PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2560

พบแล้ว..!!"ตัวการ"ลักลอบขายอาวุธสงคราม


พบแล้ว, พบแล้ว ตัวการลักลอบขายอาวุธสงคราม, ลักลอบขายอาวุธสงคราม, ผบทบชี้พบแล้วตัวการขายอาวุธสงคราม, ข่าวการเมือง คมชัดลึก, ตัวการ, ผบทบ, สอธนากรณ์, ชพัน1 รอ

"ผบ.ทบ."เผย“ส.อ.ธนากรณ์”ทหารช.พัน 1 รอ.เป็นตัวการ ลักลอบขายอาวุธ-ระเบิดกองทัพ

ผ่านไลน์และเฟซบุ๊ก เชื่อไม่เกี่ยวเหตุป่วนกรุง ลั่นพร้อมตัดคนไม่ดีออกจากกองทัพ ไ


          6  มิ.ย. 60 - พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ว่า ตนได้เน้นย้ำในที่ประชุมเกี่ยวกับการดูแลตรวจสอบคลังอาวุธของหน่วยต่างๆ ส่วนกรณีการตรวจพบอาวุธสงครามในพื้นที่กทม. และจ.ตราดนั้นยืนยันว่าทั้งสองเหตุการณ์ไม่มีความเชื่อมโยงกัน ในส่วนของจ.ตราดนั้นทางผู้ต้องหาได้รับสารภาพว่าดำเนินการส่งให้ชนกลุ่มน้อยในพื้นที่ด้านตะวันตก โดยรูปลักษณ์ของอาวุธตนเชื่อมั่นว่าเป็นไปในลักษณะนั้น ถือเป็นกระบวนการลักลอบค้าอาวุธสงครามจากด้านตะวันออกไปด้านตะวันตก ในส่วนกรณีการส่งวัตถุระเบิดผ่านบริษัทขนส่งพัสดุเอกชนที่พบที่กทม.นั้น ฝ่ายความมั่นคงได้นำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาควบคุมตัวไว้ 19 คน แบ่งเป็นทหาร 12 คน และพลเรือน 7 คน จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า คือ ส.อ.ธนากรณ์ บุญกาญจน์ เจ้าหน้าที่คลังอาวุธของกองพันทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์ (ช.พัน1 รอ.)เป็นผู้เกี่ยวข้องหลัก ที่ผ่านมาส.อ.ธนากรณ์ร่วมกับพวกเปิดแอพพลิเคชั่นไลน์ และเฟซบุ๊กซื้อขายแลกเปลี่ยนอาวุธปืนทั้งแบบที่มีทะเบียนและไม่มีทะเบียน เมื่อเห็นว่าสามารถซื้อขายได้จึงลักลอบนำวัตถุระเบิดส่วนหนึ่งพร้อมกระสุนมาขายอีก ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีต่อไป
          “ขบวนการค้าอาวุธสงครามมีมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยที่มีเหตุการณ์บริเวณชายแดน บางคนมองว่าสามารถทำกำไรได้ง่าย และรู้ช่องทางในการซื้อขาย จึงใช้ความรู้ความสามารถของตนเองดำเนินการ ทั้งนี้ยืนยันว่าทั้งสองกรณีไม่เกี่ยวข้องกัน อีกคนดำเนินการในหน่วยของตนเองเนื่องจากรับผิดชอบดูแลคลังอาวุธ ซึ่งมีความรู้เรื่องนี้พอสมควรและทำงานอยู่มาเป็นเวลานาน แม้ว่าจะมีการตรวจสอบตามช่วงเวลาผ่านกรรมการของหน่วยและกรรมการส่วนกลางเขาก็หาช่องทางหลบเลี่ยงได้ ผมพยายามทุกวิถีทางที่จะคลี่คลายเรื่องนี้ พร้อมใช้โอกาสนี้กวาดล้างผู้ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธสงครามทั้งหมด อย่างไรก็ตามได้เน้นย้ำทุกหน่วยไปดำเนินการกวาดล้างอาวุธสงครามในพื้นที่ทุกพื้นที่ที่สงสัย” ผบ.ทบ. กล่าว
          พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวยืนยันว่า ในกรณีเหตุการณ์ที่จ.ตราดเป็นอาวุธที่มาจากต่างประเทศที่ต้องการที่จะส่งไปจากด้านตะวันออกไปด้านตะวันตก ไม่ได้มาจากคลังของทหาร เราเป็นเพียงทางผ่าน ซึ่งจะเห็นได้ว่าประเทศรอบด้านเรามีความขัดแย้ง โดยกลุ่มชนกลุ่มน้อยพยายามสร้างความเข้มแข็งให้กับตนเอง ไม่สามารถจัดหาอาวุธแบบถูกกฎหมายได้ จึงพยายามซื้ออาวุธที่มาถูกต้องจากพื้นที่ที่มีการค้าขาย ตนได้เข้มงวดมาโดยตลอด โดยเฉพาะอาวุธที่อยู่คลังที่ประจำการอยู่ภายในกองทัพบก เมื่อไม่สามารถนำในส่วนนี้ออกมาได้จึงต้องไปซื้อจากต่างประเทศนั้นเป็นเรื่องของคน ทั้งนี้กำลังพลของกองทัพบกมีจำนวนมากทั้งคนดีและไม่ดี เมื่อพบว่าคนใดไม่ดีก็ต้องดำเนินการ
          เมื่อถามว่าที่ผ่านมาทางชนกลุ่มน้อยได้มีการเจรจากับรัฐบาลของประเทศตนเอง แต่ยังสะสมอาวุธอยู่นั้น เกิดจากสาเหตุใด พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า ชนกลุ่มน้องทุกกลุ่มต้องการสร้างความมั่นใจให้กับตนเอง ในอนาคตทุกกลุ่มต้องแข็งแรง และซื้อจากที่ไหนก็แล้วแต่ แต่ละกลุ่มมีวิธีการของตนเอง ในส่วนของเราก็ต้องป้องกันคนของเราเองที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการเหล่านี้
          เมื่อถามว่าอาวุธและระเบิดที่มีชื่อผู้รับอยู่ที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และจ.ปัตตานีนั้นจะมีความเชื่อมโยงกับการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงหรือไม่ พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า ส่วนใหญ่เป็นกระสุนและวัตถุระเบิดเป็นหลัก ซึ่งมีกลุ่มที่สะสมอาวุธเหล่านี้ และเมื่อมีการนำไปใช้เราก็ตรวจจับกลุ่มเป้าหมายทั้งหมดทั้ง 19 คนที่มีรายชื่ออยู่และยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับการก่อความวุ่นวายในช่วงเวลาที่ผ่านมา อาวุธที่ขายเป็นกระสุนที่ครบนัด ไม่เหมือนกับระเบิดแสวงเครื่องที่จัดทำขึ้นมาเองในเหตุการณ์ระเบิด 3 จุดในกทม. เรื่องนี้ถือเป็นความทุจริตของบุคคล ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลว่ามีอะไรนอกเหนือจากนี้หรือไม่ก่อนจะดำเนินการตามกฎหมาย
          ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีการส่งอาวุธเข้าไปในหน่วยทหารจนตำรวจไม่สามารถตรวจสอบได้นั้น พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวตนไม่ทราบ แต่ตรงไหนที่มีหลักฐานก็จะต้องตามไปให้หมด บางส่วนไม่ได้มาจากที่ส่งไป แต่มีอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว ทั้งหมดยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องว่าเป็นทหารแล้วจะมาดูแลกัน หากคนไม่ดีตนก็พร้อมเอาออกจากกองทัพ ซึ่งเวลานี้ตำรวจกำลังสอบสวนและเราต้องทำคู่ขานกันไป ในส่วนของจ.ตราดที่มีความเป็นห่วงว่าจะกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับประเทศเพื่อนบ้านนั้น คิดว่าคงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเป็นเรื่องของทหารนอกแถวของประเทศเพื่อนบ้านมาเจอกับทหารนอกแถวของเราร่วมกันดำเนินการ คงไม่มีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ ขอให้แยกเรื่องของบุคคลกับหน่วยงานหรือองค์กร 

ไม่มีความคิดเห็น: