PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เกษียร เตชะพีระ : สงครามความชอบธรรม

สงครามความชอบธรรม
%%%%%%%%%%%

เนื้อแท้ของความขัดแย้งต่อสู้ทางการเมืองในปัจจุบันระหว่างรัฐบาลพรรคเพื่อไทย, กปปส.&ปชป., "มวลมหาประชาชน", และประชาชนผู้ต้องการรักษาระบอบประชาธิปไตยและสันติภาพไว้ เป็น "สงครามความชอบธรรม" (war over legitimacy)

การเติบใหญ่ขยายตัวของมวลชนแต่ละฝ่ายขึ้นหรือลง ขยายใหญ่หรือหดตัวตามประเด็นความชอบธรรมของทั้งเป้าหมายและวิธีการของการต่อสู้ของแต่ละฝ่าย

อาจยกตัวอย่างได้ว่าช่วงตกต่ำที่สุดของฝ่ายรัฐบาลคือการผลักดันผ่านพรบ.นิรโทษกรรมเหมาเข่งทางสภาผู้แทนราษฎรออกมาอย่างไม่ฟังเสียงคัดค้านในสภาและในสังคมการเมือง

เล่นเอาเกือบตายคาเก้าอี้และถอยแทบไม่ทัน

ในทางกลับกัน ผมคิดว่าช่วงตกต่ำที่สุดของฝ่ายกปปส.&ปชป.คือการบอยคอตและขัดขวางการเลือกตั้งล่วงหน้า, การเลือกตั้งวันจริง, และการปะทะด้วยอาวุธสงครามโดยการ์ดกปปส.หรือแนวร่วมชายชุดดำของกปปส.บริเวณแยกหลักสี่จนพลเรือนผู้ปราศจากอาวุธตกเป็นเหยื่อบาดเจ็บทุพพลภาพ

เล่นเอากปปส.ต้องคืนพื้นที่ชุมนุม ๒ จุด, คืนสะพานพระราม ๘, ปรับเวทีจากเวทีประกาศอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ ตั้งสภาประชาชน กำหนดวาระปฏิรูปฝ่ายเดียว มาเป็นเวทีระดมความเห็นปฏิรูปจากสังคมวงกว้างแทน

ในสงครามความชอบธรรม พื้นที่สำคัญที่ต้องยึดให้ได้ คือใจประชาชน ใจของสังคม ไม่ใช่สถานที่ราชการ ถนน หรือกระชับพื้นที่ชุมนุม

เมื่อไหร่ถือการยึดสถานที่ถนน ฯลฯ เป็นสรณะ ละเลยความชอบธรรม เมื่อนั้นโดดเดี่ยวพลาดพลั้งพ่ายแพ้

ในสงครามต่อเนื่องนี้ หลัก "ความชอบธรรม" ที่คนในสังคมยึดมั่นถือมั่น ยินดีสละตัวเข้าปกป้อง จะค่อย ๆ เผยตัวออกมา (เช่น สิทธิเลือกตั้ง, หลักการคนเท่ากัน, สันติภาพ/สันติวิธี ฯลฯ) เพื่อค่อย ๆ ลงหลักปักฐานเป็นบรรทัดมาตรฐานของชีวิตทางการเมืองของสังคมต่อไปข้างหน้า

อยากชนะก็ต้องยึดหลักนี้ ใครละเมิด เสียความชอบธรรม โดดเดี่ยวพ่ายแพ้

แต่ในขณะเดียวกัน ด้านมืดที่อัปลักษณ์ของแต่ละฝ่ายการเมือง ก็จะค่อย ๆ เผยตัวออกมาด้วย ไม่ว่าการดูหมิ่นเกลียดชังบนฐานชนชั้น, เพศ, การศึกษา, การโหดร้ายไร้น้ำใจไม่เห็นค่าชีวิตฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง, การก่อการร้ายทางการเมือง, การละเมิดสิทธิเสรีภาพเหนือร่างกาย ชีวิต ทรัพย์สินของคนอื่นอย่างอหังการ ซึ่งหน้าและเลือดเย็นเพื่อบรรลุเป้าหมายการเมืองสุดโต่งของตัว ฯลฯ

สังคมไทยควรได้เรียนรู้ราคาแพงหูฉี่ของด้านมืดที่อัปลักษณ์ของตนเองนี้ หัดมองดูด้านมืดของตัวเองนี้ ทำความรู้จักมัน และหัดต่อสู้กับมันในฐานะส่วนหนึ่งที่อยู่ในตัวเราและเป็นไปได้ที่จะกำเริบร่านออกมา

ไม่มีความคิดเห็น: