PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2558

ผบ.ตร.บอกบึ้มยังไม่เข้าข่ายก่อการร้าย-หมายจับอีก1


ผบ.ตร.บอกบึ้มยังไม่เข้าข่ายก่อการร้าย-หมายจับอีก1
ข่าวอาชญากรรม วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ.2558 16:38 น.
646617
พล.ต.อ.สมยศ เผย ระเบิดราชประสงค์และสาทร ยังไม่เข้าข่ายก่อการร้าย สอบเส้นทางการเงินเป็นลักษณะของการจ้างวาน ทำเพราะโกรธแค้น ขณะที่ ศาลออกหมายจับรายที่ 13 แล้ว เป็นชายชาวปากีสถาน
พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผย ความคืบหน้าเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร ว่า ความผิดในกรณีดังกล่าวยังไม่เข้าข่ายข้อหาก่อการร้าย เนื่องจากยังไม่พบความผิดที่กระทำอย่างเป็นกระบวนการ หรือมีกลุ่มองค์กรใด กลุ่มใด ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าว แต่เป็นลักษณะของการเสียผลประโยชน์และต้องการแก้แค้นส่วนตัว ส่วนการที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. มีการรายงานเส้นทางการเงินของบวนการดังกล่าวนั้น เป็นไปในลักษณะของการว่าจ้างให้กลุ่มคนมาลงมือก่อเหตุมากกว่าที่จะเป็นการก่อการร้ายข้ามชาติ ส่วนใครจะเป็นผู้จ้างวานนั้น ขณะนี้กำลังสืบสวนอยู่ ตนไม่สามารถบอกได้
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า หากพนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานที่เชื่อได้ว่าผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว มีความผิดเข้าข่ายก่อการร้ายก็สามารถแจ้งเพิ่มเติมได้

รองผบ.ตร.ประสานเชิงลึกมาเลย์สอบ3ผู้ต้องสงสัยโยงบึ้ม
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า การมอบหมายให้ พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจ พร้อมคณะ เดินทางไปประสานข้อมูลเชิงลึก ตลอดจนพูดคุยกับผู้ต้องหา 3 คน ที่ถูกตำรวจมาเลเซียควบคุมตัวได้ จะมีความชัดเจนว่า ทั้ง 3 คน มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์และท่าเรือสาทรมากน้อยเพียงใด โดยขึ้นอยู่กับกรอบกฎหมายและข้อกำหนดของทางการมาเลเซีย ว่า จะให้ตำรวจไทยสามารถพูดคุยกับผู้ต้องหาได้มากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้หากการสอบสวนของตำรวจไทยพบว่า ทั้ง 3 คน มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดในกรุงเทพฯ ก็สามารถขอส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศได้ เนื่องจากไทยและมาเลเซียมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน
ส่วนการติดตามตัว นายอาบูดูซาตาร์ หรือ อิซาน ผู้ต้องหาตามหมายจับรายล่าสุด ยังไม่ยืนยันว่า หลบหนีเข้าประเทศตุรกีจริงหรือไม่ เพราะส่วนตัวก็ทราบข่าวจากสื่อมวลชนเช่นกัน ส่วนการประสานข้อมูลกับทางประเทศตุรกี พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยู่ระหว่างดำเนินการ
นอกจากนี้ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังระบุด้วยว่า ในวันพรุ่งนี้ เวลา 10.30 น. จะเรียกประชุมชุดสืบสวนสอบสวนคดีระเบิดทั้งหมด ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล และจะมีการพิจารณาว่า นายอาเดม คาราดัก และ นายเมียไรลี ยูซุฟู ผู้ต้องหาที่ควบคุมได้ 2 คน รวมถึง ผู้ที่ถูกออกหมายจับและยังหลบหนีอยู่นั้น ว่า จะสามารถแจ้งข้อกล่าวหาก่อการร้ายได้หรือไม่ พร้อมยืนยันว่า ได้มีการประสานตำรวจสากล เร่งติดตามตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง ประสานข้อมูลกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ในการตรวจสอบเส้นทางทางการเงินด้วย
ขณะเดียวกัน ยอมรับว่า รู้สึกเสียใจกับการเผยแพร่ข้อมูลการสอบสวนที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว จนทำให้กลุ่มผู้ก่อเหตุไหวตัว หลบหนีออกนอกเส้นทางที่ตำรวจคาดการณ์ไว้ พร้อมขอความร่วมมือสื่อมวลชน ในการนำเสนอข้อมูล

ศาลออกหมายจับอีก1ชายสัญชาติปากีสถานโยงบึ้ม
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศาลจังหวัดมีนบุรีได้ออกหมายจับ นายอับดุล ดาวาบ (Mr.Abdul Tawab) สัญชาติปากีสถาน พัวพันเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร ในข้อหา "ร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง โดยผิดกฎหมาย และร่วมกันมีซึ่งยุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต เบื้องต้น นายอับดุล ดาวาบ เป็นผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับเป็นรายที่ 13 และมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด ส่วนจะเกี่ยวข้องและทำหน้าที่อะไรนั้น ทาง พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตรียมแถลงรายละเอียดในเวลา 17.30 น.

ไม่มีความคิดเห็น: