขนาดนั้น เขายังต้องไปเรียน ยังต้องเติบโต เราต้องส่งไม้ต่อให้พวกเขา ถ้าจะให้ดีก็อยากให้มองกันในแง่ดี ผู้ใหญ่เข้าใจเด็ก เขาไม่ได้สร้างความวุ่นวาย แค่ 14 คน ประเทศยังเดินหน้าไปได้ แต่ที่ทำนี้เด็กๆ ก็เดือดร้อน จึงไม่อยากให้มาถึงจุดนี้ หากกสม.จะช่วยเหลืออะไรได้ก็อยากให้ช่วย แต่ข้อเรียกร้องของคนเป็นแม่จะไปตรงกับความต้องการของเด็กๆ หรือไม่นั้น ก็ต้องบอกว่าไม่มีอำนาจที่จะไปบังคับเขาได้ เพราะไม่มีใครไปบังคับเขาได้ เขาจะตัดสินใจอย่างไรก็อยู่ที่กลุ่มของพวกเขา แต่อย่ายัดข้อหาให้เขา ขอกระบวนการยุติธรรมที่ควรจะเป็น ไม่ใช่บอกให้เขาเซ็นชื่อแล้วรับปากว่าจะไม่จับเขาแล้วก็มาจับเขา           

จากนั้นที่ประชุมได้ให้ตัวแทนชาวบ้านจากพื้นที่ที่กลุ่มดาวดินเคยเข้าไปช่วยเหลือในด้านสิทธิมนุษยชนสิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วยกลุ่มอนุรักษณ์สิ่งแวดล้อมบ้านนามูล จังหวัดขอนแก่น บ้านดงมูล จังหวัดกาฬสินธุ์ และกลุ่มคนรักบ้านเกิด เหมืองทอง จังหวัดเลย กล่าวถึงกิจกรรมที่ผ่านมาของกลุ่มดาวดินในทำนองเดียวกัน ว่า รู้จักกลุ่มดาวดิน เพราะนักศึกษาลงไปให้ความรู้ชาวบ้าน เมื่อครั้งมีบริษัทนายทุนเข้าไปสำรวจปิโตรเลียมในพื้นที่จนกระทบกับสิ่งแวดล้อมในชุมชน ซึ่งกลุ่มดาวดินทำให้ชาวบ้านได้รู้ถึงสิทธิเสรีภาพของตัวเอง ไม่ได้มีลักษณะเป็นการปลุกระดมชาวบ้านให้ก่อม็อบหรือสร้างความวุ่นวายในสังคม และที่สำคัญไม่มีความเกี่ยวข้องกับการเมืองแต่อย่างใด 


อีกทั้งยังระบุอีกว่าตั้งแต่ที่มีการรัฐประหาร ชาวบ้านก็ไม่สามารถจัดกิจกรรมที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมได้อีก เนื่องจากเจ้าหน้าที่มักจะโยงให้กลายเป็นประเด็นทางการเมืองจนทำให้เกิดความอึดอัด กลุ่มดาวดินจึงลุกขึ้นมากิจกรรมโดยมีเบื้องหลังคือความเดือดร้อนของชาวบ้าน ดังนั้นการที่ชาวบ้านในพื้นที่ไปให้กำลังใจเหมือนเป็นความผูกพันทางใจ เพราะเห็นว่าการสนับสนุนผู้ที่ปกป้องชุมชนนั้นไม่ใช่การทำลายชาติหรือความมั่นคงแต่อย่างใด        

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่กำลังมีการชี้แจงถึงการทำกิจกรรมของกลุ่มดาวดินในการช่วยชาวบ้านที่ผ่านมานั้น ชาวบ้านที่เข้าร่วมประชุมหลายคนถึงกับหลั่งน้ำตาและขอร้องให้ปล่อยตัวนักศึกษาที่ถูกจับกุมโดยเร็ว 
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่มีการชี้แจงช่วงหนึ่งได้มีเจ้าหน้าที่แต่งกายคล้ายทหารเข้ามาในห้องประชุม จนทำให้นพ.นิรันดร์ พักการประชุมและให้เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวแนะนำตัว ซึ่งระบุว่าเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจากกรมธนารักษ์ ถูกสั่งให้มาบันทึกภาพและสังเกตการประชุม

โดยนพ.นิรันดร์ กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวถือเป็นการแทรกแซงการทำงานของกสม. เพราะกรมธนารักษ์ไม่ได้ทำหนังสือขออนุญาตก่อน เข้ามาโดยพลการ นพ.นิรันดร์จึงกำชับว่าให้กลับไปรายงานผู้บังคับบัญชาให้ถูกต้อง หากข้อมูลผิดเพี้ยนจะดำเนินการฟ้องร้องเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว เพราะไม่ไว้ใจในการเสนอข้อมูล พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่กสม.ไปตรวจสอบกับกรมธนารักษ์ถึงจุดประสงค์ในการส่งคนเข้ามาสังเกตการประชุม         

จากนั้น นายแสงชัย รัตนเสรีวงษ์ อนุกรรมการด้านสิทธิชุมชน ในฐานะฝ่ายพยานผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่า ได้ตั้งข้อสังเกตจาก 2 ข้อกล่าวหาในการจับกุมกลุ่มนักศึกษาที่ทำผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และขัดคำสั่งคสช.ที่ห้ามชุมนุมเกิน 5 คนนั้น หากแยกตามพฤติการณ์ดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จ.ขอนแก่น ที่หน้าหอศิลป์กรุงเทพ หรือที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนิน มาเทียบเคียงกับฐานความผิดตามข้อกล่าวหานั้น เห็นว่าไม่มีข้อใดที่เข้าข่ายว่ากระทำความผิด เนื่องจากจุดมุ่งหมายตั้งแต่รัฐธรรมนูญฉบับ 2540 จนถึงฉบับชั่วคราว 2557 ได้มีการรับรองเรื่องประชาธิปไตยและประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจ

หากกล่าวหาเช่นนี้คงต้องมีการอธิบายว่าผิดอย่างไร อีกทั้ง หากผิดทางอาญา ควรต้องขึ้นศาลอาญาหรือไม่ ขนาดสมัยจอมพลสฤษดิ์ หรือจอมพลถนอม ก็ใช้ศาลอาญาในการดำเนินคดี เราไม่ได้บอกว่าการวิธีพิจารณาคดีของศาลทหารไม่คำนึงถึงหลักเสรีภาพ แต่มองว่าศาลอาญาจะมีความเชี่ยวชาญและความเคยชินกับวิธีพิจารณาความอาญา มากกว่า ซึ่งประเด็นนี้มีผลต่อสาระสำคัญอย่างมาก ที่กสม.ต้องให้ความสนใจ        

น.ส.รัตนมณี พลกล้า อนุกรรมการด้านสิทธิชุมชน กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของนักศึกษาที่รัฐบาลออกมาระบุว่ามีกลุ่มการเมืองอยู่เบื้องหลังนั้น ตนเห็นว่าเป็นหน้าที่ของรัฐที่ต้องพิสูจน์ความจริงมีหลักฐานที่ประจักษ์และยืนยันได้ แล้วค่อยไปตั้งข้อกล่าวหา เนื่องจากอาจเกิดความเข้าใจผิดกับนักศึกษาเหล่านี้ว่ามีเจตนาล้มล้างรัฐบาล ซึ่งคงไม่ใช่แบบนั้น อีกทั้งการที่ศาลทหารมีข้อกำจัดในการอุทธรณ์และฎีกา เพราะเป็นศาลชั้นเดียว ย่อมไม่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีนี้อย่างแน่นอน ขณะเดียวกันขอให้ กสม.ตรวจสอบการคุกคามทนายความกรณีการตรวจค้นรถของทนายความของนักศึกษาทั้ง 14 คน เนื่องจากทนายความจะมีกฎหมายคุ้มครองในการเก็บรักษาความลับของลูกความ      

สุดท้าย นพ.นิรันดร์กล่าวสรุปว่า การชี้แจงในวันนี้เพื่อเป็นการตรวจสอบให้เห็นว่ากลุ่มดาวดินทำงานกับคนยากจน ในการช่วยเหลือด้านสิทธิมนุษยชนและสิทธิชุมชนมาตั้งแต่ปี 2540 ในฐานะกลุ่มดาวดินสามารถเรียกว่าเป็นนักต่อสู้สิทธิมนุษยชน ซึ่งที่ผ่านมาตนได้รับข้อความในลักษณะที่เป็นการสาดโคลนเข้าหากันโดยไม่เข้าใจข้อมูลที่เท็จจริง ตนจึงเชิญกลุ่มชาวบ้านที่รู้จักกลุ่มดาวดินมากกว่า 10 ปี มาชี้แจง ไม่เช่นนั้นสังคมจะไม่ข้ามพ้นความขัดแย้ง เพราะตนไม่อยากให้กลับไปเหมือนเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519

ส่วนประเด็นทางกฎหมายและการกระทำของรัฐที่มีการตั้งข้อหากบฎ ใช้ศาลทหาร แม้คิดว่ามีความชอบธรรม แต่ถ้าจะให้ชอบธรรมมากขึ้นต้องยึดหลักนิติธรรม สิทธิมนุษยชน พยานหลักฐานต่างๆ ต้องชัดเจน รวมทั้งในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ที่มีการค้นรถทนายความ ซึ่งตนจะเชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และสภาทนายความ มาชี้แจงอีกครั้งในวันที่ 8 กรกฎาคมนี้   

ไม่มีความคิดเห็น: