ฉุด !! ไม่อยู่ เมื่อกองทัพบก ยังยืนยัน สปป.ล้านนา แบ่งแยกประเทศ แถมตั้งกองกำลัง อีก !!
พันเอก วินธัย สุวารี รองโฆษก ทบ. แถลงและตอบคำถาม เรื่อง สปป.ล้านนา
ถาม- ทาง สปป.ชี้แจงว่า การจัดตั้งสปป.ล้านนา ไม่ได้ว่า หมายความว่าจะเป็นการแบ่งแยกประเทศ แต่เป็น สมัชชาปกป้องประชาธิปไตย และจะฟ้องกลับ ผบ.ทบ.กลับ
พ.อ.วินธัย--จะฟ้องหรือไม่เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน เพราะการดำเนินคดีมีขั้นตอน แต่ขณะนี้เรามีหลักฐานอยู่ในระดับหนึ่ง
"มีการตั้งข้อสังเกตว่า หลังจากที่หน่วยความมั่นคงใช้การดำเนินการทางด้านกฎหมายจึงเริ่มมีการอธิบายทำความเข้าใจย้อนหลัง แก้ต่างตามออกมา แต่ช่วงแรกไม่มีผู้ใดมาชี้แจง ส่วนข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรต้องรอ กระบวนการสอบสวนในรายละเอียดต่อไป ซึ่งมีขั้นตอนอยู่แล้ว"
ถาม-จะมีการยื่นเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษหรือไม่
พ.อ.วินธัย -ขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดถึง เพียงแต่เมื่อมีข้อมูลการร้องเรียนจากประชาชนและได้รับข่าวสารจากสื่อมวลชนทำให้เราสามารถดำเนินการทางกฎหมายได้ในเบื้องต้น โดยไม่ได้นิ่งเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งทางกองทัพภาคที่ 3
ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะประจักษ์เห็นการขึ้นป้ายผ้าที่แสดงสัญลักษณ์ในลักษณะการโฆษณาและได้ข้อมูลจากพยานที่เป็นประชาชนและสื่อมวลชนที่อยู่ร่วมกิจกรรมวันดังกล่าว ส่วนจะดำเนินการได้มากน้อยเพียงใด ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของกระบวนการสืบสวนดำเนินการก่อน”
โดยก่อนหน้านั่นเป็นการ แถลงของ รองโฆษก ทบ. ระบุว่า กรณีการจัดตั้งกองกำลังที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายและการใช้คำพูดการติดป้ายเพื่อแสดงถึงการแบ่งแยกประเทศ ว่า การแจ้งความดำเนินคดีต่อกรณีการจัดตั้งกองกำลังที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย
และการใช้คำพูดการติดป้ายเพื่อแสดงถึงการแบ่งแยกประเทศของกลุ่มต่างๆ เช่น สปป.ล้านนา และอาสาสมัครประชาธิปไตยนั้น ฝ่ายกฎหมายพิจารณาแล้วเข้าข่ายมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา และยังไม่มีหน่วยงานใดเข้าดำเนินการทั้งที่อาจเข้าข่ายผิดร้ายแรง
"กองทัพจึงจำเป็นต้องเข้าดำเนินการในฐานะที่เป็นหน่วยงานความมั่นคง ซึ่งกองทัพไม่สามารถยอมให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดกระทำการแบ่งแยกประเทศหรือจัดตั้งกองกำลังเพื่อทำให้ประชาชนหรือสังคมร่วนรวมเข้าใจผิดเป็นอันขาด"
ส่วนในกรณี กปปส. นั้น รองโฆษก ทบ.กล่าวว่า หากกระทำความผิดใดๆ ก็ต้องถูกดำเนินคดีเช่นกัน และที่ผ่านมาที่กองทัพไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการนั้น เพราะทางรัฐบาลโดย ศรส. และ สตช.ได้ดำเนินการอยู่แล้ว
"ขณะนี้มีเป็นคดีอยู่กว่า 100 คดี ทุกอย่างอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม จึงไม่ได้มีการก้าวล่วงดำเนินการเพิ่มแต่อย่างใด"
"ยืนยันกองทัพไม่ได้เลือกปฏิบัติหรือเข้าข้างใคร อยากให้สังคมได้พิจารณาดู ที่ผ่านมากองทัพพยายามดำเนินการภายใต้กรอบกติกาเพื่อดูแลสถานการณ์ภายใต้ขอบเขตความรับผิดชอบ
ให้ได้อย่างดีที่สุด พยายามรักษาสมดุลทางความรู้สึกของทุกฝ่าย ไม่พยายามก้าวล่วงความคิดเห็นที่แตกต่างกัน เคารพสิทธิการแสดงออกภายใต้กรอบของทุกพวกทุกฝ่าย"
"นอกจากมีบางกรณีไม่ถือว่าอยู่ในกรอบของการแสดงออกตามสิทธิที่พึงกระทำได้ อย่างเช่น เรื่องการล่วงละเมิดสถาบัน หรือเรื่องที่อาจส่งกระทบความมั่นคงประเทศที่รุนแรง"
"ทุกฝ่ายคงต้องยอมรับในกติกา และกระบวนการทางด้านกฎหมายที่ปัจจุบันยังมีผลบังคับใช้อยู่ ทั้งกองทัพ และ กอ.รมน.มุ่งหวังที่จะแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี เคารพในกระบวนการประชาธิปไตย ยึดหลักกฎหมาย
ไม่ต้องการให้ประชาชนลุกขึ้นมาต่อสู้กันเอง ซึ่งรัฐบาลและกองทัพต้องรับผิดชอบในภาพรวมอยู่แล้ว แต่หากมีการบาดเจ็บ สูญเสีย ทั้งประชาชน ผู้บริหาร และแกนนำทุกฝ่าย ก็ต้องรับผิดชอบ และอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วยกันทุกคน"
ส่วนกรณี สปป.ล้านนา นั้น รองโฆษก ทบ. กล่าวว่า ล่าสุดหลังจากที่หน่วยงานความมั่นคงให้ความสนใจและตัดสินใจใช้กฎหมายเข้าดำเนินการ จึงเริ่มมีกระแสการอธิบายทำความเข้าใจย้อนหลังแก้ต่างออกมาเป็นระยะๆ
โดยทั้งนี้เพิ่งเริ่มต้นขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม คงจะต้องมีการสืบสวนสอบสวนตามพยานหลักฐาน และเปิดโอกาสให้ผู้ต้องสงสัยสามารถต่อสู้แสดงความบริสุทธิ์ใจได้ตามช่องทางของกระบวนการตลอด
เครดิต : วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหาร
พันเอก วินธัย สุวารี รองโฆษก ทบ. แถลงและตอบคำถาม เรื่อง สปป.ล้านนา
ถาม- ทาง สปป.ชี้แจงว่า การจัดตั้งสปป.ล้านนา ไม่ได้ว่า หมายความว่าจะเป็นการแบ่งแยกประเทศ แต่เป็น สมัชชาปกป้องประชาธิปไตย และจะฟ้องกลับ ผบ.ทบ.กลับ
พ.อ.วินธัย--จะฟ้องหรือไม่เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน เพราะการดำเนินคดีมีขั้นตอน แต่ขณะนี้เรามีหลักฐานอยู่ในระดับหนึ่ง
"มีการตั้งข้อสังเกตว่า หลังจากที่หน่วยความมั่นคงใช้การดำเนินการทางด้านกฎหมายจึงเริ่มมีการอธิบายทำความเข้าใจย้อนหลัง แก้ต่างตามออกมา แต่ช่วงแรกไม่มีผู้ใดมาชี้แจง ส่วนข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรต้องรอ กระบวนการสอบสวนในรายละเอียดต่อไป ซึ่งมีขั้นตอนอยู่แล้ว"
ถาม-จะมีการยื่นเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษหรือไม่
พ.อ.วินธัย -ขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดถึง เพียงแต่เมื่อมีข้อมูลการร้องเรียนจากประชาชนและได้รับข่าวสารจากสื่อมวลชนทำให้เราสามารถดำเนินการทางกฎหมายได้ในเบื้องต้น โดยไม่ได้นิ่งเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งทางกองทัพภาคที่ 3
ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะประจักษ์เห็นการขึ้นป้ายผ้าที่แสดงสัญลักษณ์ในลักษณะการโฆษณาและได้ข้อมูลจากพยานที่เป็นประชาชนและสื่อมวลชนที่อยู่ร่วมกิจกรรมวันดังกล่าว ส่วนจะดำเนินการได้มากน้อยเพียงใด ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของกระบวนการสืบสวนดำเนินการก่อน”
โดยก่อนหน้านั่นเป็นการ แถลงของ รองโฆษก ทบ. ระบุว่า กรณีการจัดตั้งกองกำลังที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายและการใช้คำพูดการติดป้ายเพื่อแสดงถึงการแบ่งแยกประเทศ ว่า การแจ้งความดำเนินคดีต่อกรณีการจัดตั้งกองกำลังที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย
และการใช้คำพูดการติดป้ายเพื่อแสดงถึงการแบ่งแยกประเทศของกลุ่มต่างๆ เช่น สปป.ล้านนา และอาสาสมัครประชาธิปไตยนั้น ฝ่ายกฎหมายพิจารณาแล้วเข้าข่ายมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา และยังไม่มีหน่วยงานใดเข้าดำเนินการทั้งที่อาจเข้าข่ายผิดร้ายแรง
"กองทัพจึงจำเป็นต้องเข้าดำเนินการในฐานะที่เป็นหน่วยงานความมั่นคง ซึ่งกองทัพไม่สามารถยอมให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดกระทำการแบ่งแยกประเทศหรือจัดตั้งกองกำลังเพื่อทำให้ประชาชนหรือสังคมร่วนรวมเข้าใจผิดเป็นอันขาด"
ส่วนในกรณี กปปส. นั้น รองโฆษก ทบ.กล่าวว่า หากกระทำความผิดใดๆ ก็ต้องถูกดำเนินคดีเช่นกัน และที่ผ่านมาที่กองทัพไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการนั้น เพราะทางรัฐบาลโดย ศรส. และ สตช.ได้ดำเนินการอยู่แล้ว
"ขณะนี้มีเป็นคดีอยู่กว่า 100 คดี ทุกอย่างอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม จึงไม่ได้มีการก้าวล่วงดำเนินการเพิ่มแต่อย่างใด"
"ยืนยันกองทัพไม่ได้เลือกปฏิบัติหรือเข้าข้างใคร อยากให้สังคมได้พิจารณาดู ที่ผ่านมากองทัพพยายามดำเนินการภายใต้กรอบกติกาเพื่อดูแลสถานการณ์ภายใต้ขอบเขตความรับผิดชอบ
ให้ได้อย่างดีที่สุด พยายามรักษาสมดุลทางความรู้สึกของทุกฝ่าย ไม่พยายามก้าวล่วงความคิดเห็นที่แตกต่างกัน เคารพสิทธิการแสดงออกภายใต้กรอบของทุกพวกทุกฝ่าย"
"นอกจากมีบางกรณีไม่ถือว่าอยู่ในกรอบของการแสดงออกตามสิทธิที่พึงกระทำได้ อย่างเช่น เรื่องการล่วงละเมิดสถาบัน หรือเรื่องที่อาจส่งกระทบความมั่นคงประเทศที่รุนแรง"
"ทุกฝ่ายคงต้องยอมรับในกติกา และกระบวนการทางด้านกฎหมายที่ปัจจุบันยังมีผลบังคับใช้อยู่ ทั้งกองทัพ และ กอ.รมน.มุ่งหวังที่จะแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี เคารพในกระบวนการประชาธิปไตย ยึดหลักกฎหมาย
ไม่ต้องการให้ประชาชนลุกขึ้นมาต่อสู้กันเอง ซึ่งรัฐบาลและกองทัพต้องรับผิดชอบในภาพรวมอยู่แล้ว แต่หากมีการบาดเจ็บ สูญเสีย ทั้งประชาชน ผู้บริหาร และแกนนำทุกฝ่าย ก็ต้องรับผิดชอบ และอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วยกันทุกคน"
ส่วนกรณี สปป.ล้านนา นั้น รองโฆษก ทบ. กล่าวว่า ล่าสุดหลังจากที่หน่วยงานความมั่นคงให้ความสนใจและตัดสินใจใช้กฎหมายเข้าดำเนินการ จึงเริ่มมีกระแสการอธิบายทำความเข้าใจย้อนหลังแก้ต่างออกมาเป็นระยะๆ
โดยทั้งนี้เพิ่งเริ่มต้นขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม คงจะต้องมีการสืบสวนสอบสวนตามพยานหลักฐาน และเปิดโอกาสให้ผู้ต้องสงสัยสามารถต่อสู้แสดงความบริสุทธิ์ใจได้ตามช่องทางของกระบวนการตลอด
เครดิต : วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหาร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น