PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2558

อภิสิทธิ์-สุเทพเดินคนละทาง

โดย สุรวิชช์ วีรวรรณ  
3 กันยายน 2558 11:13 น. ผู้จัดการ

        เมื่อสองสามวันก่อนทิดสุเทพ เทือกสุบรรณ ในนามของมูลนิธิมวลมหาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย แถลงจุดยืนต่อร่างรัฐธรรมนูญ ร่วมกับกรรมการมูลนิธิอีกหลายคนซึ่งส่วนใหญ่เป็น

สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมการแถลงข่าวด้วย
     
        ข้อสรุปของทิดสุเทพก็คือ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีพอที่จะนำไปให้ประชาชนลงประชามติ
     
        คำแถลงของทิดสุเทพและคณะเป็นไปอย่างโอ่อ่าผ่าเผย แม้จะเป็นเรื่องการเมืองซึ่งเป็นเรื่องต้องห้ามของ คสช.หลังจากนี้กลุ่มอื่นเช่น เสื้อแดงก็คงจะเอาบ้างเพราะทิดสุเทพพูดได้คนอื่นก็

ควรจะพูดได้
     
        ในขณะที่ก่อนหน้านี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเรียกร้องให้ สปช.คว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพื่อให้กลับไปปรับปรุงเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่ง

ความเห็นของอภิสิทธิ์ตรงกับคู่แข่งทางการเมืองคือพรรคเพื่อไทย แต่ขัดแย้งกับทิดสุเทพ
     
        พูดได้ว่าปีกของนักการเมืองแม้จะต่างขั้วแต่มีความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ต่างกัน ทั้งๆ ที่เร่งให้รับร่างรัฐธรรมนูญไปก็จะได้รีบกลับมาเลือกตั้ง
     
        คราวนั้นอภิสิทธิ์และคนที่ออกมาพูดถูกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.สวนว่า นักการเมืองไม่เกี่ยว ที่ให้พูดนี่ก็เก่งแล้ว
     
        แต่เรื่องนี้ก็ไม่สลักสำคัญเท่ากับความขัดแย้งในพรรคประชาธิปัตย์
     
        คำถามว่า เมื่อลูกพรรคแม้กระทั่งโฆษกพรรคยังมีจุดยืนสวนทางกับตัวเองวันนี้อภิสิทธิ์จะยืนอย่างไรในพรรคประชาธิปัตย์ อยากรู้เหมือนกันว่า อภิสิทธิ์จะกลับคำพูดหรือประกาศแตก

หักกับทิดสุเทพและสมาชิกที่สนับสนุนทิดสุเทพ น่าสนใจว่า พรรคประชาธิปัตย์นับจากนี้จะเป็นอย่างไร
     
        ในอดีตพรรคประชาธิปัตย์เคยมีความแตกแยกมาแล้วหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเกิดของกลุ่ม 10 มกราที่นำโดยนายเฉลิมพันธ์ ศรีวิกรม์ และนายวีระ มุสิกพงศ์ ที่พ่ายแพ้ในการแย่งชิง

ตำแหน่งหัวหน้าและเลขาธิการพรรคกับนายพิชัย รัตตกุล และพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ความขัดแย้งระหว่างนายชวน หลีกภัยกับนายอุทัย พิมพ์ใจชน การลาออกจากพรรคของนายสมัคร สุนทรเวช

เป็นต้น
     
        ต้องยอมรับว่า ขณะนี้บารมีของทิดสุเทพนั้นบดบังคนอื่นในพรรคไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอภิสิทธิ์หรือนายชวน หลีกภัย ชวนซึ่งเป็นเหมือนเทพเจ้าของคนใต้เวลานี้บารมีในภาคใต้ก็เป็น

รองทิดสุเทพไปแล้ว
     
        ถ้าจะพูดกันตามความเป็นจริงก่อนหน้านี้ในพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคของชนชั้นกลางในเมือง และพรรคของคนทุกชนชั้นในภาคใต้ ทั้งชวนและอภิสิทธิ์นั้นเปรียบเหมือนเป็นเทพ

ในพรรค ชวน หลีกภัย เป็นภาพของลูกคนจนที่มีภาพลักษณ์สมถะ มือสะอาด สุภาพ นุ่มนวล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีภาพของลูกผู้ดี ที่มีชาติวุฒิและการศึกษาที่ดี ส่วนทิดสุเทพมีภาพเป็นมารเป็น

นักการเมืองที่กระดำกระด่างและมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดี
     
        แต่พอทิดสุเทพออกมานำมวลชนลอกคราบเป็นกำนันสุเทพ ประกาศบนเวทีว่า ตอนเป็นนักการเมืองไม่เคยโกงแม้แต่บาทเดียวก็เหมือนผู้คนจะลืมภาพเก่าของทิดสุเทพไปชั่วข้ามคืน คน

ชื่อสุเทพก็กลายเป็นเทพที่แท้จริงตั้งแต่บัดนั้น กระทั่งมาชุบตัวให้เหลืองอร่ามดั่งทองทาในนามของพระสุเทพออกเดินสายแผ่บารมีไปทั่วภาคใต้แบบที่นายชวนเทพองค์เดิมยังต้องไปขอพึ่งใบบุญ
     
        วันนี้ดูเหมือนว่า แม้กระทั่งพรรคประชาธิปัตย์ยังต้องพึ่งบารมีของทิดสุเทพ
     
        ทิดสุเทพก็คงเชื่อเช่นนั้นถึงกับตอบคำถามอย่างมั่นใจว่า เขามีมวลชนที่หนุนหลังมากพอ คนที่เป็นมวลชนของ กปปส.มีทั้งคนที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์และไม่เคยเลือกประชาธิปัตย์ พูด

ง่ายๆ ทิดสุเทพเชื่อว่าตัวเองมีมวลชนมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์นั่นแหละ
     
        ผมคิดว่า ทิดสุเทพคงจะเหมาว่ามวลชนทั้งหมดที่ออกมาร่วมกับ กปปส.นั้นเป็นมวลชนที่สนับสนุนแนวทางของตัวเองทั้งหมด แต่ถ้าพูดกันตามความเป็นจริงแล้ว การชุมนุมของ กปปส.

ในช่วงแรกๆ ที่ยังมีประเด็นนิรโทษกรรมสุดซอยอยู่นั้นก็อาจจะจริงที่คนออกมาร่วมอาจจะไม่ได้เลือกพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด แต่เขาออกมาเพราะเห็นถึงความไม่ถูกต้องชอบธรรม แต่พอ

ประเด็นนี้จบไป การชุมนุมไปช่วงหลังๆ ของ กปปส.นั้นถ้าจะว่าไปแล้ว แทบจะเหลือมวลชนที่สนับสนุน ปชป.เท่านั้นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมวลชนที่มาจากภาคใต้
     
        ดังนั้นไม่ใช่ว่าคนที่ออกมาร่วมชุมนุมสยบเภทภัยของแผ่นดินกับ กปปส.จะเดินตามทิดสุเทพทั้งหมด
     
        การแถลงจุดยืนล่าสุดของทิดสุเทพทำให้สถานการณ์ตอนนี้กลับกันนะครับ ในขณะที่พรรคการเมืองใหญ่สองพรรคไม่อยากให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่านควรจะกลับไปแก้ไขใหม่ให้เป็น

ประชาธิปไตยมากกว่านี้ ขณะที่ทิดสุเทพและคณะเรียกร้องให้มวลชนสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ซึ่งถ้าร่างรัฐธรรมนูญผ่านเร็ว เลือกตั้งก็จะกลับมาเร็วขึ้น
     
        ในขณะที่เดิมธงของ กปปส.ที่ต่อสู้จนบาดเจ็บล้มตายก็คือ การปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง นั่นหมายความว่า ถ้ายังไม่ปฏิรูปก็ไม่ควรเลือกตั้ง ซึ่งถ้าว่ากันตามเป็นจริงถึงตอนนี้รัฐบาลชุดนี้ก็ยัง

ไม่ได้ปฏิรูปอะไรเลย แต่พอแถลงสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญทิดสุเทพบอกว่า การปฏิรูปทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ทั้งฝ่ายรัฐบาล ส่วนราชการ ประชาชน องค์กรต่างๆ และบอกให้เป็นหน้าที่ของคณะ

กรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) ซึ่งจะดำเนินการให้รัฐบาลและหน่วยงานของรัฐทำตามยุทธศาสตร์ชาติ
     
        ตอนนี้จึงเหมือนกับทิดสุเทพและคณะบอกว่า เลือกตั้งไปก่อนและค่อยปฏิรูปก็ได้
     
        ส่วนในพรรคประชาธิปัตย์ก็คงระส่ำระสายว่า จะเดินตามทิดสุเทพ หรือชูธงคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญอย่างที่หัวหน้าพรรคประกาศออกไปแล้ว ซึ่งผมคิดว่าถึงตอนนี้อภิสิทธิ์ก็ยากจะกลับลำ

ได้ เพราะจะกลายเป็นไม่มีจุดยืนทันที ดูเหมือนว่าถึงตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์จะอยู่ในฐานะลำบากกว่าพรรคเพื่อไทยด้วยซ้ำไป
     
        หรือว่านี่จะเป็นหนทางที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งในพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้ง
     
        ถ้าพูดกันตามความเป็นจริงแล้ว พรรคประชาธิปัตย์น่าจะเป็นพรรคการเมืองเดียวในประเทศที่มีลักษณะความเป็นสถาบันพรรคการเมืองมากที่สุดมีประวัติต่อเนื่องยาวนาน ต่างกับพรรค

อื่นที่มักจะมีลักษณะของพรรคนายทุนหรือพรรคที่มีเจ้าของพรรค ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทยของทักษิณ พรรคชาติไทยพัฒนาของบรรหาร พรรคชาติพัฒนาของสุวัจน์
     
        การต่อสู้ภายในพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่การก่อตั้งพรรคเป็นต้นมา จึงเข้มข้นพอๆ กับการต่อสู้ภายนอกกับพรรคการเมืองอื่นๆ มีความเป็นปึกแผ่น ความแตกแยก ล้มเหลว และประสบ

ความสำเร็จคลุกเคล้ากันไป
     
        ศึกครั้งนี้จึงเหลือแต่ว่า อภิสิทธิ์จะกลับคำพูดของตัวเองไปยืนกับทิดสุเทพหรือจะนำพาพรรคประชาธิปัตย์ไปสู้ในทิศทางใหม่อีกครั้ง
///////////////

Atukkit Sawangsuk

"ต้องยอมรับว่า ขณะนี้บารมีของทิดสุเทพนั้นบดบังคนอื่นในพรรคไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอภิสิทธิ์หรือนายชวน หลีกภัย ชวนซึ่งเป็นเหมือนเทพเจ้าของคนใต้เวลานี้บารมีในภาคใต้ก็เป็นรองทิดสุ

เทพไปแล้ว
ถ้าจะพูดกันตามความเป็นจริงก่อนหน้านี้ในพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคของชนชั้นกลางในเมือง และพรรคของคนทุกชนชั้นในภาคใต้ ทั้งชวนและอภิสิทธิ์นั้นเปรียบเหมือนเป็นเทพในพรรค

ชวน หลีกภัย เป็นภาพของลูกคนจนที่มีภาพลักษณ์สมถะ มือสะอาด สุภาพ นุ่มนวล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีภาพของลูกผู้ดี ที่มีชาติวุฒิและการศึกษาที่ดี ส่วนทิดสุเทพมีภาพเป็นมารเป็นนักการเมืองที่

กระดำกระด่างและมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดี
แต่พอทิดสุเทพออกมานำมวลชนลอกคราบเป็นกำนันสุเทพ ประกาศบนเวทีว่า ตอนเป็นนักการเมืองไม่เคยโกงแม้แต่บาทเดียวก็เหมือนผู้คนจะลืมภาพเก่าของทิดสุเทพไปชั่วข้ามคืน คนชื่อสุเทพก็

กลายเป็นเทพที่แท้จริงตั้งแต่บัดนั้น กระทั่งมาชุบตัวให้เหลืองอร่ามดั่งทองทาในนามของพระสุเทพออกเดินสายแผ่บารมีไปทั่วภาคใต้แบบที่นายชวนเทพองค์เดิมยังต้องไปขอพึ่งใบบุญ"
5555 อ่านสุรวิชช์เขียนถึงตอนนี้แล้วสะใจจัง (สุรวิชช์ก็ไม่ได้เขียนเชียร์ไอ้เทือกหรอกนะ แต่แซวพรรคแมลงสาบแบบอ่านแล้วขำกลิ้ง จริงด้วย ชวนยังสู้พระไอ้เทือกไม่ได้)

ไม่มีความคิดเห็น: