PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

"บี้ เดอะสตาร์"เครียดนายกฯด่าสื่อ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 2 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยก่อนการประชุม คุณหญิงแสงเดือน ณ นคร ประธานมูลนิธิสงเคราะห์ครอบครัวทหารผ่านศึก ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เข้ามอบดอกป๊อปปี้ สัญลักษณ์แสดงความระลึกถึงและเชิดชูเกียรติทหารผ่านศึก เนื่องใน “วันทหารผ่านศึก” แก่นายกรัฐมนตรี ซึ่งระบุว่า อยากให้ดูแลทหารให้มีเกียรติและศักดิ์ศรีเพราะเป็นผู้ปกป้องรักษาแผ่นดิน และทหารส่วนใหญ่เป็นลูกหลานคนจน นอกจากจะต้องมาตายฟรีและบาดเจ็บฟรีแล้ว ยังโดนคนเหยียบย้ำซึ่งใครก็รับไม่ได้ ดังนั้น ต้องบอกให้ทหารมีศักดิ์ศรี เพื่อให้คนยอมรับ ซึ่งคนจนยังไงก็จน จะไปโทษเขาไม่ได้ แต่ต้องสร้างคนให้รู้หน้าที่อยู่ในกรอบกฎหมายและกติกาบ้านเมืองทำตัวให้มีประโยชน์ ไม่เช่นนั้นพวกขยะมันเยอะ


 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการ วิจัยแห่งชาตินำผลงานการประดิษฐ์จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมาจัดแสดงแก่นายกรัฐมนตรี เพื่อเผยแพร่ผลงานของนักประดิษฐ์ 2 กุมภาพันธ์ 2559 โดยหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ รับฟังรายละเอียดโปรแกรมประยุกต์เคลื่อนที่ WMApp ให้ผลการพยากรณ์อากาศความละเอียดสูง ผลงานจากบัณฑิตวิทยาลัยสหวิทยาการ วิทยาศาสตร์ระบบโลกและการจัดการภัยธรรมชาติอันดามัน มหา พล.อ.ประยุทธ์ หันมาถามกลุ่มผู้สื่อข่าวว่า สิ่งที่เป็นปัญหาวันนี้ คือการชี้แจงให้ทุกคนได้รับรู้ โดยเฉพาะชาวบ้าน ปัญหาสำคัญคือแหล่งน้ำที่ไปขุดไว้ไม่ตรงกับพื้นที่การเกษตร น้ำมีในเขื่อนในอ่างเก็บน้ำ แต่พื้นที่ปลูกข้าวและทำการเกษตรอยู่ห่างไกล จะทำอย่างไรถึงจะให้มีน้ำไปถึงพื้นที่เหล่านั้น ถามว่าใครเป็นคนไปทำสิ่งเหล่านี้ ขุดในพื้นที่ไม่จำเป็น ถามว่าใครทำวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต


ภาพจากทวิตเตอร์ วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวอาวุโสที่ทำเนียบรัฐบาล


 ผู้สื่อข่าวจึงตอบกลับว่าทหารเป็นคนขุดพล.อ.ประยุทธ์แสดงอารมณ์ฉุนเฉียว พร้อมกล่าวว่า “เดี๋ยวก็ทุบเลย หาว่าทหารทำ ไม่รู้เรื่อง ใครเป็นคนทำ ใครเป็นคนบริหารประเทศ รัฐบาลไหนก็ไม่รู้ แต่รัฐบาลนี้ต้องมาแก้ไขทุกเรื่อง ผมบอกกรมชลประทานไปแล้ว ไม่ต้องมาพูดว่าน้ำตะวันตกหรือน้ำตะวันออก ชาวบ้านเขาไม่รู้เรื่อง มันต้องแยกพื้นที่ออกมาเป็นภูมิภาค ในแต่ละพื้นที่มีแหล่งน้ำอยู่ที่ไหน ทั้งในแงะนอกเขตชลประทาน แหล่งน้ำธรรมชาติ เขื่อน แหล่งน้ำในนา ต่อไประบบส่งน้ำอยู่ที่ไหนจะต้องทำและนำไปสู่การทำโซนนิ่ง ทำไมทหารทำผิดหรือ”



 เมื่อผู้สื่อข่าวชี้แจงว่า คิดว่านายกฯ ถามว่าใครเป็นคนขุดแหล่งนี้ต่างๆ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอบโต้อย่างดุเดือดว่า “ผมไม่ถามแบบนั้นหรอก ถามอย่างนี้อย่ามาเป็นนายกฯ ไม่ต้องเป็น ใครก็เป็นได้ พวกเธอเป็นแบบนี้ทำให้ฉันโมโห นึกถึงสมองฉันบ้างสิ พวกเธอไม่พัฒนาและให้ฉันพัฒนาอยู่คนเดียว มันจะรู้เรื่องไหม ฉันไม่ได้เก่งกว่าเธอ พวกเธอเก่งกว่าฉันอยู่แล้ว เพราะพวกเธอบริหารประเทศมาทุกรัฐบาล”

 จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เยี่ยมชมชุดตรวจวัณโรคและวัณโรคดื้อยา ซึ่งนายกรัฐมนตรียังคงมีอารมณ์ฉุนเฉียวต่อเนื่อง โดยกล่าวว่า “การพัฒนาต่างๆ จะต้องทำให้เป็นขั้นตอนไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นเหยื่อจากเรื่องอื่นไปหมด วันนี้ผมต้องขอโทษที่อารมณ์เสีย”

 ต่อมา นายกรัฐมนตรีได้หันมายังกลุ่มผู้สื่อข่าว พร้อมกล่าวต่อว่า “ไอ้พวกดื้อยา ไอ้พวกดื้อตาใส เจตนาดื้อ ดื้อแบบไม่บริสุทธ์ นักวิชาการก็ต้องรีบทำ รีบพัฒนา หลังจากรัฐบาลนี้ก็คงไม่มีใครทำแล้ว อยากถามใครจะทำ ไปถาม ไปบังคับเขากันบ้าง”

 ผู้สื่อข่าวจึงกล่าวว่า ก็ต้องเป็นรัฐบาลชุดหน้าทำ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างดุเดือดว่า “ไปถามเขาเลย ไม่ต้องมาถ้า ไปบังคับให้เขาทำเหมือนอย่างที่คุณบังคับผม” ผู้สื่อข่าวจึงชี้แจงว่า ก็ต้องเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญให้ชัดเจน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “แล้วเขียนไว้มันได้หรือไม่ล่ะ รัฐธรรมนูญไม่เป็นสากล แล้วช่วยอะไรกันบ้างอธิบายกันบ้างมั้ย”

 ผู้สื่อข่าวจึงชี้แจงว่า ทุกวันนี้ส่อก็ทำความเข้าใจกับสาธารณะอยู่แล้วตามหน้าที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “อ๋อเหรอ เห็นถามฉันอยู่ทุกวันจะเลือกตั้งหรือเปล่า จะทำได้ทันในปี 60 หรือเปล่า ถามอยู่แค่นี้ จะเลือกอะไรก็เลือกไป จะเลือกพรุ่งนี้ก็เลือกไป ไปเลือกมา แล้วก็ได้ไอ้คนเฮงซวยเข้ามาอีก จะทำอย่างไรไปจัดการซะ ถ้าไม่เฮงซวยก็ไม่ต้องไปเดือดร้อน” เมื่อพูดจบพล.อ.ประยุทธ์ ได้โยนกล่องชุดตรวจวัณโรค และวัณโรคดื้อยา ใส่กลุ่มผู้สื่อข่าว ก่อนที่จะหันไปชิมน้ำจิ้มสุกี้จากน้ำส้มสับปะรด ซึ่งเป็นผลงานวิจัยด้านอาหาร และบรรจุภัณฑ์ ก่อนจะหันมาใส่อารมณ์กับผู้สื่อข่าวอีกว่า “ต้องทำงานและพัฒนาฝีมือตัวเองอยู่เรื่อยๆ เพราะมีพวกยุแยงตะแคงรั่วอยู่เรื่อยๆ รำคาญ เอาสิ ด่าผมมาเลย ไม่กลัวอยู่แล้ว ด่ามา ว่ามา แล้ววันข้าวหน้าก็คอยดูแล้วกัน ถ้าประเทศชาติมันย่อยยับไปละก็ อย่ามาโทษฉัน ผมพูดทุกอย่างรู้เรื่อง เพราะอ่าน สื่ออ่านกันบ้างไหม แล้วเจอบ้างหรือไม่สิ่งที่รัฐบาลนี้ทำดีๆ ไว้ อ่านกันหรือเปล่า ตอบมาสิ”

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อมาถึงจุดนี้พล.อ.ประยุทธ์ เรียกหาโทรศัพท์เพื่อเปิดให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมกล่าวว่า “ขอสู้กันสักตั้ง ไม่รู้จะส่งกันมาทำไม ส่งมาเพื่ออะไร จะให้ฉันทำอะไร ถ้าคิดกันแค่นี้อย่ามาเป็นสื่อ ไปเป็นอะไรก็ได้ จะส่งมาทำไมวะ”

 เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า สรุปว่าเป็นเรื่องอะไร จึงทำให้นายกฯ โมโหได้ขนาดนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอบโต้ทันทีว่า “โง่ ก็ไปหาเอาเอง คำตอบน่ะ พวกเธอฉลาดกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ฉันจะส่งให้คนที่มันไม่ฉลาดอ่าน เธอฉลาดแล้วไม่ต้องอ่าน ไม่ต้องเสนอรูป เสนอภาพฉันก็ได้ มันไม่เกิดประโยชน์ การทำเพื่อชาติบ้านเมือง มันลำบากนักก็ไม่ต้องทำหรอกว่ะ ล้วง แคะ แกะ เกามันทุกเรื่อง ไม่ต้องมาตั้งกันอีกแล้วเรื่องของทหาร เป็นผบ.กับเขาหรือยังไง เป็นแก๊งนี้แก๊งนั้น มันบ้าหรือเปล่า

 จากนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างดูผลงานเลนส์เสริมสมาร์ทโฟนให้กลายเป็นกล้องจุลทรรศน์แบบพกพาว่า “ผมไม่รู้เป็นอะไร คิดอะไรมามันผิดไปหมด” ก่อนที่จะเดินไปกลุ่มของนายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข ที่นำคณะพร้อมศิลปินดารา อาทิ สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว หรือ บี้ เดอะสตาร์ เข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อเชิญชวนสวมสายรัดข้อมือ และ ลงนามในโปสเตอร์ “We Can. I Can.” รณรงค์ป้องกันโรคมะเร็ง เนื่องใน “วันมะเร็งโลก” ซึ่งตรงกับวันที่ 4 ก.พ. ของทุกปี โดยนายกรัฐมนตรีเขียนข้อความรณรงค์ว่า ขอให้ทุกคนดูแลตัวเอง ตามคำแนะนำแพทย์และสาธารณสุข ไม่มีใครรักเรา ดูแลเราได้ดีที่สุดมากกว่าตัวเราเอง

 ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถาม “บี้-เดอะสตาร์” ดาราที่มาร่วมงานในเช้าวันนี้ว่า รู้สึกเช่นไรที่เห็นนายกรัฐมนตรีมีอารมณ์ฉุนเฉียว บี้-เดอะสตาร์ กล่าวว่า “ก็รู้สึกตกใจครับ”

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงเช้าของวันที่ 2 ก.พ. พล.อ.ประยุทธ์ อารมณ์เสียตั้งแต่ช่วงเช้า หลังจากได้อ่านหนังสือพิมพ์ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องรัฐธรรมนูญและการเลือกตั้ง รวมทั้งเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการประจำ โดยเฉพาะในส่วนของทหาร ถึงขนาดมอบหมายให้ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ส่งข้อความข่าวมายังสื่อมวลชนในทำนองต่อว่าการทำหน้าที่ของสื่อและขอให้ยกระดับการทำหน้าที่ ทั้งนี้ เมื่อสอบถามไปยังกลุ่มคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี ถึงสาเหตุที่ทำให้นายกรัฐมนตรีอารมณ์เสียเพราะอะไร ก็ได้รับการยืนยันว่ามาจากเรื่องรัฐธรรมนูญและการแต่งตั้งทหาร

ไม่มีความคิดเห็น: