PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2558

นายกฯ เผย สั่งปราบมาเฟีย-กวาดล้างอาวุธสงคราม ไม่เกี่ยวการเมืองเคลื่อนไหว หรือไช่ล่าใคร

นายกฯ เผย สั่งปราบมาเฟีย-กวาดล้างอาวุธสงคราม ไม่เกี่ยวการเมืองเคลื่อนไหว หรือไช่ล่าใคร ปล่อยเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ยอมรับสถานการณ์ยังไม่ปกติ ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ไม่ต้องตั้งคณะกรรมการ หรืแ มีบัญชีดำ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงกรณีที่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการปราบปรามมาเฟีย ที่ให้ พลเอกประวิตร เป็นประธาน ว่า "ทำไมต้องมีคณะกรรมการ ในเมื่อหน้าที่ของทุกคนก็มีอยู่แล้ว เพียงแต่ให้ทุกคนไปเข้มงวดในเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย" 
"ไม่ต้องถึงกับไปทำเป็นบัญชีดำ บัญชีแดงอะไรขึ้นมา ในทุกพื้นที่ก็สามารถตรวจค้น จับกุมทั้งเรื่องอาวุธสงครามก็มีการทำหน้าที่กันอยู่แล้ว
เดี๋ยวก็จะมากล่าวหากันอีกว่าใช้มาตรการนอกกฎหมายอีก ไม่ทำ เพราะกฎหมายมีอยู่แล้ว มีการตรวจค้นจับกุมในพื้นที่ไหนก็ไปว่ากันตามขั้นตอน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่รับผิดชอบ"

วันเดียวกันนี้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ก็ได้สั่งการไปแล้ว ทำให้ชัดเจนกันมากขึ้น ทั้ง คสช.และตำรวจต้องร่วมมือกัน ในการสืบจับแต่ละพื้นที่ก็ต้องมีการข่าวกันอยู่แล้ว ต้องหาข้อมูลได้ โดยเฉพาะคนที่ทำความผิด"
เมื่อถามว่า มีสิ่งบอกเหตุอะไร ทำไมจึงตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ใช่อยู่ดีๆ เพียงแต่ตนเห็นว่ามีการใช้อาวุธสงคราม อาวุธปืนยิงแม้กระทั่งลูกหนี้ ตนทนไม่ได้ อยู่ดีๆ ก็เอาปืนมายิงคนเล่น ยิงเข้าบ้านคน ขนาดรัฐบาลนี้ยังเป็นอย่างนี้ เป็นสิ่งที่ตนต้องคำนึงถึงมากกว่าอย่างอื่น ๆ
ไม่ได้หมายความว่าผมจะไปไล่ล่าใครหรือไปไง่บ่าฝ่ายการเมือง อย่าไปเอามาพันกัน เรื่องนี้ถือเป็นกฎหมายปกติมันจะต้องไม่มีอาชญากรรม การใช้อาวุธสงคราม ช่วงที่ผ่านมายังมีการใช้อาวุธสงครามยิงคนตายอยู่ แสดงว่ามีการลักลอบรั่วไหลในเรื่องอาวุธสงครามก็ต้องจับกุมให้ได้
เมื่อถามว่า ภายใน 6 เดือน จะสามารถจับกุม กวาดล้างได้ทั้งหมดหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในระยะเวลา 6 เดือนก็ต้องจับกุมได้บ้าง ที่สามารถจับกุมได้ก็ต้องจับ ไอ้ส่วนที่เหลือก็คงไม่กล้าแล้ว แต้ถ้าสามารถจับได้หมดก็เป็นเรื่องดี ทุกฝ่ายก็ต้องช่วยกัน ร่วมมือกันแจ้งเบาะแส ใครรู้ก็ขอให้แจ้งมาจะจับกุมให้ตั้งแต่พรุ่งนี้เลย"
เมื่อถามว่า การเน้นย้ำนโยบายดังกล่าวไม่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงที่มีข่าวว่าจะนัดรวมตัวให้กำลังใจนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "มันจะไปเกี่ยวอะไร ผมไม่ได้ให้ความสนใจอยู่แล้ว คุณอย่าเอามาโยงกับผม ต่อไปนี้อย่าเอาเรื่องเหล่านั้นมาโยงกับผมอีก จะผิดหรือถูกก็ให้ไปอยู่ในศาล สื่อมาถามผมทุกวันก็ทะเลาะกันอยู่แบบนี้ ไอ้ผมก็อดไม่ได้ที่จะตอบ แต่ต่อจากนี้ไป ผมจะไม่ตอบแล้ว เพราะเขาไม่ใช่คู่กรณีกับผม เขาไปเป็นคู่กรณีกับกระบวนการยุติธรรม วันนี้ถ้าอยากจะทำอะไรก็ทำไป ถ้าสังคมยอมรับได้ ผมก็รับได้ จะมาชวนกันต่อต้านอะไรตรงไหน กฎหมายเขาว่าอย่างไร ถ้าผิดกฎหมายผมก็จับกุม ถ้าทุกคนสอนให้เคารพกฎหมาย สอนให้คนปฏิบัติตามหน้าที่ ทุกคนก็จะไม่มีเรื่อง วันนี้ใครทำผิดกฎหมายก็ยังไปโฆษณาให้คนที่ทำผิดเหล่านั้น มันเรื่องอะไรกันเล่า ก็ปล่อยให้เขาไปต่อสู้กันในชั้นศาล ถ้าศาลตัดสินออกมาว่าไม่มีความผิด หลุดออกมาแล้วก็จบถือว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ จะมาเชียร์กันอย่างไรก็เชียร์กันไปเถอะ วันนี้ยังคลุมเครือเดี๋ยวก็เกิดปัญหากลายเป็นการกดดันเจ้าหน้าที่อีก"

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ทุกวันนี้เราต้องทำตัวของเราเองให้ดีที่สุดทุกเรื่อง อย่าไปติคนอื่น ต้องเริ่มที่ตัวเราเองก่อน อย่างตนก็เร่ิมที่ตัวเองก่อน พยายามปรับปรุงตัวเอง พยายามทำงานให้มากขึ้น โมโหให้น้อยลง แต่ถ้าทุกคนไม่ยอมปรับตัวเองให้คนอื่นมาชี้นำตลอด ให้คนมาคอยพูดมันก็เบื่อ คนพูดก็เบื่อ คนฟังก็เบื่อ แล้วก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาสักอย่าง ทุกวันนี้มันยุ่งพออยู่แล้ว ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความมั่นคง ทุกๆ เรื่องมีปัญหาทั้งหมด หรือคิดว่าทุกอย่างยังปกติก็ไม่รู้
"วันนี้มันยังไม่ปกติทุกคนก็ต้องช่วยผม เพราะผมกำลังทำสิ่งที่ไม่ปกติให้เป็นเรื่องปกติ ทั้งเรื่องของรัฐธรรมนูญ การปฏิรูปประเทศ เราต้องช่วยกันหาทางออก เดี๋ยวก็สามารถทำกันจนได้ วันนี้เอาส่วนที่เห็นตรงกันมาทำก่อน ถ้าเอาสิ่งที่เห็นไม่ตรงกันมาเริ่มก่อน ก็ไปตรงไหนไม่ได้อยู่ดี เพราะฉะนั้น อย่าไปช่วยกันขยายความขัดแย้ง ผมรู้ว่าสื่อไม่มีเจตนา เพียงแต่ก็ต้องเสนอข่าวในทุกมิติ แต่บางมิติมีผลกระทบต่อการทำงาน มีผลกระทบต่อความมั่นคง ก็ต้องเบาลงหน่อยเท่านั้นเอง"

ไม่มีความคิดเห็น: