PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ผู้บริหารช่อง3ถกเครียดกรณี‘สรยุทธ’


ผู้บริหาร ช่อง 3 ประชุมด่วนหลังศาลพิพากษาคดี ‘สรยุทธ’ เล็งออกแถลงการณ์ งดรายการ‘เจาะข่าวเด่น’ ขยายเวลาช่วงข่าวเด่นเย็นนี้และรายงานข่าวกรณี‘สรยุทธ’ด้วย
            ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ ไทยทีวีสีช่อง 3 อยู่ระหว่างการประชุม ตั้งแต่เวลา ประมาณ 15 นาฬิกา เพิ่อพิจารณากรณี ที่ศาลอาญา มีคำพิพากษา จำคุกนายสรยุทธ สุทัศนจินดา

พิธีกรของช่อง 3 และ เป็น กรรมการผู้จัดการ บ. ไร่ส้ม จำกัด ในคดี ที่บ.ไร่ส้ม ยักยอก เงินโฆษณาที่ต้องส่งให้ บริษัม อสมท. ระหว่างวันที่ 4 ก.พ.2548 - 28 เม.ย.2549 ส่งผลให้บริษัท อสมท เสียหาย

กว่า 138 ล้านบาท
            ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงข่าวภาคค่ำสถานีโทรทัศน์ ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้งดรายการ"เจาะข่าวเด่น" และขยายเวลาช่วงข่าวเด่นเย็นนี้และมีการรายงานข่าวกรณีของนายสรยุทธด้วย

------
ช่อง 3 โยน บ.ไร่ส้ม ตัดสินใจ เปลี่ยน"สรยุทธ"'-องค์กรต้านโกงถามหาจริยธรรม

ฝ่ายรายการ ช่อง 3 เผยศาลตัดสินจำคุก 'สรยุทธ' ไม่กระทบผังรายการสถานี ระบุเป็นเรื่องส่วนบุคคล ให้ 'เรื่องเล่าเช้านี้' ออกอากาศตามปกติ เปลี่ยนผู้ดำเนินรายการหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ

บ.ไร่ส้ม ด้าน 'มานะ นิมิตรมงคล' เผยหากเป็น ขรก.ถูกชี้มูลความผิด จะมีคำสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ ให้ต้นสังกัดใช้ดุลยพินิจ

(29ก.พ.59)จากกรณีศาลอาญาพิพากษาตัดสินให้ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ดำเนินรายการข่าว ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด จำคุก 20 ปี ลดโทษเหลือ 13 ปี 4 เดือน สั่งปรับ บริษัท

ไร่ส้ม 120,000 บาท ลดเหลือ 80,000 บาท ไม่รอลงอาญา ในฐานสนับสนุนให้มีการกระทำความผิดจัดคิวโฆษณาของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เกินเวลา สร้างความเสียหาย 138 ล้านบาท ขณะที่

นางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด จำคุก 30 ปี ลดโทษเหลือ 20 ปี (อ่านประกอบ:ไม่รอลงอาญา! ศาลสั่งจำคุก‘สรยุทธ-พวก’ 13 ปี 4 เดือนคดีไร่ส้ม)

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) สอบถามเพิ่มเติมไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายรายการ สถานีวิทยุโทรทัศน์ ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้รับการเปิดเผยว่า คำพิพากษาตัดสินจำคุกนายสรยุทธ จะไม่มีผล

กระทบต่อผังรายการของช่อง เพราะเป็นเรื่องส่วนบุคคล รายการที่ผลิตโดยบริษัท ไร่ส้ม ทุกรายการ ไม่ว่าจะเป็น รายการเรื่องเล่าเช้านี้ หรือรายการเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ ยังคงออกอากาศตามปกติ

ส่วนจะเปลี่ยนแปลงผู้ดำเนินรายการหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ผลิตอีกครั้งหนึ่ง ไม่เกี่ยวกับช่อง

หากเป็น ขรก.ถูกชี้มูลความผิด จะมีคำสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่

ขณะที่ดร.มานะ นิมิตมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) กล่าวว่า  กรณีคดีไร่ส้ม ของสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา เป็นคดีที่ได้รับความสนใจจากคนในสังคม เนื่องจากบุคคลที่เกี่ยว

ข้องเป็นบุคคลสาธารณะ และถือเป็นคดีตัวอย่าง ซึ่งภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นพิจารณาคำตัดสินออกมาแล้ว ก็เป็นที่ชัดเจนเพิ่มมากขึ้นว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเหตุการณ์จริง เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง

“จากนี้ไปจึงเป็นหน้าที่ของต้นสังกัดซึ่งเป็นองค์กรธุรกิจเกี่ยวกับสื่อสารมวลชนจะตัดสินใจโดยใช้ดุลยพินิจ ว่าควรจะแสดงความรับผิดชอบอย่างเหมาะสมต่อกรณีดังกล่าวอย่างไร  เนื่องจากหาก

เป็นข้าราชการที่ถูกชี้มูลความผิด ก็จะมีการพักการปฏิบัติหน้าที่ หรือหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีการคำตัดสินออกมา”

เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น กล่าวด้วยว่า องค์กรสื่อถือเป็นแบบอย่างในสังคม  เมื่อมีบุคคลที่มีชื่อเสียงถูกตัดสินจากศาลว่าทุจริต ในฐานะที่องค์กรต้นสังกัดที่ทำงานจะต้องทำธุรกิจอย่างมี

ความรับผิดชอบควรจะทำอย่างไร  เขาจะต้องตัดสินใจ  เพราะกฎหมายบังคับไม่ได้ เพราะนี่คือเรื่องของการมีจริยธรรมในการทำธุรกิจ อย่างไรก็ตามคำตัดสินที่ออกมานั้นเป็นคำตัดสินของศาลชั้นต้น

ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องในคดียังมีสิทธิอุทธรณ์และหาหลักฐานมาสู้คดีได้ ซึ่งจะต้องช่วยกันติดตามต่อไป

“คดีที่ตัดสินในวันนี้เป็นเพียงศาลชั้นต้นที่ตัดสินออกมา ซึ่งคดีเกี่ยวกับการทุจริตในแวดวงราชการ ไม่ว่าจะเป็นใคร ศาลจะพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยไม่ได้สนใจว่าบุคคลนั้นเป็นใคร ฉะนั้นจึงเป็น

เครื่องเตือนใจอย่างหนึ่งว่าใครที่จะหาผลประโยชน์ด้วยการโกงชาติโกงแผ่นดิน หากทุจริตต้องถูกลงโทษ” ดร.มานะ กล่าว

ภาพประกอบ:เว็บไซต์ fanthai.com
////////////
จำคุก"อดีตพนง.อสมท."30ปี ส่วน"สรยุทธ"กับพวก20ปี ลดโทษเหลือ 13 ปี 4 เดือน ไม่รอลงอาญา

เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ศาลอาญาอ่านคำพิพากษา ในคดีอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด อดีตพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของบริษัท อสมท.จำกัด (มหาชน), บริษัทไร่ส้ม จำกัด, นาย

สรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง และกรรมการผู้จัดการบริษัทไร่ส้ม และ น.ส.มณฑา ธีระเดช เจ้าหน้าที่บริษัทไร่ส้มจำกัด เป็นจำเลย 1-4 ในความผิดฐาน เป็นพนักงานเรียก รับ หรือ

ยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งหน้าที่ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, เป็นพนักงานมี

หน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่องค์กร, เป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด

หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และสนับสนุนพนักงานกระทำความผิดดังกล่าว ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 ม.6, 8 และ 11

จากกรณีช่วงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2548-28 เมษายน 2549 นางพิชชาภาได้จัดทำคิวโฆษณารวมในรายการคุยคุ้ยข่าว ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต ไม่รายงานการโฆษณาเกินเวลา เพื่อเรียกเก็บเงิน

จากบริษัทไร่ส้ม 17 ครั้ง ทำให้ อสมท เสียหาย 138 ล้านบาทเศษ และยังเรียกรับเงินกว่า 600,000 บาท จากนายสรยุทธและพวก เป็นการตอบแทน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ นายสรยุทธได้เดินทางมา

ฟังคำพิพากษา

ล่าสุดศาลมีคำพิพากษาจำคุก นางพิชชาภา อดีตพนักงาน อสมท. 30 ปี ลดโทษ เหลือจำคุก 20 ปี ส่วนนายสรยุทธกับพนักงานไร่ส้ม ศาลมีคำพิพากษาคุก 20 ปี ลดโทษเหลือ 13 ปี 4 เดือน ปรับบริษัท

ไร่ส้ม จาก 120,000 บาท เหลือ 80,000 บาท โดยไม่มีการรอลงอาญา
///////

เปิดเช็ค 7 ใบ เงื่อนตาย“สรยุทธ”?

 
เปิดเช็คเงินฝากเจ้าปัญหา 7 ใบ“ค่าตอบแทน-ค่าประสานงานโฆษณา-ค่าคอมมิชชัน”เงื่อนตาย“สรยุทธ-ไร่ส้ม”คดีอม 138 ล้าน? 

       หลักฐานสำคัญอย่างหนึ่งที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ชี้มูลนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา และ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด กระทำผิดฐานสนับสนุนนางพิชชาภา เอี่ยมสอาด เจ้าหน้าที่ อสมท.ทุจริต กรณีเงินค่าโฆษณาเกินเวลาจำนวน  138 ล้านบาทคือเช็คเงินฝากธนาคารจำนวน 7 ฉบับ 
เนื่องจาก ป.ป.ช.ตรวจพบว่า นายสรยุทธได้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คของธนาคารธนชาต สาขาพระราม 4 จ่ายเงินให้นางพิชชาภา โดยทำเอกสารหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้รวม 7 ครั้ง
1.สั่งจ่ายเช็คเลขที่ 0078412 วันที่ 4 ตุลาคม 2548 จำนวนเงิน 4,888.80 บาท
2.สั่งจ่ายเช็คเลขที่ 0078420  ในวันที่ 4 ตุลาคม 2548 จำนวนเงิน 13,546.05 บาท
3.สั่งจ่ายเช็คเลขที่ 0078508 ในวันที่ 19 ตุลาคม 2548 จำนวนเงิน 42,573.30 บาท
4.สั่งจ่ายเช็คเลขที่ 0079323 ในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2548 จำนวนเงิน 81,072.60 บาท
5.สั่งจ่ายเช็คเลขที่ 0079376 ในวันที่ 15 ธันวาคม 2548 จำนวนเงิน169,444.45 บาท
6.สั่งจ่ายเช็คเลขที่ 0078756 ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2549 จำนวนเงิน 147,105.35 บาท
7.สั่งจ่ายเช็คเลขที่ 0078953 ในวันที่ 28 เมษายน 2549 จำนวนเงิน 299,574.80 บาท

โดยในรายการที่ 2 เลขที่ 0078420  ในวันที่ 4 ตุลาคม 2548 จำนวนเงิน 13,546.05 บาท นั้นเงินที่จ่ายให้นางพิชชาภา เป็นค่าหาโฆษณาน้ำมันเครื่องเพ็นซอย มาฝากบริษัท ไร่ส้ม จำกัด โฆษณา
ส่วนเช็คที่เหลืออีก 6 ฉบับ นายสรยุทธ และ นางสาวมณฑา ธีระเดช จ่ายให้นางพิชชาภา  เพื่อ “ตอบแทน”ที่นางพิชชาภา มิได้รายงานการโฆษณาเกินเวลาของบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ในเดือนกุมภาพันธ์ 2548- มิถุนายน 2549 โดยนางพิชชาภาได้นำเช็คทั้ง 7 ฉบับเข้าเข้าฝากบัญชีนางพิชชาภา ธนาคารทหารไทย สาขาพระรามเก้า 

ขณะที่ นางสาวพิชชาภา เอี่ยมสอาด ได้ให้ข้อมูลว่า เมื่อดำเนินการช่วยเหลือตามที่นายสรยุทธและเลขาฯของนายสรยุทธ คือ “คุณแก้ว”ขอร้องแล้ว ในช่วงแรกนายสรยุทธก็จ่ายเงิน “ค่าตอบแทน”ตามที่รับปากไว้ โดยนายสรยุทธลงนามจ่ายเป็นเช็คของธนาคารธนชาต สาขาพระรามสี่ และให้คุณแก้ว ฝากไว้กับพนักงานของ อสมท ชื่อนางศิริทิพย์ (จำนามสกุลไม่ได้) เป็นผู้นำมามอบให้กับตนอีกทอดหนึ่ง โดยนายสรยุทธได้จ่ายเงินให้ประมาณ 8 ครั้ง ซึ่งทั้ง 8 ครั้งดังกล่าวก็ไม่ได้จ่ายให้ตนอย่างสม่ำเสมอ หรือตามจำนวนที่รับปากไว้ และเหตุที่ไม่ได้เรียกร้องให้จ่ายตามจำนวนที่ตกลงกันไว้เนื่องจาก
 เห็นว่าเป็นการตกกะไดพลอยโจน ช่วยเหลือนายสรยุทธไปแล้ว จึงยอมๆกันไป 
อย่างไรก็ตาม นายสรยุทธปฏิเสธว่า เช็ค 7 ฉบับเป็นเงินที่บริษัท ไร่ส้ม จำกัด จ่ายเป็น “ค่าประสานงานโฆษณา”ซึ่งหมายถึงการจ่ายค่าคอมมิชชันในการหาโฆษณาที่อยู่ในความรับผิดชอบของนางสาวมณฑา ธีระเดช  เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของบริษัท ไร่ส้ม  ซึ่งนายสรยุทธอ้างว่านางสาวมณฑามีหน้าที่ตั้งแต่การติดต่อลูกค้าเพื่อหาโฆษณา การประสานงานเกี่ยวกับการโฆษณากับบริษัท อสมท.
ตลอดจนการประสานงานกับฝ่ายบัญชีของบริษัท ไร่ส้ม เพื่อให้มีการเรียกเก็บเงินค่าโฆษณาจากลูกค้า และการตัดจ่ายค่าประสานงานโฆษณาให้แก่ผู้ที่หาโฆษณาได้
โดยหลังจากที่บริษัท ฯได้รับค่าโฆษณามาจากลูกค้าแล้วนางสาวมณฑาจะเป็นผู้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีวาลูกค้าในส่วนที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของตนนั้นจะตัดแบ่งจ่ายค่าประสานงานโฆษณาให้กับตนเองและบุคคลใดบ้าง ซึ่งในการตัดจ่ายค่าประสานงานโฆษณาแต่ละครั้งนางสาวมณฑาจะนำรายชื่อของบุคคลและคณะบุคคลต่างๆอีกหลายคนเพื่อให้มีการจ่ายค่าประสานงานโฆษณาให้แก่บุคคลต่างๆ
และเป็นไปได้ว่าบุคคลดังกล่าวจะมีส่วนร่วมในการหาโฆษณากับนางสาวมณฑาหรืออาจเป็นกรณีที่นางสาวมณฑาต้องการที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้ตนเองต้องรับภาระภาษีจำนวนมากก็เป็นได้
       จึงต้องกระจายให้บุคคลต่างๆ
       เพราะตามวิธีปฏิบัติของบริษัทฯฝ่ายบัญชีจะทำการหักภาษี ณ ที่จ่ายทุกครั้ง ที่มีการจ่ายค่าประสานงานโฆษณาอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ
การชั่ง“น้ำหนัก”กรณีเช็ค 7 ใบชี้เป็นชี้ตายคดีนายสรยุทธทีเดียว

ไม่มีความคิดเห็น: