PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2558

ทำไมชาวนาในประเทศญี่ปุ่นจึงร่ำรวยที่สุดในโลก


ปุจฉา
ทำไมชาวนาในประเทศญี่ปุ่นจึงร่ำรวยที่สุดในโลก ทั้งๆ ที่มีต้นทุนการผลิตต่อกิโลกรัมสูงกว่าราคาขายในตลาดโลกครับ?
วิสัชนา
ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีพื้นที่ประมาณแค่ครึ่งหนึ่งของประเทศไทย แต่มีประชากรมากกว่าประเทศไทยถึง 1 เท่าตัว คือประเทศไทยมีประชากรประมาณ 63 ล้านคน ญี่ปุ่นมีประชากรมากกว่า 120 ล้านคน พื้นที่ราบสำหรับการอยู่อาศัยและทำการเกษตรมีเพียง 14.5 เปอร์เซนต์เท่านั้น นอกนั้นเป็นภูเขา เป็นหิน หรืออยู่ในสภาพที่ไม่สามารถเพาะปลูกได้ โดยเฉพาะการปลูกข้าวที่ต้องการพื้นที่ราบลุ่มและต้องการน้ำปริมาณมากในการเพาะปลูก
เพราะฉะนั้นในประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่นก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นเปิดประเทศให้นำเข้าข้าวเพื่อการบริโภคจากประเทศอื่นได้โดยเสรี ชาวนาญี่ปุ่นตลอดประวัติศาสตร์จึงยากจนติดดิน เพราะไม่สามารถแข่งขันกับข้าวที่นำเข้ามาจากต่างประเทศซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่าได้ ชาวนาจึงปลูกข้าวไว้สำหรับกินเอง และส่วนที่เหลือจึงจำเป็นต้องนำไปขายในราคาที่ขาดทุน เพราะข้าวเปลือกก็ดี ข้าวสารก็ดี การเก็บรักษาไว้สำหรับการบริโภคในปีหน้าจะมีต้นทุนการเก็บรักษาที่สูงมากและคุณภาพของข้าวที่เก็บไว้นานก็เสื่อมลงเมื่อเทียบกับข้าวที่ผลิตขึ้นมาใหม่ ชาวนาญี่ปุ่นจึงยากจนตลอดประวัติศาสตร์
แต่ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นซึ่งเป็นประทศที่เป็นเกาะถูกปิดล้อมทางทะเล มีเรือบรรทุกข้าวจำนวนไม่มากที่สามารถฝ่าวงล้อมเข้าไปขายในญี่ปุ่นได้ ประเทศญี่ปุ่นจึงเรียนรู้ว่าปืนกับกระสุนนั้นรับประทานไม่ได้ ข้าวต่างหากจึงจะเป็นยุทธปัจจัยสำคัญเพื่อการอยู่รอดของประเทศชาติและประชาชน หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 คนญี่ปุ่นจึงเปลี่ยนทัศนคติในเรื่องการปลูกข้าว และคนที่ปลูกข้าวใหม่ เพราะต้องการที่จะพึ่งตนเองด้านอาหารให้ได้ในยามคับขัน แต่โดยภูมิประเทศแล้วมีพื้นที่ราบลุ่มสำหรับปลูกข้าวน้อย ถ้าต้องการผลิตข้าวให้เพียงพอที่จะเลี้ยงประชากร 120 ล้านคนในประเทศได้ จำเป็นต้องมีเทคโนโลยีที่เพิ่มผลผลิตต่อพื้นที่โดยไม่ต้องระวังเรื่องต้นทุนต่อกิโลกรัมที่สูงมากขึ้นตามมา เพราะรัฐบาลญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทุกรัฐบาลใช้เงินงบประมาณแผ่นดินอุดหนุนเพื่อลดต้นทุนการผลิตของชาวนา ขณะเดียวกันก็ให้ชาวนาสามารถตั้งราคาขายข้าวได้สูงกว่าราคาข้าวในตลาดโลกเกือบ 10 เท่า คือ คนญี่ปุ่นต้องบริโภคข้าวในราคาที่แพงกว่าคนไทยถึง 10 เท่า
สาเหตุที่สามารถทำได้อย่างนี้ก็เพราะว่า ญี่ปุ่นมีนโยบายที่ชัดเจนว่าจะไม่ยอมให้มีการนำเข้าข้าวจากประเทศอื่นเข้ามาแข่งขันกับข้าวที่ผลิตในประเทศของตนเอง ถ้ารัฐบาลญี่ปุ่นปล่อยให้มีการนำข้าวจากประเทศไทยเข้าไปแข่งขันในญี่ปุ่น ชาวนาญี่ปุ่นซึ่งถือว่ามีเทคโนโลยีการผลิตต่อไร่สูงสุดจะล้มละลายลงหมด ญี่ปุ่นกีดกันไม่ให้นำข้าวจากต่างประเทศเข้ามาขายเป็นนโยบายเด็ดขาดของทุกรัฐบาล เพราะต้องการพึ่งตนเองในเรื่องอาหารที่จำเป็นสำหรับประชาชนในยามคับขัน ในบางปีที่ชาวนาผลิตข้าวได้ไม่เพียงพอกับการบริโภคในประเทศ รัฐบาลก็อนุญาตให้เฉพาะสหกรณ์ชาวนาผู้ผลิตข้าวในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้นที่จะได้รับโควต้าในการสั่งข้าวจากต่างประเทศเข้ามาขาย โดยมีภาษีนำเข้าที่สูงที่สุดในโลกประมาณ 150,000 บาทต่อตัน ทั้งนี้เพื่อให้ชาวนาไม่ต้องแข่งขันกับสินค้านำเข้าราคาถูกจากประเทศอื่น นโยบายดังกล่าวทั้งหมดนี้ทำให้ชาวนาญี่ปุ่นกลายเป็นชาวนาที่ร่ำรวยเกือบที่สุดในโลก ร่ำรวยกว่าอาชีพอื่นๆ ในประเทศญี่ปุ่น และเกือบทุกพื้นที่สามารถทำการเพาะปลูกข้าวได้ แม้กระทั่งพื้นที่บนภูเขาก็ถูกดัดแปลงให้เป็นขั้นบันไดสำหรับปลูกข้าวซึ่งการปลูกข้าวบนภูเขานั้นมีต้นทุนที่สูงมาก
เพราะฉะนั้นวันนี้ประเทศญี่ปุ่นสามารถผลิตข้าวเลี้ยงตัวเองได้แล้วโดยไม่ต้องนำเข้าจากประเทศอื่น รัฐบาลญี่ปุ่นควบคุมไม่ให้มีการผลิตข้าวเกินกว่าความต้องการสำหรับการบริโภคภายในประเทศ เพราะไม่สามารถส่งออกได้เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตสูงกว่าราคาในตลาดโลกมาก รัฐบาลเลือกที่จะจ้างชาวนาญี่ปุ่นให้ปลูกพืชอย่างอื่นแทนการปลูกข้าว เพื่อเป็นการลดปริมาณการผลิตลงไม่ให้ล้นตลาด ซึ่งถ้าประเทศไทยใช้เทคโนโลยีและวิธีการปลูกข้าวอย่างเดียวกันกับประเทศญี่ปุ่นในตลาดข้าวที่เปิดเสรี ชาวนาไทยจะขาดทุนหมดตัวครับ

ไม่มีความคิดเห็น: