PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2558

"พลเอกประยุทธ์” ยกคำ “มีชัย” อยากให้คนไทยตอบแทนคุณแผ่นดิน ย้ำ 22 พ.ค.เสี่ยงชีวิตเข้ามาแก้ปัญหาประเทศ

Back to the past.
"พลเอกประยุทธ์” ยกคำ “มีชัย” อยากให้คนไทยตอบแทนคุณแผ่นดิน ย้ำ 22 พ.ค.เสี่ยงชีวิตเข้ามาแก้ปัญหาประเทศ รู้ว่าผิดกม. ชี้ถ้าปชช.ไม่ยอมรับคงอยู่ไม่ได้ ย้อนถามอยาก back to the past กลับไปแตกแยกแบบเดิมๆ เปิดช่องต่างชาติส่งกองกำลัง peace keeping เข้าประเทศหรือ ลั่นประเทศมีศักดิ์ศรี ไม่เคยเป็นเมืองขึ้นใคร แจงสปท.สานต่อปฏิรูป ไม่ได้ตอบแทนคว่ำร่างบวรศักดิ์ ขอให้รอกรธ.ร่างรธน.ก่อนคิดเรื่องแก้รธน.ชั่วคราว ระบุส่วนตัวอยากรณรงค์ออกมาใช้สิทธิประชามติกันทั้งประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุม ครม. ถึงการทำงานวันแรกของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ว่า ตนให้กำลังใจตลอด และเมื่อวันที่ 5ตุลาคมที่ผ่านมาก็ให้กำลังใจมาแล้ว คิดว่าทุกคนเสียสละ ประธานกรธ.ก็บอกว่าทำเพื่อตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ตนอยากให้คนไทยทุกคนที่อยู่บนแผ่นดินนี้ ที่ยืนอยู่ทุกวัน ซึ่งประเทศนี้มีศักดิ์ศรี มีอิสรเสรี ไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร มีวันชาติ วันต่อสู้ของเรามาตลอด ต้องภูมิใจตรงนี้ จะแตกแยกกันไปทำไม เดี๋ยวก็ต้องไปอยู่กับคนอื่นเขา เพราะประเทศล้มเหลว (fail state) เงินทองไม่มี ต้องไปกู้ธนาคารโลกมาใช้จ่าย ซึ่งก็เห็นตัวอย่างกันอยู่แล้ว เดี๋ยวก็รบกัน ประชาชนแบ่งเป็นพวกเป็นฝ่ายรบกัน อีกหน่อยต่างชาติส่งกองกำลังรักษาสันติภาพ(Peace Keeping) เข้ามา เธอก็อยู่กันไปแล้วกัน

เมื่อถามว่า มีการพูดคุยเรื่องคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและปรองดองแห่งชาติ (คปป.) กับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ.หรือยัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่ได้คุย แต่นายมีชัย บอกว่าจะเอาแนวทางรัฐธรรมนูญทุกฉบับมาดู รวมถึง รัฐธรรมนูญ ฉบับที่แล้วด้วย อะไรที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ก็จะหารือกันในกรธ. ซึ่งตนได้มอบกรธ.ไปแล้ว ทำไมตนจะต้องไปคุยว่าจะต้องออกอย่างนู้นอย่างนี้ ตนไม่คุยหรอก ตนบอกเพียงว่าทำอย่างไรจะให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ และไม่เกิดปัญหาเดิมๆ ขึ้นมาอีก ไม่เกิดความขัดแย้ง เศรษฐกิจดีขึ้น ความเหลื่อมล้ำหายไป ประชาชนมีส่วนร่วม ในการบริหารราชการแผ่นดิน สิ่งไหนถูกต้อง ก็ต้องสนับสนุนรัฐบาล ไม่ใช่ต่อต้านกันตลอด ทั้งนี้ที่ผ่านมากฎหมายอาญายังไม่ปฏิบัติกันเลย แล้วถามว่ามีรัฐธรรมนูญจะปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญหรือไม่
“วันนี้ต้องสอนคนให้รักษากฎหมาย ทั้งกฎหมายกฎหมายอาญา กฎหมายแพ่ง ซึ่งวันนี้มีทุกอัน แม้แต่พ.ร.บ.การชุมนุมก็ออกมาแล้ว ก็ยังออกมาเดินอยู่นั่น วันหน้าจะทำอย่างไร ตอนนี้มันผิดกฎหมายกันอยู่แล้ว ฉะนั้นจึงเตือนเอาไว้ก่อน ยังให้เวลา ถือว่ายังปรับตัวกันอยู่ แต่ทุกคนก็ไม่กลัวกฎหมายเลย ถ้าเป็นอย่างนี้เขียนรัฐธรรมนูญอีกร้อยฉบับก็ไม่ได้เรื่อง เพราะรัฐบาลใครก็ไม่รู้เข้ามาจะทำหรือเปล่า ตามรัฐธรรมนูญ แล้วจะแก้รัฐธรรมนูญอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ และประชาชนจะตีกันอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะทุกคนไม่กลัวกฎหมายทั้งสิ้น ตรงนี้จะว่ากันอย่างไร วันข้างหน้าสื่อไปไล่เอาแล้วกัน วันนี้ก็กำลังทำทุกอย่างและผมก็ไม่ได้ห่วงว่ารัฐบาลไหนจะเข้ามา เพราะท่านเป็นคนเลือกเข้ามา แต่ผมห่วงประเทศชาติจะอยู่ได้หรือไม่เท่านั้นเอง ถ้าไม่ได้ ผมก็ไม่อยู่ด้วย ท่านก็อยู่กันไปผมถือว่าทุ่มเทให้ทุกอย่างแล้ว แม้แต่ชีวิตผมก็ให้ วันนี้ผมทุ่มเทชีวิตมีใครเสี่ยงเท่าผมบ้าง และผมเข้ามาเพื่ออะไร เพื่อประโยชน์หรือ สลึงนึงยังไม่ได้เลย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามถึงการที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ระบุว่าควรจะมีกลไกเข้ามาควบคุมรัฐบาลใหม่ให้เดินตามกรอบปฏิรูปที่วางไว้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คณะกรรมการชุดที่แล้วคิดมาว่าควรจะมีกลไกเพื่อทำให้รัฐบาลหน้าสืบทอดในการแก้ปัญหาไประยะเวลาหนึ่ง ไม่ใช่ตลอดชีวิต ตลอดชาติ หากอยากให้เป็นปรกติหรือไม่ต้องมีกลไกอะไรเลย ก็ไม่ต้องร่างรัฐธรรมนูญ ตนก็ไม่ต้องเข้ามา ทำไมไม่คิดกันแบบนี้บ้าง

เมื่อถามว่า ที่ระบุว่าเสี่ยงชีวิตเข้ามา ตั้งแต่เข้าสู่ตำแหน่งมา มีใครข่มขู่ท่านหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนเข้ามาแบบนี้ก็เสี่ยงกับกรผิดกฎหมาย ถ้าตนไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชน ตนก็อยู่ไม่ได้ ถ้าไม่สำเร็จแล้วจะเกิดอะไรขึ้น รู้กฎหมายตรงนี้กันหรือไม่ ตนรู้อย่างนี้ยังทำเลย เพราะเห็นคนไทยเดือดร้อนไม่ได้ โดยที่ไม่มีการแก้ไข ตนบอกหลายทีแล้ว ก่อนวันที่22 พฤษภาคม 2557 มันแก้อะไรไม่ได้ มันมีตนคนเดียวที่แก้ได้ ด้วยกฎหมายของตน กฎอัยการศึกเท่านั้น เมื่อไหร่จะเข้าใจ ประชาธิปไตยไหนก็แก้ไม่ได้ เพราะมันติดอยู่อย่างนั้น ถ้าวันนั้นตนไม่เข้ามา วันนี้ก็ยังติดอยู่อย่างนั้นจนถึงวันนี้ แล้วตายอีกเท่าไหร่ก็ยังไม่รู้ มันก็ไม่ยอมกันทั้งหมด รัฐธรรมนูญก็แก้ไม่ได้ กฎหมายก็แก้ไม่ได้ บริหารราชการก็ไม่ได้ ทุจริตก็เกิดขึ้น ทำไม่ได้ทั้งนั้น งบประมาณปี 2557 ก็ใช้ไม่หมด ตั้งงบประมาณปี 2558 ไม่ได้ วันนี้ไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนทั้งหมด จะทำมาค้าขายอะไรกับใครเขาได้ งบประมาณไม่มี ทำไมไม่คิดตรงนั้นกันบ้าง อยากแต่ประชาธิปไตย

“เดี๋ยวย้อนกลับไปได้ไหม back to the past อะไรซักอย่าง back to the future ไม่ได้แล้ว ดูซิวันนี้ทำใหม่เป็นร้อยเรื่อง กฎหมายสามสี่ร้อยฉบับมีใครทำให้หรือไม่ แล้วถ้าไม่ทำ มันจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้า ทำแล้วผมยังไม่รู้เลยเขาจะเชื่อฟังกันหรือเปล่า เพราะบ้านนี้สอนให้คนไม่เคารพกฎหมาย ไอ้ผมก็พยายามสอนให้คนเคารพกฎหมาย มันจะได้ไม่ไปกระทบกระเทือนระหว่างกัน สังคมอยู่ได้อย่างเป็นสุข กฎหมายมีหน้าที่แค่นั้น ถ้าตัวเองไม่ทำความผิด แล้วถูกเรียกร้องว่าให้สินบนต่างๆ ก็ฟ้องมาซิ ผมจะสอบให้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตั้งด่าน ฟ้องมาเลย ผมจะเรียกสอบให้ แต่อย่ามาเหมาทั้งหมดว่าเขาเลว สรุปว่าคนทำงานเลวหมดเลยหรืออย่างไร ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่เลวหมด แล้วคนดีจะอยู่อย่างไร ถ้าไม่มีข้าราชการ แล้วจะอยู่กันอย่างไร ผมไม่รู้ ประชาธิปไตยไม่ต้องมีข้าราชการมีหรือไม่ ไม่ต้องมีทหาร ไม่ต้องมีตำรวจ ปกครองกันเองมีหรือไม่ในโลกใบนี้ จะเอาแบบต่างประเทศทิ้งระเบิดกันโครมๆ จะเอาแบบนั้นก็เอาซิ ผมไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว พร้อมกับระบุว่า วันนี้ไม่ได้อารมณ์เสียอะไร วันนี้ใจเย็นที่สุดแล้ว ใจเย็นทุกวัน ไปอยู่เมืองนอกมา 8-9วันก็คิดถึง มันเงียบหู น้ำหนักลดลง 3-4 กิโลกรัมเพราะตรอมใจ ไม่ได้กลับมาต่อปากต่อคำกับคน แต่ทั้งหมดตนก็พยายามที่จะชี้แจง

เมื่อถามว่า สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่มีสมาชิกสปช.อยู่ถึง 60 คน และมีผู้ที่เคยโหวตไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับล่าสุดถึง 40 คน จึงถูกมองว่าเป็นการตอบแทนสมาชิกสปช.เหล่านี้โดยการให้มาอยู่ในสปท. นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คนที่ให้ผ่านก็บอกว่าเข้าข้างตน คนที่ไม่ให้ผ่านก็บอกว่าเข้าข้างตนอีก มันจะบ้าหรือเปล่าวะ จะเอาอย่างไร คนเหล่านี้ก็คัดมาจากผู้ที่มีความรู้ในสิ่งที่ทำไปแล้ว ก็ต้องเอาเข้ามาบ้าง อีกพวกหนึ่งก็เอาเข้ามาเพื่อให้เกิดความสมดุล ก็มีพรรคการเมืองเข้ามาหลายคน ไม่เห็นหรือ อย่าบอกนะว่าไม่รู้เรื่อง อย่ามาบอกว่าไม่เกี่ยวข้อง อะไรก็ไม่เกี่ยวๆ ถึงเวลาบอกไม่รู้เรื่อง แล้วคนพวกนี้อยู่พรรคไหน จะลาออกอย่างไรตนไม่สนใจ ถือว่าเคยอยู่พรรคนั้นมาก่อน เข้ามาหมดก็เข้ามาหมด ฉะนั้นอย่ามาบอกว่าไม่รู้เรื่องอีก

เมื่อถามว่าในรัฐธรรมนูญชั่วคราว ทำไมจึงไม่ระบุว่าประชามติต้องใช้เสียงข้างมากของ ผู้มีสิทธิออกเสียงออกเสียงทั้งหมดหรือผู้มาใช้สิทธิให้ชัดเจน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องให้กรธ.ร่างรัฐธรรมนูญก่อน วันนี้ยังไม่มีเดี๋ยวเขาก็ต้องเขียน ต้องแก้รัฐธรรมนูญชั่วคราว ทำไมเสียงข้างมากข้างน้อยจะเป็นปัญหาอย่างไร ตนไม่รู้ ใครจะมากจะน้อย จะผ่านหรือไม่ผ่าน แต่ตนอยากให้คนออกมาใช้สิทธิทั้งหมด ต้องรณรงค์แบบนี้ ให้ออกมาใช้สิทธิกันให้มากที่สุด ไม่ใช่ทั้งหมดมีสิทธิออกเสียง40-50 ล้านคน แต่มาเลือกตั้ง 20 กว่าล้านแล้วบอกว่านี่คือคะแนนเสียงของคนทั้งประเทศ ตนว่าไม่ใช่ คนที่พูดแบบนี้คิดผิด จะคิดในทางลบแบบนั้นไม่ได้ ต้องมีวิธีใหม่ คนไทยต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ ต้องมองไปข้างหน้า อย่างที่บอกตั้งแต่วันแรก มองให้พ้นตัวเองหน่อย ถ้าติดตัวเองจะไปไม่ได้ทั้งหมดทุกเรื่อง ติดนั่นติดนี่ เดี๋ยวเราไม่ได้ผลประโยชน์อะไรต่างๆ ก็แล้วแต่

ไม่มีความคิดเห็น: