PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2560

ข่าว30/1/2560

การทุจริตCCTV

เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ลั่นเอาผิด หากพบทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง CCTV แม้ผ่านมา 10 ปี

นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีกระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกา เปิดเผยข้อมูลการจ่ายสินบนแก่บุคคลที่อ้างตัวเป็นที่ปรึกษาโครงการติดตั้งกล้องซีซีทีวี ภายในรัฐสภา

ว่า หลังทราบข้อมูลแล้วสภาฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจและได้ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งหาข้อมูลโดยเร็ว โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้กำชับไปยังสำนักการคลังและงบประมาณ สำนักงาน

เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อีกครั้งว่า งบประมาณดังกล่าวมีการเบิกจ่ายไปในช่วงใด เพื่อรายงานต่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สั่งให้ดำเนินการต่อไป

ทั้งนี้ นายสรศักดิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นจะเป็นการตรวจสอบภายในก่อน แต่หากจำเป็นต้องขอข้อมูลจากสหรัฐฯ ก็พร้อมที่จะประสาน และยืนยันว่า แม้เรื่องจะเกิดมานานนับ 10 ปี แต่หากพบว่ามีการ

กระทำผิดจริง จะต้องตั้งคณะกรรมการสอบเช่นเดียวกับกรณีสินบน โรลส์ - รอยซ์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
-----------
"สุรชัย" โยน ประธาน สนช. ตั้งคณะกรรมการสอบ ปม CCTV ปัด โยงผู้บริหารชุดปัจจุบัน

นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการอาคารสถานที่และรักษาความปลอดภัย ปฏิเสธยังไม่ทราบรายละเอียดกรณีกระทรวงยุติธรรม

สหรัฐอเมริกา เปิดเผยข้อมูลการจ่ายสินบนแก่บุคคลที่อ้างตัวเป็นที่ปรึกษาโครงการติดตั้งกล้องซีซีทีวี ภายในรัฐสภา แต่ทราบเพียงว่า เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งเป็นโครงการที่ สำนักงานเลขาธิการ

สภาผู้แทนราษฎรรับผิดชอบ แต่ตนเองในฐานะประธานกรรมการชุดดังกล่าวได้สั่งเรียกประชุมวันนี้ เพื่อให้ที่ประชุมมีมติว่า จะดำเนินการเรื่องดังกล่าวได้อย่างไรบ้าง และจะข้อมูลรายงานต่อ
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ส่วนจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้หรือไม่ ขึ้นอยู่ที่ดุลยพินิจของประธาน สนช.

ขณะเดียวกัน นายสุรชัย ยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องผู้บริหารชุดปัจจุบัน แต่ไม่นิ่งนอนใจ เพราะกระทบภาพลักษณ์ของรัฐสภา ซึ่งจะดูว่าเกี่ยวข้องกับใครบ้าง ทั้งฝ่ายการเมืองและข้าราชการ

ประจำ แต่ยอมรับว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว หากผู้กระทำความผิดเกษียณอายุราชการไปแล้ว ก็ไม่สามารถเอาผิดทางวินัยได้
/////////
รอง.อธ.ขโมย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ย้ำ สั่งย้าย "สุภัฒ" ช่วยงาน ไม่ได้ปกป้อง เร่งสอบแล้ว รู้ผล 1 - 2 วันนี้ ทุกอย่างต้องเร็วและโปร่งใส

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้า กรณี นายสุภัฒ สงวนดีกุล รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ว่า ถึงแม้อัยการจากประเทศญี่ปุ่น จะไม่สั่งฟ้อง แต่

แนวทางปฏิบัติของกระทรวงพาณิชย์ จะต้องดำเนินการต่อไป โดยได้มีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว และคาดว่าจะรู้ผลการสอบใน 1 - 2 วันนี้ โดยข้อสรุปจะต้องทำอย่างเร่งด่วน ภายใต้

ความโปร่งใส และหลังจากนี้จะต้องมีการตั้งกรรมการสอบทางวินัยต่อไป ซึ่งจะมีตัวแทนจากทางสำนักงาน กพ. กระทรวงยุติธรรม สำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงพาณิชย์ โดยจะต้องดำเนิน

การตามขั้นตอน

นอกจากนี้ ยังย้ำว่า การสั่งย้าย นายสุภัฒ มาช่วยราชการ ในส่วนของสำนักปลัดกระทรวงพาณิชย์ เพื่อเป็นการถอดออกจากตำแหน่งรองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ไม่ได้สั่งย้ายมาเพื่อปกป้อง ซึ่ง

ผลการสอบต่าง ๆ จะต้องออกมาอย่างยุติธรรม ที่สุด ตามกระบวนการที่มีอยู่
---------------
"สุภัฒ สงวนดีกุล" ไม่ได้เข้าทำงานที่กระทรวงพาณิชย์ในวันนี้ ในขณะที่การทำงานในส่วนอื่นยังเป็นไปอย่างปกติ

หลังจากในวันนี้ ที่ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ใช้เวลาแถลงข่าวในกรณีของ นายสุภัฒ สงวนดีกุล รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ไม่ถึง 3 นาที โดยไม่ตอบคำถาม

ใด ๆ กับสื่อมวลชน ที่มารอฟังการแถลงข่าวหลายสำนัก

โดยบรรยากาศทั่วไปที่กระทรวงพาณิชย์ ข้าราชการยังคงทำงานตามปกติ ในขณะที่หน้าห้อง นายสุภัฒ สงวนดีกุล รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ยังคงเปิดทำงานกันตามปกติเช่นกัน แต่ได้รับ

แจ้งโดยเจ้าหน้าที่หน้าห้องว่า ในวันนี้ นายสุภัฒ ไม่ได้เข้ามาทำงาน และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครได้พบหน้า นายสุภัฒ ตั้งแต่เดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตาม สำหรับการตั้งกรรมการสอบทางวินัยนั้น โทษทางวินัยมีความผิด 5 ระดับ คือ ภาคทัณฑ์ ลดเงินเดือน ตัดเงินเดือน ให้ออก และไล่ออก
////////
โรลรอส์ย

สตง. เร่งหาหลักฐานเอาผิดปมทุจริตสินบนโรลส์รอยซ์ - ชี้ ปตท. ยังมีอุปสรรค เตรียมเจรจาเร่งรัดขอความร่วมมือ

นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงกรณีการทุจริตรับสินบนโรลส์ - รอยซ์ ว่า ได้มีการรวบรวมหลักฐานจากหลายหน่วยงานในขั้นตอน

ต่าง ๆ สำหรับการตรวจสอบข้อเท็จจริงของบุคคลที่อยู่ร่วมในกระบวนการนี้ เพื่อเตรียมไว้สำหรับเปรียบเทียบกับข้อมูลของหน่วยงานทั้งทางประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกา โดยเอกสารจากบริษัท

การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้รับความร่วมมือให้เอกสารหลักฐานมาเป็นอย่างดี แต่ในส่วนของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) นั้น ยังมีอุปสรรคอยู่บ้าง เนื่องจากมีการตั้งกรรมการตรวจสอบภายใน

และทำการขอเวลาเพิ่มเติม ทาง สตง. จึงได้ทำการเจรจาเร่งรัดว่าต้องให้ความร่วมมือ มิเช่นนั้นจะต้องใช้อำนาจหน้าที่ในการดำเนินการ

ทั้งนี้ นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า หลังจากรับข้อมูลจากทางอังกฤษแล้ว สตง. จะนำมาพิจารณาร่วมกับหลักฐานที่รวบรวมไว้ และจะนำหลักฐานที่มีการทุจริตส่งให้แก่ทาง สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน

และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือ ดีเอสไอ ต่อไป

นอกจากนี้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จะมีการประชุมผู้ที่ดูแลกรณีสินบนโรลส์ - รอยซ์ โดยเฉพาะ เพื่อหาแนวทางในการเยียวยาแก้ไขปัญหาและปราบปราม ใน 1- 2 วันนี้
///////
ปยป.ปรองดอง

นายกฯ นำประชุม คณะกรรมการปฏิรูปวางกรอบ ป.ย.ป. ส่งต่อรัฐบาลใหม่ที่มาจากเลือกตั้ง

ความเคลื่อนไหวที่ทำเนียบรัฐบาล ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการบริหารราชการแผ่น

ดินเชิงยุทธศาสตร์ ครั้งที่ 1/2560 ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวระหว่างการประชุมว่า การปฏิรูปประเทศของรัฐบาล ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินงาน ทั้งฟังก์ชันและเชิงยุทธศาสตร์ อยู่ในระยะที่ 2

ซึ่งก็รวมไปถึงคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) ที่ตั้งขึ้นมาเสริม เพื่อให้การทำงาน มีความชัดเจน

มากยิ่งขึ้น และเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปประเทศ ในระยะที่ 3 โดยมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี ที่จะดำเนินการปฏิรูปประเทศ ในระยะ 5 ปีแรก และวางแผนงานต่อไปให้ครบ 20 ปี ข้าง

หน้า เพื่อส่งต่อให้แก่รัฐบาลชุดถัดไป ที่มาจากเลือกตั้ง ซึ่งถือเป็นประชาธิปไตย

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวมอบนโยบายและซักซ้อมความเข้าใจในการทำงานของคณะกรรมการ ป.ย.ป. และสำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรีด้วย
------------
"พล.อ.ประวิตร" ปัด แอบคุยพรรคการเมืองสร้างปรองดอง เชื่อ ปรับ ป.ย.ป. ไร้ปัญหา

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปฏิเสธว่า ส่วนตัวและรัฐบาลไม่เคยไปแอบพูดคุยเพื่อตกลงกับนักการเมืองในเรื่องการสร้างความปรองดอง

หรือจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติตามที่มีสื่อมวลชนบางส่วนกล่าวอ้าง ทั้งนี้ ไม่เคยเดินทางไปแอบคุยหรือส่งใครไปพูดคุยกับฝ่ายการเมืองหรือพรรคใด ทั้งนี้ ขอย้ำว่ารัฐบาลมีความตั้งใจที่จะทำให้เกิด

ความปรองดองและให้ฝ่ายการเมืองเข้ามาแสดงความคิดเห็นโดยอิสระในเรื่องดังกล่าว

นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงกระแสข่าวจะมีการปรับคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) ว่า

นายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้พิจารณาว่าใครเหมาะสม แต่ทั้งนี้เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
-----------------
โฆษก กห. เผย "พล.อ.ประวิตร" เน้นย้ำสนับสนุนสร้างความปรองดองอย่างเต็มที่ - กำชับช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้

พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เน้นย้ำให้หน่วยขึ้นตรงของกระทรวง

กลาโหมสนับสนุนในเรื่องของการสร้างความปรองดองอย่างเต็มความสามารถ และให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพเปิดรับความคิดเห็นทุกภาคส่วนเพื่อให้ความรัก ความสามัคคี เป็นหนึ่งเดียวกันในชาติ

กลับมาเป็นพลังหลักที่สำคัญในการเดินหน้าขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ ตามยุทธศาสตร์ชาติร่วมกัน

นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังกำชับให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้อย่างต่อเนื่องและทั่วถึง โดยประสานงานเรื่องการฟื้นฟูพื้นที่กับ

กระทรวงมหาดไทยอย่างใกล้ชิด ไม่ให้ซ้ำซ้อน และดำเนินการให้มีความโปร่งใส ในลักษณะประชารัฐเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ และการทำงานร่วมกันของชุมชน สู่ชุมชนเข้มแข็งในอนาคต
-------------
ผบ.ทบ. มอบหมายทุกส่วนงานเตรียมการหนุนสร้างความปรองดอง เปิดทุกพื้นที่แลกเปลี่ยนความเห็นสร้างความรัก ความสามัคคี

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า วันนี้ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขาธิการ คสช. เป็น

ประธานการประชุมสำนักเลขาธิการ คสช. โดยมอบหมายให้ทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้องเตรียมการสนับสนุนงานสร้างความสามัคคีปรองดองตามแนวทางที่รัฐบาลกำหนด

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ทาง คสช. ได้ดำเนินการสร้างความรัก ความสามัคคีในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ จัดโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับความรัก ความสามัคคี การเปิดพื้นที่ให้ทุกภาคส่วนมาแลกเปลี่ยน

ความคิดเห็น การใช้สื่อเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการสร้างความรัก ความสามัคคี

นอกจากนี้ พล.อ.เฉลิมชัย ยังได้ขอบคุณทุกส่วนงานที่ดำเนินตามบทบาทหน้าที่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และสนับสนุนการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล โดยเฉพาะการใช้อำนาจ

หน้าที่ตามกรอบอย่างเหมาะสม พร้อมขอให้ทุ่มเททำงานในช่วงเวลาต่อไป เพื่อให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและประชาชนได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด  
----------
"สังศิต" รับ ไม่นำแนวคิด 66/23 มาเป็นหลักการในการรายงานศึกษาแนวทางการปรองดอง

นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษา รวบรวมความคิดเห็น วิเคราะห์ และสังเคราะห์ ประเด็นการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง และการสร้างความปรองดองทางการเมือง ใน

คณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ประชุมคณะอนุกรรมาธิการ ครั้งที่ 2 โดยชี้แจงต่อที่ประชุมว่า หลังจากแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน

เรื่อง แนวคิดคำสั่ง 66/23 ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ สัปดาห์ก่อน ทำให้หลายฝ่ายเข้าใจผิดและไม่เห็นด้วย แม้ว่าหลักการดังกล่าวเป็นเพียงแนวคิดเริ่มต้นเท่านั้น จึงจะทบทวนแนวคิดนี้
อีกครั้ง และอาจจะไม่นำมาเป็นหลักการในการรายงานศึกษาแนวทางการปรองดอง ซึ่งเมื่อจัดทำแล้วเสร็จทางคณะอนุกรรมาธิการจะส่งต่อไปยังคณะรัฐมนตรีทันที โดยไม่เสนอเข้าที่ประชุม สปท.

เพราะคณะอนุกรรมการฯ ไม่ต้องการทำงานเป็นคู่ขนานไปกับ ป.ย.ป. ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลโดยตรง
-----------------
ปชป. ส่งตัวแทน ยื่นหนังสือ สปท. ปฏิเสธเสนอคิดเห็นปรองดอง ย้ำ หนุน ป.ย.ป. ขณะไม่เอานิรโทษ

นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เป็นตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ

(สปท.) ผ่านเจ้าหน้าที่สารบรรณ รัฐสภา ปฏิเสธให้ข้อเสนอแนะการสร้างความปรองดองของพรรคให้กับ สปท. แต่ยืนยันพรรคประชาธิปัตย์พร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการสร้างความ

ปรองดองในชาติ และมีจุดยืนตรงกันกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่จะสร้างความสามัคคีปรองดองโดยยึดหลักกฎหมาย ไม่มี

การนิรโทษกรรม และเห็นว่า สปท. และ สนช. ควรจะรอให้คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง หรือ ป.ย.ป. ที่

ทำหน้าที่เกี่ยวกับการสร้างความสามัคคีปรองดองได้ข้อสรุปก่อน เพราะตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2560 ระบุไว้ชัดเจนว่า การสร้างความปรองดองเป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ย.ป. ดังนั้น พรรคจึงจะ

ส่งข้อมูลและข้อเสนอแนะที่รวบรวมอย่างไม่เป็นทางการผ่าน ป.ย.ป. แทน
-----------
เพื่อไทย ส่งความเห็นปรองดอง ถึง "เสรี" ชี้ ต้องให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม แนะหยิบรายงาน คอป. - พระปกเกล้าฯ มาพิจารณา

พรรคเพื่อไทย ส่งประเด็นความคิดเห็นทางการเมือง ถึง นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ตามที่ได้มี

การทำหนังสือขอความร่วมมือเพื่อนำไปประกอบในการพิจารณาดำเนินการดำเนินการสร้างความปรองดองทางการเมือง โดยเห็นว่าความขัดแย้งทางการเมืองในระยะเวลาเกือบ 10 ปีที่มา ผ่านเกิดขึ้น
จากหลายปัจจัย สาเหตุหลักเริ่มต้นเมื่อมีพรรคการเมืองสามารถชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้น ได้รับการยอมรับจากประชาชนให้เข้ามาบริหารประเทศตามนโยบายที่ให้สัญญาไว้ได้อย่างต่อเนื่อง จน

กระทั่งฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองไม่สามารถต่อสู้ทางการเมืองผ่านระบบรัฐสภาได้ จึงนำไปสู่การหาทางต่อสู้ทางการเมืองนอกระบบรัฐสภา จนนำไปสู่การปฏิวัติรัฐประหาร ส่งผลให้ขยายความขัด

แย้งเพิ่มเติมมากขึ้น แบ่งฝักแบ่งฝ่ายอย่างชัดเจน มีการใช้กระบวนการทางกฎหมายที่เป็น 2 มาตรฐาน ขัดขวางการเลือกตั้ง ไม่ยอมรับในหลักการประชาธิปไตย สร้างวาทกรรมให้เกิดความเกลียดชัง

เพื่อทำลายฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ส่งผลให้สังคมเกิดความเกลียดชัง เคียดแค้น

ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทย เห็นว่า แนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและการสร้างความปรองดอง ต้องอาศัยความร่วมมือ และการมีส่วนร่วมของฝ่ายต่าง ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องใน

ปัญหาทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยที่ต้องหาสาเหตุของความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ซึ่ง คอป. และสถาบันพระปกเกล้าฯ ได้เคยศึกษาไว้อย่างละเอียดและครอบคลุมพอสมควรแล้ว สมควรที่จะหยิบยกมา

พิจารณาประกอบควบคู่กันไป ต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้สังคมมีความเป็นธรรม ไม่มี 2 มาตรฐาน และคณะกรรมการที่จะเข้ามาดำเนินการควรมีความจริงใจ และตั้งใจจริงในการ

แก้ไขปัญหาเรื่องความปรองดอง ควรมีองค์ประกอบจากผู้ที่มีความเป็นกลาง มีความเป็นอิสระ มีคุณธรรม และสังคมให้การยอมรับ

///////
ควบคุมสื่อ

"พล.อ.ประวิตร" ยัน คสช. ไม่เคยคิดควบคุมสื่อมวลชน ชี้ แค่ต้องการให้นำเสนอแต่ความจริง หรือสร้างความเข้าใจผิดให้แก่ผู้รับข่าวสาร

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีการคัดค้านร่าง พ.ร.บ.การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อ

มวลชน หรือ พ.ร.บ.คุ้มครองสื่อฯ ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นแนวคิดของสมาชิกสภาปฏิรูปประเทศ (สปท.) ซึ่งเพิ่งเริ่มดำเนินการโดยต้องรอให้ดำเนินการก่อน และยังไม่ได้ออกมาเป็นกฎหมาย เพราะยัง

อยู่ในการดำเนินการอีกหลายขั้นตอน ซึ่งส่วนตัวเห็นว่ายังไม่น่าตกใจ

อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่า ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่เคยคิดที่จะคุมสื่อมวลชน แต่ต้องการให้สื่อมวลชนนำเสนอแต่ความจริง ไม่เสนอเรื่องที่เพ้อเจ้อหรือคิดไปเอง เพราะจะทำให้

เกิดความเสียหายหรือเข้าใจผิดของผู้รับข่าวสาร
---------------------
กรรมธิการปฏิรูปสื่อมวลชน สปท. ยันร่าง พ.ร.บ.สื่อฯ ไร้วาระซ่อนเร้น ชี้แทรกแซงยาก ยันมีเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญในการเสนอข้อมูลข่าวสาร

พล.อ.อ.คณิต สุวรรณเนตร ประธานกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการสื่อสารมวลชน กล่าวกรณีที่องค์กรวิชาชีพสื่อกว่า 30 องค์กร คัดค้านร่างพระราชบัญญัติการคุ้มครองสิทธิ

เสรีภาพ ส่งเสริม จริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชนว่า กรรมาธิการพิจารณาด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่มีวาระซ่อนเร้น หรือประโยชน์ทับซ้อน ส่วนการที่กำหนดให้โครงสร้างคณะกรรมการสภา

วิชาชีพสื่อมวลชน มีสัดส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐ 4 ตำแหน่งนั้น เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการดำเนินการ เช่น การที่กำหนดให้มีปลัดกระทรวงการคลัง ก็เพื่อให้สะดวกต่อของบประมาณ

ส่วนที่สื่อมวลชนเป็นห่วงว่า จะถูกแทรกแซงจากรัฐนั้น ยืนยันว่าเป็นไปได้ยาก เพราะสัดส่วนของกรรมการด้านสื่อมวลชน มีถึง 5 คน ซึ่งมากกว่าสัดส่วนของรัฐ ดังนั้นขออย่ากังวลเพราะสื่อมวล

ชนยังคงมีสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญในการเสนอข้อมูลข่าวสารได้อย่างเสรี

ขณะที่ข้อกังวลเรื่องใบอนุญาตผู้ประกอบวิชาชีพสื่อนั้น เบื้องต้นกำหนดให้กรรมการสภาวิชาชีพ เป็นผู้พิจารณากำหนดคุณสมบัติ ซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพใหม่ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด แต่

สื่อมวลชนเดิม อาจไม่ต้องสอบใหม่ เพียงแต่ต้องเข้ารับการอบรมตามหลักเกณฑ์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอทั้งหมดยังไม่ได้ข้อยุติ เพราะต้องผ่านการพิจารณาในหลายขั้นตอนกว่าจะออกมาเป็น

รูปธรรม
//////
รัฐธรรมนูญ

"มีชัย" เผย เตรียมตั้ง คกก.ปฏิรูปประเทศ เพื่อออกกฎหมายด้านการศึกษา - ปรับโครงสร้างของกระทรวงศึกษาธิการ

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวปาฐกถา เรื่อง รัฐธรรมนูญกับทิศทางการปฏิรูปประเทศ ว่า สิ่งที่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญคาดหวังจากการปฏิรูปการศึกษาตามร่างรัฐ

ธรรมนูญฉบับใหม่ คือ อยากให้เด็กใฝ่หาความรู้ด้วยตนเอง และพัฒนาครู ซึ่งเป็นบุคลากรสำคัญในระบบการศึกษา จึงได้กำหนดให้คณะรัฐมนตรีตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศทำหน้าที่ภายใน 2 ปี

เพื่อออกกฎหมายด้านการศึกษา โดยคณะกรรมการชุดดังกล่าวจะต้องมีทั้งคนในและคนนอกระบบการศึกษาเพื่อให้สามารถมองให้ทะลุปัญหาการศึกษาที่ไทยกำลังประสบอยู่ ขณะเดียวกัน อาจ

ต้องมีการปรับโครงสร้างของกระทรวงศึกษาธิการ

ส่วนหลักสูตรการศึกษาในระดับชั้นที่รัฐบังคับให้ต้องเรียน ควรมีวิชาทางเลือกที่ไม่ใช่เพียงสายวิทยาศาสตร์ให้เด็กได้เรียนรู้ เพื่อเป็นเส้นทางให้นำไปสู่การเรียนเฉพาะทางตามความถนัดของแต่ละ

บุคคล โดยมีสิ่งจูงใจด้วยการให้ทุนการศึกษาจนถึงระดับสูงสุด โดยจะพิจารณาให้ตามความเหมาะสม เช่น ผู้ที่มีความถนัด และไม่มีทุนการศึกษา ส่วนการศึกษาในระดับอุดมศึกษาในรัฐธรรมนูญ

ได้ป้องกันไม่ให้องค์กรวิชาชีพจะเข้ามาขัดขวางการกำหนดหนักสูตรการศึกษาของสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษา เพราะจะทำให้การศึกษาของไทยล้าหลัง วิชาเรียนถูกมองเป็นวิชาชีพ
---------

"มีชัย" โยนคณะกรรมการปฏิรูปการศึกษาพิจารณาปรับโครงสร้าง ไม่ขอสรุปว่าจำเป็นต้องมีหน่วยงาน 5 แท่งหรือไม่

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมาการร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงการปรับโครงสร้างของกระทรวงศึกษาธิการในช่วงของการปฏิรูปการศึกษาตามร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ว่า เป็นหน้าที่ของคณะ

กรรมการปฏิรูปปรับการศึกษาที่คณะรัฐมนตรีตั้งขึ้นมาทำหน้าที่วางแผนการปฏิรูปที่จะพิจารณาว่าจำเป็นต้อง โดยจะมีแท่ยุบรวมโครงสร้าง 5 แท่ง หรือ 5 องค์กรหลัก ประกอบด้วย 1.สำนักงาน

ปลัดกระทรวง 2.สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) 3.สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา 4.สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และ 5.สำนักงานคณะกรรมการ

เลขาธิการสภาการศึกษา หรือไม่ หากเป็นหน่วยงานในระดับปฏิบัติก็สามารถคงไว้ได้ แต่ถ้าเป็นระดับนโยบายอาจมีปัญหา แต่เรื่องนี้คงไม้ใช่ประเด็นหลักในการปฏิรูปเพราะจะต้องมองในภาพรวม

แล้วค่อยปรับโครงสร้างให้สอดคล้อง และส่วนตัวไม่ขอสรุปว่าจำเป็นต้องมีหน่วยงาน 5 แท่งหรือไม่

ส่วนการปฏิรูประบบการศึกษาที่ในส่วนจังหวัดกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะจ.สามารถเสนอให้คณะกรรมการปฏิรูปการศึกษาเพื่อนำไปสู่การพิจารณาแนวทางปฏิรูปได้
////////////////
สถานการณ์ต่างประเทศ

3 คนร้าย กราดยิงมัสยิดในแคนาดา มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก และเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 5 คน

สำนักข่าว เดอะการ์เดี้ยน รายงาน เกิดเหตุกราดยิงในมัสยิดคิวเบคของประเทศแคนาดา มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 คน และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก

รายงานระบุว่า ผู้ก่อเหตุ 3 คน ลงมือเวลาประมาณ 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่ชาวมุสลิมราว 40 คน กำลังสวดมนต์ตามพิธีทางศาสนา ภายในมัสยิดดังกล่าว

สำหรับเมืองควิเบก (Quebec) เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมของชาวมุสลิม ในย่านเซนต์-ฟอย อย่างไรก็ตาม รายงานระบุด้วยว่าสามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว 2 คน แต่ยังไม่รายงานเหตุจูงใจ
---------
ประชาชนชาวสหรัฐฯ นับหมื่น ลุกฮือประท้วงทั่วประเทศ ต่อต้านนโยบายกีดกันชาวมุสลิม 7 ชาติ เข้าประเทศ

ประชาชนชาวสหรัฐฯ นับหมื่นคนทั่วประเทศ ออกรวมตัวเดินประท้วงนโยบายต่อต้านมุสลิมของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน โดยฝูงชนนับหมื่นรวมตัวกันใน

ช่วงบ่ายวันอาทิตย์ (29 มกราคม) นอกทำเนียบขาว และยังมีขบวนที่มาจาก จตุรัสคอบเลย์ ของบอสตัน, แบทเทอรรี่ ปาร์ค ในแมนฮัตตัน และที่สนามบินแอตแลนตา ลอสแอนเจลิส วอชิงตัน และ

ดัลลาส ด้วย

โดยประชาชนที่ออกมารวมตัว กระจายอยู่ที่สนามบินทั่วประเทศ มีการกักตัวนักท่องเที่ยวที่ทยอยออกจากสนามบินด้วย ทั้งนี้ การประท้วงดังกล่าวมีขึ้นตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หลัง ทรัมป์

ประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ห้ามชาวมุสลิม จาก 7 ประเทศมุสลิมอันตราย ได้แก่ อิหร่าน อิรัก ซีเรีย ซูดาน ลิเบีย เยเมน และโซมาเลีย เข้าสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม บางส่วนของข้อห้ามถูกขัดขวางโดยผู้พิพากษาในศาลนิวยอร์ก เมื่อวันเสาร์ (28 มกราคม)
--------------
สายการบินต่างชาติ ปรับการจัดการพร้อมสกรีนผู้โดยสารก่อนเข้าสหรัฐฯ หลัง ทรัมป์ ประกาศห้ามมุสลิม 7 ประเทศเข้า

สายการบินเอมิเรตส์ สับเปลี่ยนนักบินและลูกเรือในเที่ยวบินมุ่งไปยังสหรัฐฯ หลัง ทรัมป์ สั่งห้ามมุสลิมเข้าประเทศ เช่นเดียวกับสายการบินอื่น ๆ ที่ต้องสแกนผู้โดยสารจากประเทศที่มีผลกระทบ

จากคำสั่งดังกล่าวก่อนออกเดินทางจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการขัดการของสายการบินที่จะรับมือกับปัญหาที่เกิดจากคำสั่งของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี ซึ่งคำสั่งดังกล่าว ถูกนำมาใช้
กับนักบินและพนักงานต้อนรับจากประเทศมุสลิมใหญ่ 7 ประเทศ

อย่างไรก็ตาม โฆษกของสายการบินเอมิเรตส์ กล่าวด้วยว่า ผลกระทบจากคำสั่งห้ามชาวมุสลิม 7 ประเทศ เข้าสหรัฐฯ นี้ จะทำให้ความร่วมมือถดถอยลง พนักงานต้อนรับกว่า 23,000 คน และนักบิน

อีก 4,000 คน จากทั่วโลก รวมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ยุโรป และตะวันออกกลาง

ขณะที่สายการบินญี่ปุ่น มีการเตรียมสกรีนผู้โดยสารจาก 7 ประเทศ ก่อนจะมีคำสั่งอย่างเป็นทางการของผู้นำสหรัฐฯ แล้ว ส่วนสายการบินเอติฮัด กล่าวว่า มีการยกระดับเพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะไม่

ให้เป็นปัญหาสำหรับกรคัดแยกในสัปดาห์หน้านี้
--------------
สตาร์บัค ประกาศจ้างแรงงานอพยพทั่วโลก หมื่นอัตรา โต้นโยบาย ทรัมป์ กีดกันมุสลิม

สำนักข่าว วิตี้ เอ.เอ็ม. รายงาน บริษัทเครือข่ายกาแฟ ชื่อดัง "สตาร์บัค" ประกาศจะจ้างแรงงานอพยพทั่วโลก 10,000 อัตรา ในอีก 5 ปีข้างหน้า ตอบโต้นโยบายของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี

สหรัฐฯ

โดย นายโฮวาร์ด ชูลทส์ ประธานบริหารของสตาร์บัค กล่าวในจดหมายเปิดผนึกที่เป็นความฝันของชาวอเมริกัน เพื่อเรียกร้องเกี่ยวกับปัญหาในคำสั่งล่าสุดของผู้นำสหรัฐฯ ที่ประกาศห้ามชาวมุสลิม

จาก 7 ชาติใหญ่เข้าประเทศ

ในจดหมายดังกล่าว ประธานบริหารของสตาร์บัค ระบุว่า การเขียนจดหมายถึงท่านประธานาธิบดีวันนี้ด้วยความกังวลอย่างยิ่ง หัวใจที่มุ่งมั่นและด้วยปฏิญาณที่แน่วแน่ ที่เรากำลังอยู่ในช่วงเวลาใน

รูปแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน  หนึ่งในนั้น คือ ความรู้สึกผิด และสัญญาฝันอเมริกัน ที่นำมาสู่การเรียกร้อง"

รายงาน ระบุว่า บริษัทกำลังทำทุกอย่างที่เป็นไปได้ สำหรับการมองไปในภายหลังที่พนักงานได้รับผลกระทบ จากคำสั่งห้าม ที่บริษัทจะมุ่งไปที่การจ้างงานแรงงานอพยพในสหรัฐฯ โดยเฉพาะผู้ที่มี

หน้าที่ช่วยเหลือหรือความช่วยเหลือจากกองทัพด้วย
------------

ไม่มีความคิดเห็น: