PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2557

ทบ. แจงทหารไม่มีอำนาจพิเศษ ออกมาไม่ได้ จี้ตำรวจทำคดีโปร่งใส-กปปส.ดูแลกันเอง

รองโฆษก ทบ. เผย ผบ.ทบ. จัดกำลัง 5 พันนายสนับสนุนภารกิจ ศรส. แจงทหารไม่มีอำนาจพิเศษ การใช้กฎหมายเป็นหน้าที่ตำรวจ แต่เรียกร้องให้ทำคดีโปร่งใส เที่ยงธรรม ฝาก กปปส. ควบคุมกันเอง ไม่ปลุกระดม สื่อไม่ขยายความเกลียดชัง เผยจะออกมาเมื่อเกิดจลาจลหรือมีกองกำลังต่างชาติ เชื่อปัญหายุติด้วยกระบวนการยุติธรรม

วันนี้ (29 ม.ค.) พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก (ทบ.) กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้ให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนว่า การปฏิบัติงานในปัจจุบัน ทหารปฏิบัติหน้าที่ในหลายมิติ แต่อยู่ภายใต้กรอบกฎหมายทั้งสิ้น โดยได้จัดกำลังกว่า 5,000 นาย สนับสนุน ศรส. ในภารกิจต่างๆ เช่น ด่านตรวจ จุดตรวจ, จัดกำลังเข้า รปภ. สถานที่สำคัญต่างๆ, สายตรวจ (สห.) โดยรอบพื้นที่ชุมนุม และพื้นที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 4. จัดชุดปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนกรณีเกิดเหตุรุนแรง และ 5. เตรียมแผนและกำลังเพื่อเผชิญเหตุกรณีต่างๆ ตามแผนเผชิญเหตุ

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า สถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น มีแต่จะสร้างความเกลียดชังต่อกัน สร้างความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน เกิดความหวาดระแวง ระหว่างทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชนแต่ละฝ่าย ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุความรุนแรงใดๆ เจ้าหน้าที่ต้องใช้กฏหมายเข้าดำเนินการ ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ก็ต้องใช้กฎหมาย ประชาชนทุกฝ่ายต้องช่วยกันเร่งรัดให้ข้อมูล ช่วยกันติดตาม ร่วมกันขับเคลื่อนให้กลไกหลักดำเนินการ สำหรับในกระบวนการของการทำคดี โดยเฉพาะเรื่องการสืบสวนสอบสวนหรือจุดเริ่มต้นของกระบวนการยุติธรรม กฎหมายได้กำหนดให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ทหารคงไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยว หากไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติงานแล้วจะให้ใครทำ

รองโฆษก ทบ. กล่าวว่า การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทหารปัจจุบัน คือ การเฝ้าระวัง การแจ้งเตือน การป้องปราม การเข้าคลี่คลายสถานการณ์ ซึ่งบางครั้งก็อาจเป็นไปได้อย่างจำกัด การร่วมพิสูจน์ทราบพื้นที่เกิดเหตุร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ การสนับสนุนให้เกิดการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย โดยเฉพาะในกรณีที่ความคืบหน้าของคดีฯบางครั้งอาจช้าไป หรือยังไม่ได้ดำเนินการ ก็จะช่วยเร่งรัดให้ ทางกองทัพไม่อยากให้มีการกดดัน ผบ.ทบ. ซึ่งปัจจุบันก็อยู่ในสถานะเดียวกับ ผบ.ตร. และ ผบ.ท่านอื่นๆ ผบ.ตร. มีอำนาจตามกฎหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ควบคุม รับผิดชอบการปฏิบัติทุกอย่าง

อย่างไรก็ตาม กรณีเกิดเหตุการณ์ความรุนแรง ผู้ที่ต้องรับผิดชอบมีหลายฝ่าย ตั้งแต่รัฐบาลลงไป ซึ่งจะต้องแสดงความคืบหน้าการดำเนินการต่อแต่ละเหตุการณ์อย่างโปร่งใส เที่ยงตรง และเที่ยงธรรม กปปส.หรือกลุ่มผู้ชุมนุม จะต้องควบคุมกันเองให้ได้ ไม่ละเมิดกฎหมาย หรือปลุกระดมสร้างความรุนแรง เจ้าหน้าที่ทุกส่วน ก็ต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มประสิทธิภาพตามอำนาจและหน้าที่ของตนภายใต้กฎหมาย

ไม่มีความคิดเห็น: