PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ขืนผ่อนผันต้องบั่นประเทศขาย เปลว สีเงิน

03072558 ขืนผ่อนผันต้องบั่นประเทศขาย เปลว สีเงิน
พี่เปลว ตีปัญหาของสื่อ
ต้องรีบปฏิรูปสื่อ ให้เสนอความจริง มีความรับผิดชอบ
ไม่ใช่สื่อของทุนบางส่วน ที่ใช้สื่อ รับใช้ผลประโยชน์ของตน ทำให้ประเทศเสียหาย
.....................
มันจะเว่อร์ไปหน่อยมั้ง....โดยเฉพาะโทรทัศน์ช่อง TNN
พอเรือประมง "แค่ส่วนหนึ่ง" ที่ไม่ยอมทำตามกฎหมาย จอด-ไม่ออกจับปลาปุ๊บ ก็ประโคมข่าวปั๊บ.......
"ปลาขาดตลาด ราคาพุ่งพรวด"!
เรือขนาด ๓๐ ตันกรอสที่พร้อมใจกันหยุดนี้ เป็นเรืออวนรุน-อวนลาก-อวนล้อม เป็นการทำประมงชนิด "ล้างผลาญปลาทั้งทะเล"
เพราะความถี่ของอวนที่ใช้ อย่าว่าแค่ลูกปลาเลย ขนาด "ไรน้ำ" ยังยากหลุดรอดวงล้อมอวนไปได้!
เรียกว่าทั้งบรรดา "สัตว์น้ำ" ไม่มียกเว้นชนิด-ประเภท-ขนาด พวกเรือประมงอวนล้อม-อวนรุน-อวนลาก
กวาดหมดทั้งท้องทะเล!
เอาไปทำอะไร...ปลาตัวเล็ก-ตัวน้อย กระจ้อยร่อย-กระจิริด?
ลากขึ้นเรือแต่ละรอบเห็นกองเป็นภูเขาย่อมๆ จะว่าเอาไปขายให้คนกินตามตลาด มันก็จะดูบ้าทั้งคนกิน-คนขาย เพราะเล็กเกิน
หลักๆ เอาไปเข้าโรงงานผลิตอาหารสัตว์ โรงงานน้ำปลา ที่โตขึ้นมาหน่อย ทำเป็นของกินประเภท "เสริมแคลเซียม"
ส่วนปลาขายตามตลาด ไม่ได้มาจากเรือพวกนี้โดยตรง ส่วนหนึ่งจะมาจากเรือประมงชายฝั่ง ประมงชาวบ้าน
พวกนี้ "สด-ปราศจากสารเคมี" เพราะเข้าฝั่งวัน-ต่อวัน ซึ่งประมงชาวบ้าน เป็นวิถีธรรมชาติ อยู่นอกข่ายกฎหมายควบคุมฉบับนี้
และขณะนี้ ประมงชายฝั่งก็ออกหาปลาตามปกติ ได้มาก็เอามา "ขายปลีก-ขายส่ง" ตลาด มากน้อยก็สุดแต่วันไหนจับได้มาก-ได้น้อย ส่วนจะถูก-จะแพง ว่ากันตามคุณภาพ
ฉะนั้น อย่าหลับหู-หลับตา "มโนข่าว" เห็นเรือประมงหยุดปุ๊บ ก็ออกข่าวปลาขาดตลาด และขึ้นราคาปั๊บ
มันยังไม่ขาดและขึ้นราคาเร็วขนาดนั้นหรอก........!
เพราะปกติ เรือขนาด ๓๐-๖๐ ตันกรอสที่ออกไปจับปลานั้น เป็นเดือน-ครึ่งเดือน หรือหลายวัน กว่าจะกลับเข้าฝั่ง
นั่นหมายถึง ปลาที่จับได้เมื่อวาน ไม่ได้เอามาขายตลาดวันนี้ จะถูก "แช่เย็น" แล้วราดน้ำยาเคมีเสริมโหงวเฮ้งให้ดูสดเสมออยู่ในห้องเย็นใต้ท้องเรือ เป็นหลายๆ วัน
อย่างเช่น ปลาทู ก็โน่น...อย่างเร็ว ๑ ปี อย่างปกติอีก สองปี-สามปี ถึงจะออกจากห้องเย็น กระจายตามท้องตลาดให้ซื้อหากัน
ไม่เป็นอย่างข่าวที่วี้ดว้ายกันว่า เรือประมงหยุดปุ๊บ ปลาขาดตลาดปั๊บ นั่นหรอก!?
เพราะประมงด้วยเรือกว่า ๓๐-๖๐ ตันกรอส เป็นประมงระบบธุรกิจอุตสาหกรรม ทั้งห้องเย็น, อาหารทะเล, อาหารสัตว์ แบบแปรรูป-ไม่แปรรูป
เรือเทียบท่า ปลาก็เข้าสู่วงจรธุรกิจอุตสาหกรรม แยกประเภทเข้าห้องเย็น ก่อนจำแนก-แยกประเภทไปตามลูกค้า
บางส่วน เก็บไว้แข็งเป็นหิน ทยอยป้อนตลาดไล่เรียงกันไป รับใหม่เข้ามา ทยอยเก่าออกไป หมุนเวียนอย่างนี้
ฉะนั้น ไปอีสาน-ไปเหนือถึงดอยอินทนนท์ ก็ยังมี "ซีฟู้ด" ให้กินไง!
ที่พูดนี่ กันคนหลงตามข่าว หรือถูกพ่อค้า-แม่ค้า "โก่งราคา" เกินเหตุ
ที่เรือประมงอ้าง "ต้องหยุด" เพราะกลัวถูกจับ เนื่องจากปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายไม่ได้นั้น แค่เรือส่วนหนึ่ง
ส่วนที่ปฏิบัติตามกฎหมายได้ ทั้งเรือ ๓๐-๖๐ ตันกรอส อีกตั้งหลายหมื่นลำ เขาก็ออกทะเลกันตามปกติ
ฉะนั้น ปลายังมีกิน ถึงไม่มีก็ยังมีปลาน้ำจืด ปลาเขมร คงไม่แพงเว่อร์จนต้องตื่นเต้น เป็นข่าวเขย่าเมืองอย่างนั้นหรอก
ผมอยากเรียนท่านนายกฯ ลุงตู่ว่า "อย่าผ่อนปรน-ผ่อนผัน" อีกเป็นอันขาด!
เรื่องเรือประมงผิดกฎหมายนี้ อย่าไปโทษอียูว่าเขาแกล้ง มันเป็นข้อเท็จจริงควรปฏิบัติ และเขาปฏิบัติกันทั้งโลก ไม่งั้น กุ้ง-หอย-ปู-ปลา จะเกิดไม่ทันให้คนกิน
หรือแค่ได้เกิด ไม่ทันโต พวกเรือประมง อวนรุน-อวนลาก-อวนล้อม ก็กวาดทะเลเอาไปซะแล้ว!
"องค์การอาหารโลก" เขาก็ห่วง จึงมีกฎระเบียบออกมา ไทยเราก็เห็นดี-เห็นงาม เซ็นรับทราบตกลงไว้แล้วตั้งแต่ปี ๒๕๕๑ โน่น
กฎ-กติกา กับไทย อียูกำหนดเริ่มแต่ปี ๒๕๕๓ แต่ไทยก็แบบไทยนั่นแหละ รับทราบ แต่ไม่รับปฏิบัติจริงจัง
กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมเจ้าท่า-กรมประมง ก็อย่างว่า....ข้าราชการไทยๆ เอาตำแหน่ง แต่ไม่เอางาน จนกว่าถึงเส้นตาย-ไฟลนก้นนั่นแหละ จะลนลานออกมา........
"กำลังดำเนินการอยู่ครับ"
ครั้นถาม.....ไหนล่ะ ที่ว่าดำเนินการ?
ก็จะบอก...เจ้าหน้าที่เราน้อย กำชับลงไปแล้วครับ!
พวกรัฐบาลกับข้าราชการ "ขนมจีน-ผสมน้ำยา" แบบนี้มาตลอด คนไทยก็เลยมีนิสัยแบบนี้ กฎหมาย-กฎระเบียบ ไม่ต้องสนใจ รอจนถึงเส้นตาย โวยวายนิดหน่อย......
เดี๋ยวรัฐบาลก็จะผ่อนผัน...ขยายเวลาให้เอง!
เป็นอย่างนี้มาตลอด คนไทยชินกับการไม่ตรงเวลา ชินกับข้อยกเว้น ชินกับสิทธิพิเศษ ชินกับการฝ่าฝืนกฎกติกา ชินกับคำว่า...เดี๋ยวก็อภัยโทษ
กรณีเรือประมงนี่เหมือนกัน..........
ทำดื้อตาใส สไตรค์ไม่ออกทะเลด้วยอ้าง "กลัวถูกจับ" บังหน้า แต่หวังใช้ผลกระทบเรื่องตลาด เรื่องแรงงาน เรื่องอาหาร เรื่องอุตสาหกรรม เป็นตัวบีบและกดดัน
ให้รัฐบาล "ผ่อนผันการทำประมงผิดกฎหมาย" ออกไปอีก เป็นครั้งร้อยและที่ล้าน!
บ้านเมืองเละเทะ สังคมประเทศ-สังคมคน พัฒนาการทางจิตสำนึก "ต่ำมาตรฐาน" กว่าชาติอื่นลงไปเรื่อยๆ ก็เพราะการบริหารและปกครองของไทย เอะอะก็อะลุ้มอล่วย ผ่อนผัน ขยายเวลา ยกเว้น นี่แหละ
จนได้ชื่อว่า ไทย มีกฎหมายมากที่สุดในโลก
คนไทย...ชอบ "ไม่ทำตามกฎหมาย" มากที่สุดในโลก
รัฐบาลไทย รับทุกเรื่อง แต่ไม่ทำซักเรื่อง และชอบสิทธิพิเศษมากที่สุดในโลก!
ที่เรือประมงหยุดเชิงประท้วง ก็หวังให้รัฐบาลผ่อนผัน "ให้ทำประมงผิดกฎหมาย" ได้ต่อไป เหมือนที่ผ่อนผันมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งนั่นแหละ
ถูกต้องแล้วที่นายกฯ ลุงตู่ ยืนกราน "ไม่ผ่อนผัน"!
อ้างไม่สามารถทำให้ถูกกฎหมายได้ ฟังแล้วทุเรศ มาตรการที่เขาให้ปฏิบัตินั้น ดูแล้ว เป็นพื้นฐานควรทำ
อย่างเช่น ต้องตีทะเบียนเรือ ต้องมีใบอาชญาบัตร และทำให้ตรงตามอาชญาบัตร ไม่ให้ใช้อวนตาถี่กวาดจับปลาไม่เลือกชนิด ต้องจัดทำระบบติดตามตำแหน่งเรือที่เรียก VMS ลูกเรือต่างชาติต้องมีใบอนุญาต เป็นต้น
เรือลำละ ๑๐-๒๐ ล้าน มีได้ แต่ให้ติด VMS ๒-๓ หมื่นอ้างแพง ให้ตีทะเบียนเรือก็อิดออด ให้ใช้เครื่องมือจับปลาตรงตามที่ขออนุญาต ก็บอก ต้องใช้ทุนมาก
สรุปแล้ว เอาแต่ได้ และที่สำคัญ อวนรุน-อวนลาก-อวนล้อม มันเป็นประมงโลภ-ล้างผลาญ กินปลาทั้งทะเลตัวเล็ก-ตัวน้อยเอาหมดในคราวเดียว
ไม่เพียง "ไม่ผ่อนผัน" ควรต้องจับกุมให้เป็นตัวอย่าง โดยเฉพาะ เรือเถื่อนสวมทะเบียน
ไม่ออกทะเลกันเลยหมื่น-สองหมื่นลำยิ่งดี กุ้ง-หอย-ปู-ปลา จะได้มีเวลา-มีชีวิตผสมพันธุ์-ขยายพันธุ์ และได้เติบโต
อ่าวไทยจะได้มีปลากลับมาเสียที ชาวบ้านร้านตลาดจะได้กินอาหารทะเลที่ไม่แช่สารพิษดังทุกวันนี้จากประมงชาวบ้าน ประมงชายฝั่งแทน
ปัญหา "ดื้อกฎหมาย" เอะอะก็รอผ่อนผันจะไม่เกิด ถ้า "กรมเจ้าท่า-กรมประมง" เอาไหนมากกว่าที่เป็นอยู่
ถ้ารัฐบาล คสช.ไม่ขืนนิสัย-ขืนสันดานสังคมไทยในคราวนี้
ก็...ยากแล้ว........
ที่จะเห็นประเทศไทย โดยคนไทยจะศิวิไลซ์ด้วย "อารยวัฒนธรรมสำนึก" บนความรับผิดชอบ และเคร่งครัด-จริงจังต่อกฎระเบียบ "ร้อยรัดสังคม" สู่ความเป็นไทยคุณภาพ
๑๔ คราบนักศึกษา ทำผิดกฎหมาย พวกจานข้าวหมา ก็บอกให้ปล่อยทันที เรือประมงผิดกฎหมาย ก็บอกไม่สามารถทำให้ถูกกฎหมายได้
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ พกปืนเข้าไปในสนามบินที่ญี่ปุ่น โฆษกตำรวจไทย ซึ่งรู้กฎหมาย และเป็นผู้รักษากฎหมาย ก็บอกปืนเล็กนิดเดียว อายุมากแล้ว ลืมติดอยู่ในกระเป๋า ไม่น่าจะมีอะไร
เพราะทัศนคติอย่างนี้มีอยู่ทั่ว จึงไม่แปลกที่คนพวกหนึ่งโหยหา "ระบอบทักษิณ" ฉะนั้น นายกฯ ลงตู่..........
ต้อง "แข็งเพื่อชาติ"!.

ไม่มีความคิดเห็น: