๓เดือน หลัง ปฏิบัติการเจาะไอร้อง๔๗ จากปาหี่ปล้นปืน เผาโรงเรียน สู่ มิคสัญญีใต้ ฆ่ารายวันพระ-ชาวบ้าน บานปลายสู่ปฏิบัติการอุ้ม ทนายเจไอ. สมชาย นีละไพจิตร หายตัวลึกลับ องค์กรลับจุดชนวนขัดแย้งศาสนา ถึงวันนี้ ไฟใต้ยังไม่ดับ จอมบงการ ยังไม่ถูกจับ แถมปล่อยข่าวเบี่ยงปม แบ่งแยกดินแดน ซัดทอด วาดะห์
ตัดภาพย้อนความ บทบันทึก การดำเนินไปของสถานการมิคสัญญีปักษ์ใต้ ที่ยังมิบรรเทาเบาบางลงแม้มีกระบวนการจัดทัพใหม่ไล่ลงไปตั้งแต่รัฐมนตรี จนถึง แม่ทัพนายกอง แม้กระทั่ง ผบ.ตร.หลังสถานการณ์คุโชนไฟใต้ในปรากฎการณ์ยืดเยื้อบานปลาย ที่ไม่เคยบังเกิดขึ้น ณ ดินแดนด้ามขวาน ถึงวันนี้เป็นอย่างไร คดีปล้นปืนอันคาราคาซัง ที่ยังไม่จบแค่การจับกุม กำนันโต๊ะเด็ง ซึ่งให้การซัดทอด ๑ สว.๒ ส.ส. ไปจนถึงการโยกย้ายสั่งสอบ๘นายทหารในพื้นที่ เปลี่ยนตัว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือ แม่ทัพภาคที่๔ ถึงวันนี้ สถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ ยังคุกรุ่นเต็มไปด้วยปัจจัยแทรกซ้อนจากทั้งภายในและภายนอก ในขณะที่การคลี่คลายคดีที่เกิดขึ้นแม้จะยังไม่อาจบ่งชัดว่าบรรดาผู้ต้องหาปล้นปืนเผาโรงเรียน เป็น แพะ หรือไม่ แพะ อย่างไร เพราะขาดความครบซึ่ง หลักฐาน คือปืนที่ถูกปล้น แต่สิ่งหนึ่งที่ปรากฎให้เข้าใจคือ การแบ่งชัดของ ๒ ขั้วข้างความขัดแย้ง ที่อิงแอบการเมือง ผลประโยชน์ ในความมั่นคงของชาติ โดยซัดทอดไปยังฟากข้างที่สามที่เป็น ตัวแปร ในทุกปรากฎการณ์ปัญหาความมั่นคงภาคใต้มาตลอดระยะเวลาหลายสิบปี อย่างกลุ่มที่มีแนวคิดอุดมการณ์ แบ่งแยกดินแดน
@@๓เดือนเจาะไอร้อง๔๗
หากนับถึงวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๔๗ นี้ ถือได้ว่า สถานการณ์ไฟใต้ นับแต่คืนแห่ง ปฏิบัติการเจาะไอร้อง๔๗ ปฏิบัติการปล้นปืน เผาโรงเรียน แบบยุทธการของกองกำลังติดอาวุธที่เชี่ยวยุทธการรบ ครบรอบ ๓ เดือนเต็ม แห่งความยืดเยื้อของสถานการณ์ภาคใต้ที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เคยเกิดเหตุการณ์ไฟใต้ในหลายยุคสมัยรัฐบาลในอดีต เป็น๓เดือน แห่งความเป็นไปที่ยังไม่คลี่คลายไปมากนักทางคดี(ภายใต้การดูแลของตำรวจที่ในที่สุดได้ตกเป็นจำเลยของสังคม จากการออกมาแฉของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธแดง ที่พุ่งตรงไปยังอดีต ผบ.ตร.ซึ่งขัดขวางการลงไปตามปืนเพื่อทวงศักดิ์ศรีของทหาร) หรือแม้แต่สถานการณ์ และหลังจาก ปฏิบัติการ ปาหี่ปล้นปืน ค่ายกองพันทหารพัฒนา ตามที่ นสพ.ร่วมด้วยช่วยกัน (ฉบับที่๒๑๐ วันที่ ๒๓-๒๕ ก.พ.๔๗)นำเสนอในตอน เปิดแผนปล้นปืนใต้ แกะรอยเบื้องลึกเบื้องหลัง นาทีต่อนาที ปฏิบัติการปาหี่ ปล้นปืน กองพันทหารพัฒนาที่ ๔ จ.นราธิวาส กับปมใครสมคบลักลอบนำอาวุธส่งขายกลุ่มกบฎ อาเจะห์ และใครอยู่เบื้องหลังปล่อยข่าวหารือของนายกฯกับจุฬาราชมนตรี เพื่อเบนประเด็นทำเพื่อใคร ตัวละครที่ร่วมกันวางแผนปฏิบัติการ เจาะไอร้อง๔๗ ทั้ง๑๑คนเกี่ยวอะไรกับจอมบงการ ส.เสือ ที่มีเป้าหมายอันสอดรับองค์กร CIAที่ต้องการหยุดยั้งอำนาจรัฐ... นำเสนอไว้ และเกิดปรากฎการณ์ต่อยอดของสถานการณ์เรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็นความพยายามเคลียร์ความชัดเจนในเหตุการณ์และสิ่งที่อยู่เบื้องหลังคำว่า ปาหี่ ที่โยงใยไปสู่ครหาการทุจริตคอรัปชั่น
@@ปืนยังหายลังเลจัดฉาก
บทดำเนินที่ล่วงเลยของสถานการณ์อันยืดเยื้อซึ่งภาะความพลิกผันในรูปแบบความรุนแรงใน๓จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากปัจจัยแทรกซ้อนทั้งภายในและภายนอกประเทศ ไปจนถึงการสอบสวน ผู้เกี่ยวข้อง ทั้ง ทหารในหลายระดับ รวมไปถึงการจัดกระบวนทัพใหม่ ตั้งแต่การปรับ ครม.เปลี่ยนตัว มท.๑ รมว.กลาโหม รวมถึงการเปลี่ยนตัว ผบ.ตร.และโยกย้ายตำรวจระดับ พ.ต.อ.-พ.ต.ท.ในพื้นที่ภาคใต้ ล้วนแล้วแต่ดำเนินไปเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งที่ถูกสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งมาโดยตลอดระยะเวลาการดำเนินไปของ แผนเจาะไอร้อง๔๗ นับตั้งแต่การวางแผนการ ที่ สถาบันการศึกษาระดับประเทศ แห่งหนึ่ง ย่านถนนวิภาวดี-รังสิต โรงแรมดิเอมเมอรัล และ โรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.สงขลา
ในขณะที่ระหว่างความเป็นไปดังกล่าวก็ยังคงเกิดสถานการณ์ร้ายที่ทวีความรุนแรงเข้มข้นขึ้นอย่างมีความเชื่อมโยงกัน ไม่ว่าจะเป็น กรณีการหายตัวไปอย่างลึกลับของ สมชาย นีละไพจิตร (๑๒มี.ค.๔๗)หรือเหตุระเบิดที่บาร์เบียร์ใน อ.สุไหงโกลก(๒๗มี.ค.) และ การสร้างสถานการณ์ปั่นป่วนวุ่นวายในหลายพื้นที่ ซึ่งมุ่งไปที่ประชาชน และเจ้าหน้าที่ (๒๙มี.ค.)ท่ามกลางข่าวมีการพบปืนที่ถูกขโมยและจะนำมาแถลงข่าวของตำรวจ(๒๘มี.ค.) หลังทำการจับกุม อนุพงษ์ พันธชยางกูร หรือ กำนันโต๊ะเด็ง ผู้ต้องหาคดีปล้นปืนกองพันพัฒนาที่ ๔ จ.นราธิวาส มาแถลงข่าวซัดทอด ๒ ส.ส.๑สว.ก่อนหน้านี้ โดยไม่มีหลักฐานปืนที่ปล้นไป
อย่างไรก็ตาม รายงานจาก หน่วยข่าวกรอง แจ้งว่า มีความเป็นไปได้ว่าปืนที่จะนำมาแถลงข่าวอาจถูกหินเจียรลบเลขทะเบียน ซึ่งหากมีการนำมาแถลงจะนำไปสู่การสาวติดตามตัว กลุ่มขบวนการเจาะไอร้อง ที่มีรายงานลับว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ของ กองกำลังอำนาจแฝง เข้าร่วมขบวนการด้วย
@@ มุสลิม ไม่ยอมเข้าทาง
อย่างไรก็ตาม ประเด็นถัดเนื่องจากเรื่องปืน คือปมประเด็นที่ละเอียดอ่อน สมชาย นีละไพจิตรที่มีการปล่อยข่าวหลายกระแสว่า ตายแล้ว บ้าง(พล.อ.ชวลิต) ยังมีชีวิตอยู่ บ้าง(พ.ต.ท.ทักษิณ) โดยอาจอยู่ที่ แม่ฮ่องสอน และรวมถึงข่าวที่ว่าอาจอยู่ที่ เกาะเต่า หรือ เกาะพงัน หรือบางกระแสระบุว่ามี สมชาย นีละไพจิตร ๒ คนบ้าง
ในประเด็นนี้ จากรายงาน หน่วยข่าวลับ ที่แจ้งผ่าน พล.อ.ชวลิต มีการระบุว่า มีความพยายามจาก ฝ่ายปฏิบัติการเจาะไอร้อง๔๗ ที่วางแผนการเคลื่อนไหวหลังจากที่มีคำสั่งโยกย้ายนายตำรวจในพื้นที่หลายสิบนาย(๒๔มี.ค.)โดยมีการประชุมลับกันที่ร้านอาหาร น. ในตัวเมืองหาดใหญ่ ถึง ๒ ครั้ง เพื่อเตรียมปฏิบัติการครั้งใหญ่ในช่วงสงกรานต์ และรวมถึงการเตรียมใช้สถานการณ์ความไม่พอใจของชาวมุสลิมที่มีการรวมตัวละหมาดฮายัตครั้งใหญ่ซึ่งเตรียมเคลื่อนไหวโดยวิธีรุนแรงกับเจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะตำรวจ(๒๗มี.ค.)เป็น จุดประทุ การสร้างสถานการณ์ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จเพราะไม่มีการ ลุกฮือ อย่างที่กลุ่มขบวนการต้องการ
@@บึ้มโกลกเผายะลาCIA.?
ต่อเนื่องกัน นสพ.ร่วมด้วยช่วยกัน ยังได้รับรายงานด้วยว่า สถานการณ์ที่บานปลาย นำไปสู่การระเบิดทำร้ายประชาชนจำนวนมากในพื้นที่ อ.โกลก ซึ่งถือเป็นการปั่นป่วนการท่องเที่ยวนั้น หน่วยข่าวกรอง หลายฝ่าย วิเคราะห์ว่า กลุ่มผู้ก่อการมุ่งเป้าสร้างสถานการณ์ให้กระทบกับภาพพจน์ประเทศ เพื่อสะท้อนถึงความล้มเหลวของรัฐบาลในด้านความมั่นคง โดยเฉพาะหลายฝ่ายวิเคราะห์ไปถึงการ ส่งสัญญาน ของ ผู้นำสหรัฐ ต่อการ เข้ามาแทรกแซงในพื้นที่ปัญหาภาคใต้ของไทยผ่านการออกเสียงประชามติของพรรคลิพลับบิกัน ว่าเป็นการ ส่งสัญญาน ให้เกิดการปฏิบัติการขององค์กรลับCIAในประเทศไทย และเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์การระเบิดครั้งนี้หรือไม่ และเกี่ยวข้องอย่างไรกับ ขบวนการเจาะไอร้อง๔๗ ที่เคลื่อนไหวสลับกองกำลังติดอาวุธของ ส. จากพื้นที่ภาคใต้ตอนบนเข้าไปในพื้นที่ใน ห้วง ๓ เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะมีการพบว่า เป้าหมาย ของคนเหล่านี้เชื่อมโยงกลุ่มผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการเมืองด้วย
@@จับ๒เสือไม่ได้ใต้ยังป่วน
อย่างไรก็ตาม ท่าทีการออกมาแสดงความมั่นใจของ นายกรัฐมนตรี รวมถึง ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ที่ย้ำว่าใกล้ถึง มาสเตอร์มายด์ หรือ จอมบงการ ยิ่งทำให้สอดรับกับรายงานลับที่
นพส.ร่วมด้วย ได้รับก่อนหน้านี้ ว่า ขณะนี้ พ.ต.ททักษิณ โดยข้อมูลที่ตัดผ่านตรงจาก พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.อ.ชวลิต ซึ่งได้รับข้อมูลผ่านจาก มวลชนมุสลิม ในพื้นที่ มี
การระบุถึง ๒เสือ ที่เป็น ตัวบงการใหญ่ ว่า หากจับ ๒ เสือดังกล่าวไม่ได้ ไฟใต้ก็ยังไม่ดับ โดย ๒ เสือดังกล่าว นั้นมีรายงานว่า กำลังถูก ปปง.กำลังติดตามเส้นทางการไหลเวียนของเงินที่นำมาวางแผนปฏิบัติการ เจาะไอร้อง ซึ่งครั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ถึงกับแสดงความมั่นใจว่าน่าจะสามารถสาวถึงตัวบงการได้ภายในเดือนเม.ย.นี้
@@เหตุ ทักษิณ งดไปนอก
กระนั้น บทดำเนินที่กำลังสาวไปถึง มาสเตอร์มายด์ ตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุ ก็ยังได้รับการตอบโต้อย่างรุนแรงเช่นกัน โดยเฉพาะ เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะรุนแรงขึ้นตามที่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ระบุ(๓๐มี.ค.)ซึ่งสอดคล้องกับที่ นสพ.ร่วมด้วยฯ ได้รับรายงานว่า ในห้วงก่อนสงกรานต์ กลุ่มปฏิบัติการ เจาะไอร้อง๔๗ มีแผนที่จะเคลื่อนไหวครั้งใหญ่โดยสร้างความเสียหายรุนแรงให้กับชีวิตประชาชนด้วย
จากรายงานที่ นสพ.ร่วมด้วยฯ ได้รับจาก หน่วยข่าวกรอง มีการระบุ ว่า ความรุนแรงของการตอบโต้ดิ้นรนของฝ่ายตรงข้ามที่กำลังถูกสาวถึงตัว บงการ ไม่ใช่เพียงแค่ การปั่นป่วนบ้านเมืองด้วยการ ก่อเหตุระเบิด ที่โกลกเท่านั้น ซึ่งทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องระงับการเดินทางไปต่างประเทศ เท่านั้น หากแต่มีรายงานว่า มีความพยายามก่อความรุนแรงกับ ผู้นำระดับสูง ด้วยทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า เมื่อเร็วๆนี้ได้มีพระเกจิชื่อดัง เตือนไปยังผู้บริหารระดับสูงรายหนึ่ง ให้ระมัดระวังการเดินทางก่อหน้านี้ด้วย
ทั้งหลายทั้งปวงคือปรากฎการณ์บทดำเนินของสถานการณ์ไฟใต้ ที่ดำเนินมาเป็นระยะเวลา ๓ เดือน และก่อกระแสบานปลายกลายเป็นความมั่นคงระดับชาติ ที่มีผู้ก่อการเป็นคณะบุคคล ซึ่งต้องการขยายผล นำไปสู่ประเด็นทางการเมืองอันมีผลประโยชน์มหาศาลแอบอิงของกลุ่มอำนาจ ซึ่งยังไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่าสถานการณ์จะแทรกซ้อนพลิกผันรุนแรงไปอีกเพียงใด ข้อเสนอ ๖ ประการ ดับไฟใต้โดยชุดของนายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี
๑.ต้องให้ความสำคัญกับการคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ โดยให้ดูแลความปลอดภัยกันเองเป็นสำคัญ ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐคอยให้ความช่วยเหลือเท่านั้น จะต้องยุติการปราบปรามและการอุ้มประชาชนในทันที
๒.ต้องย้าย หรือลดกำลังทหาร ตำรวจ ที่ส่งไปจากส่วนกลางไปปฏิบัติภารกิจเฉพาะออกจากพื้นที่ทันที เพราะชาวบ้านให้การตรงกันว่า ตำรวจที่ถูกส่งจากส่วนกลางเป็นผู้ไปสร้างปัญหาให้เกิดขึ้น สำหรับทหาร ให้นำทหารพัฒนาลงพื้นที่เพื่อพัฒนาร่วมกับประชาชน
๓.ต้องยกเลิกกฎอัยการศึกที่ประกาศ นับตั้งแต่วันที่ ๕ ม.ค. ๔๗ ทั้งหมด เพราะกฎอัยการศึกเป็นเงื่อนไขที่สำคัญที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างในการตรวจจับประชาชน
๔.ต้องทบทวนความคิดในการจัดระเบียบโรงเรียนปอเนาะใหม่ทั้งหมด เพราะเป็นความไม่พอใจของคนในพื้นที่เป็นอันดับ ๒ รองจากการอุ้มฆ่า แต่ต้องยึดถือแนวทางในการเคารพความแตกต่าง
ในด้านวัฒนธรรม
๕.แนวทางการพัฒนาต้องเริ่มจากความต้องการของชาวบ้านก่อนว่าต้องการอะไร
๖.ย้ายข้าราชการออกจากพื้นที่ครั้งใหญ่ที่สุด โดยเฉพาะข้าราชการที่สร้างปัญหา ซึ่งเป็นแนวคิดของนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว แต่ต้องทำทันที โดยไม่ต้องวิตกเรื่องการเปลี่ยนแม่ทัพกลางศึก
//////////
๓ ด. เจาะไอร้อง ไฟใต้ไม่สิ้นเชื้อ
ต่อไปนี้เป็นประมวลเหตุการณ์สำคัญในห้วง ๓ เดือน นับแต่วันที่ ๔ ม.ค. ๔๗ เป็นต้นมา ซึ่งเป็นที่ยอมรับแล้วว่าสถานการณ์นับเนื่องจากวันที่ ๔ ม.ค. ๔๗ ปฏิบัติการเจาะไอร้อง ๔๗ ที่มี จอมบงการใหญ่ อยู่เบื้องหลัง มีการวางแผนอย่างมีระบบการจัดการ โดยอาศัย กองกำลังอำนาจแฝงของรัฐ ที่เป็นข้าราชการส่วนหนึ่ง ผนวกเข้ากับ องค์กรลับนอกประเทศ และสถานการณ์ต่างๆ อันเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของ มวลชน ผสมผสานการปล่อยข่าวลือมากมาย ที่ส่งผลโดยตรงกับภาพรวมของประเทศทั้งเศรษฐกิจ-สังคม-ความมั่นคง ซึ่งโฟกัสพุ่งตรงไปยังประสิทธิภาพรัฐบาล ๔ ม.ค. ๔๗ ;
ปฏิบัติการ เจาะไอร้อง ๔๗ เริ่มขึ้นโดยกองกำลังไม่ต่ำกว่า ๑๐ ชุด ปฏิบัติการ ปล้นปืน กองพันทหารพัฒนาที่ ๔ จ.นราธิวาส และเผาโรงเรียน ๑๘ แห่ง ในเวลาไล่เลี่ยกันได้ลอบวางระเบิด ๒ แห่งในปัตตานี บริเวณสวนสมเด็จและหน้าบริษัทพิธาน ที่เกิดเหตุระเบิดทำให้เจ้าหน้าที่เก็บกู้ ๒ รายเสียชีวิต ต่อหน้าต่อตา ไทยมุง และประชาชนทั่วประเทศผ่านจอทีวี ม.ค.-ก.พ.๔๗ -
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาได้เกิดสถานการณ์ร้ายทุกวันในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการทำร้ายเจ้าหน้าที่ ประชาชน ใช้มีดฟันพระสงฆ์ กระทั่งต้องมีการออกกฎอัยการศึกใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังจากนั้นยังมีการปล่อยข่าวทางจิตวิทยาจะทำร้ายครู นักเรียน แพทย์ พยาบาล นักข่าว โรงเรียนนับร้อยแห่งในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องประกาศหยุดเรียน ประชาชนไม่กล้าออกไปไหนช่วงค่ำคืนและตอนเช้า จนทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยนแปลง และต้องพึ่งโรงพยาบาลบำบัดจิต ขณะที่บางส่วนมีการอพยพออกจากพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีการ ปฏิบัติการใบไม้ร่วง ลอบฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ วางระเบิด และใช้มีดไล่ฆ่าผู้คน
มี.ค.๔๗ : สถานการณ์ไฟใต้ยังคงคุโชนคู่ไปกับสถานการณ์ ม็อบ กฟผ. การเคลื่อนตัวของ CIA ในพื้นที่ภาคใต้ชัดเจนมากขึ้น มีการปล่อยข่าวลือ สร้างสถานการณ์ ยุยงชาวไทยพุทธกับชาวไทยมุสลิมให้เกลียดชังกัน ขณะที่ประเด็นความขัดแย้งของแกนนำพรรคไทยรักไทย กลุ่มวาดะห์ เป็นอีกสาเหตุของสถานการณ์ไฟใต้ เริ่มถูกพูดถึงมากขึ้น
๘ มี.ค.๔๗ : มีการปรับ ครม.ทักษิณ ๘ เปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีที่ดูแลปัญหาภาคใต้ อย่าง รมว.มหาดไทย และ รมว.กลาโหม จาก นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา และ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็น นายโภคิน พลกุล และ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร
๑๒ มี.ค.๔๗ :เหตุการณ์ช็อกความรู้สึกชาวมุสลิมทั่วประเทศ สมชาย นีละไพจิตร ทนายความเจไอ ขวัญใจชาวมุสลิม ถูกกองกำลังลึกลับ อุ้ม หายตัวไปอย่างลึกลับกลางกรุงย่านถนนรามคำแหง กระแสสังคมพุ่งเป้าไปที่ปมขัดแย้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่โยงใยเกี่ยวข้องกับปัญหาภาคใต้
๑๕ มี.ค.๔๗ : มีการประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.ปัตตานี โดยไม่ได้รับการตอบรับร่วมมือ จาก มวลชน ในพื้นที่ที่กำลัง ช็อก และกังขารัฐกรณี สมชาย แม้ ครม.จะมีมติอนุมัติงบประมาณนับหมื่นล้านลงไปในพื้นที่ท่ามกลางเสียงวิจารณ์การถูก สะบั้นมวลชน และความหวาดผวากับความบานปลายจากการลุกฮือของชาวมุสลิมทั่วประเทศ
๑๗-๑๘ มี.ค.: เกิดความวุ่นวายปั่นป่วนทั่วพื้นที่ภาคใต้ ทั้งยิงตำรวจ เผาสถานที่ราชการ สถานีอนามัย ๒๙ จุด ใน ๓ จังหวัด สงขลา ปัตตานี ยะลา
๑๙ มี.ค. ๔๗ : พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีลงนามคำสั่งโยกย้ายข้าราชการ ๒ นายที่รับผิดชอบปัญหาภาคใต้ คือ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ผบ.ตร. และ พล.ท.พงษ์ศักดิ์ เอกบรรณสิงห์ แม่
ทัพภาคที่ ๔ หลังจากที่ในวันเดียวกันชาวไทยมุสลิมรวมตัวกันแสดงพลังเคลื่อนไหวโดยการละหมาดฮายัตให้ สมชาย
๒๑ มี.ค. ๔๗ : ตำรวจนำตัว อนุพงศ์ พันธชยางกูร กำนันโต๊ะเด็ง ผู้ต้องหาคดีปล้นปืน ซึ่งรับสารภาพว่าร่วมกันปล้นปืนค่ายทหารมาแถลงข่าวให้การซัดทอด เด่น โต๊ะมีนา อารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ และ นัจมุดดีน อูมา ๑ ส.ว.๒ ส.ส. หลังจากที่นายกรัฐมนตรีระบุถึง มาสเตอร์มายด์ หรือ จอมบงการ ในรายการนายกฯ ทักษิณคุยกับประชาชน (๒๐ มี.ค.) ท่ามกลางความตะลึงของหลายฝ่าย
๒๕ มี.ค. ๔๗ : ศาลได้มีการอนุมัติหมายจับ นัจมุดดีน อูมา ส.ส.นราธิวาส พรรคไทยรักไทย พร้อมพวกรวม ๘ คน ท่ามกลางกระแสข่าวความไม่พอใจของ มวลชน ในพื้นที่ภาคใต้ จนอาจนำไปสู่การก่อการจราจล โดยมีการนัดละหมาดกำหนดท่าทีในวันที่ ๒๗ มี.ค. ๔๗ ขณะที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ออกมาปูดข่าว สมชาย เสียชีวิตแล้ว และก่อนหน้าการถูก อุ้ม ได้พบ บิ๊ก คนหนึ่ง
๒๗ มี.ค. ๔๗ : ชาวไทยมุสลิม ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกับ สมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย ชมรมนักกฎหมายมุสลิมภาคใต้ สมาคมอิสลามจังหวัดนราธิวาส-ปัตตานี มูลนิธิวัฒนธรรมอิส
ลามภาคใต้ ชมรมอูรามาปัตตานี และสมาพันธ์องค์กรมุสลิม เป็นต้น ร่วมกันประกอบพิธีละหมาดฮายัตครั้งใหญ่ ที่มัสยิดกลางปัตตานีให้กับ สมชาย
- นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ จาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี เดินทางไปร่วมประชุมแก้ไขปัญหา ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้กับทุกภาคส่วนสังคม และลงพื้นที่เพื่อพบปะกับประชาชนและแกนนำศาสนาเพื่อรวบรวมแนวทางการแก้ไขปัญหา ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีการกำหนด ๖ แนวทางแก้ปัญหาทางสันติ ขณะที่ โภคิน พลกุล มท.๑ สัมมนากำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่ จ.นราธิวาส และยะลา
๑๙.๓๐ น. วันเดียวกัน เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิด บาร์เบียร์ข้างโรงแรมมารีน่า ใจกลางเมือง อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ กว่า ๓๐ คน อาคารรอบข้างพังยับเยิน
๒๙ มี.ค. ๔๗ : กลุ่มแนวร่วมขบวนการ ออกก่อกวนในหลายพื้นที่ของ อ.บันนังสตา จ.ยะลา โดยการลอบเผายางรถยนต์ในหลายท้องที่บนถนน และลอบยิงบ้านพักคนงานโรงงานไม้ยางพารา เป็นเหตุให้ นายเล็ก สินละไม คนงานได้รับบาดเจ็บสาหัส และคนร้ายได้โรยตะปูซุ่มยิงรถเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ออกไปตรวจสอบที่เกิดเหตุจนเกิดการปะทะกัน
๓๐ มี.ค. ๔๗ : ๐๓.๐๐น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่ม ลอบเผาสถานที่ราชการ ในเขต อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อช่วงตี ๓ ที่ผ่านมา รวม ๔ จุด...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น