PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

"พุทธอิสระ"แจ้งถอนประกัน"ตู่"


Cr:หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)
ถึงเวลาที่ผู้ต้องหา คดีก่อการร้ายต้องโดนบ้างแล้ว
๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
ฝากบอกประธาน นปช. ว่า หากอยากนอนคุกนานๆ ก็ด่าฉัน ใส่ร้ายฉัน และโกหกมดเท็จให้มากๆ
เดี๋ยวพุทธะอิสระ จะได้จัดให้อีกสักดอก ๒ ดอก
วัดอ้อน้อย ตำบลห้วยขวาง
อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม
๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
เรื่อง ขอให้ถอนประกันผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย
เรียนอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ คุณภาณุพงษ์ โชติสิน โปรดพิจารณา
“เงื่อนไขในการปล่อยตัวผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย ที่ศาลสั่งคือ ห้ามมิให้จำเลยกระทำการใดๆ อันมีลักษณะดูหมิ่นผู้อื่น หรือยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง หรืออาจก่อให้เกิดอันตราย กระทบต่อเกียรติยศ ชื่อเสียง และความเป็นอยู่ของผู้อื่น
หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล”
จากพฤติกรรมของนายจตุพร พรหมพันธุ์ จำเลยในคดีก่อการร้ายได้กระทำผิดเงื่อนไขในลักษณะที่ดูหมิ่นเหยียดหยามผู้อื่น และกระทบต่อเกียรติยศ ชื่อเสียงและความเป็นอยู่ของผู้อื่น
ด้วยการกล่าวเท็จ ใส่ร้าย ดูถูก เหยียดหยาม ให้อาตมาเสื่อมเสียชื่อเสียง ได้รับความเกลียดชัง ทั้งยังบังอาจจาบจ้วงสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชให้ต้องเสื่อมเสียพระเกียรติยศ
กรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย ได้กล่าวเท็จ
ใส่ร้ายให้อาตมาเป็นภิกษุ ผู้ต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นพระ
ทำให้หมู่สงฆ์ระแวงสงสัย และรังเกียจ ในสถานะภิกษุของอาตมา อีกทั้งการใส่ร้ายกล่าวเท็จเช่นนี้
ในทางพระธรรมวินัย ถือว่าเป็นโทษร้ายแรงถึงขั้นประหารชีวิต
ไม่มีสิทธิจะเข้ามาบวชได้อีกตลอดไป เป็นการกล่าวหาใส่ร้ายรุนแรง กระทบกระเทือนถึงสถานภาพของความเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา
เป็นโทษที่ไม่สามารถทำคืนให้กลับมาดีได้
อาตมาจึงถือว่า ผู้ต้องหาจตุพร พรหมพันธุ์ ได้ทำผิดเงื่อนไขของศาลอาญาที่เมตตาให้ประกันตัว
นอกจากนี้นายจตุพร ยังพยายามกล่าวเท็จ กล่าวหาใส่ร้าย ทำลายอาตมาด้วยวาจาออกสื่อสารมวลชนอยู่ต่อเนื่องๆ เช่น ใส่ร้าย กล่าวหาว่า อาตมาเป็น ๑ ในแก๊ง ๓ พ. ซึ่งคำว่าแก๊งในพระธรรมวินัย ถือว่าเป็นความประพฤติชั่วหยาบ ไม่มีสมณสารูป ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับคำกล่าวหาว่า อาตมาไม่ใช้ภิกษุในพุทธศาสนา
กรณีที่กล่าวหา ดูหมิ่นเหยียดหยามอาตมาออกทางสื่อสารมวลชนว่าเป็นผู้ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี
และยังมีอีกหลายกรณี ตามที่ปรากฏในเอกสารและซีดีคลิปภาพเสียงของผู้ต้องหานายจตุพร พรหมพันธุ์ที่ส่งมาด้วย
ที่สำคัญ ผู้ต้องหานายจตุพร พรหมพันธุ์ ยังบังอาจกล่าวล่วงจาบจ้วง ดูหมิ่นสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ในกรณีทรงออกพระลิขิตปลอม รายละเอียดอยู่ในหลักฐานที่แนบมาด้วย
พร้อมทั้งมีคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา คำวินิจฉัยของดีเอสไอ ซึ่งทั้งสองหน่วยงานนั้นยืนยันว่าพระลิขิตเป็นของจริง และมีผลบังคับได้ตามกฎหมาย
อีกทั้งยังมีมติมหาเถรสมาคม คณะรัฐมนตรี และกรมการศาสนา รับรองพระลิขิตนั้นด้วย
ด้วยพฤติกรรมของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย ที่ได้รับความเมตตาต่อศาลอาญา ด้วยมุ่งหวังว่า จะเปลี่ยนแปลงนิสัย แก้ไขพฤติกรรม ในขณะที่อยู่นอกคุก
แต่การกลับตรงกันข้าม จากที่ปรากฏต่อสาธารณชน นักโทษจตุพร พรหมพันธุ์ หาได้ตระหนักสำนึก ถึงเหตุแห่งความเมตตา ที่ศาลมีให้ไม่
แต่กลับใช้โอกาสและความเมตตาของศาลมาทำร้าย ทำลายอาตมาอยู่บ่อยครั้ง จนกำเริบถึงกับจาบจ้วงสมเด็จพระสังฆราช
หากขืนปล่อยให้ผู้ต้องหาคดีร้ายแรง ออกมาสร้างความเดือดร้อนให้ผู้คนต่อไป
จักเป็นข้อกังขาของสังคมว่า ทำไมคนก่อการร้ายถึงได้ออกมาสร้างความเดือดร้อนให้แก่สังคมได้เช่นเดิม ทั้งที่ต้องคดีร้ายแรง
อาตมาจึงใคร่ของความกรุณา ท่านอธิบดีกรมอัยการคดีพิเศษ ได้พิจารณาพยาน หลักฐานทั้งหมดที่ส่งมานี้ เพื่อพิจารณาสอบสวนให้ความเป็นธรรมแก่อาตมา โดยการทำคำร้องขอถอนประกันต่อศาลอาญาแก่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย เพื่อระงับความเสียหายแก่อาตมาและสังคมสืบไป
เจริญพร
.....................................................
หลวงปู่พุทธะอิสระ

ไม่มีความคิดเห็น: