PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เสรีภาพที่ไม่รู้จัก


Pipob Udomittipong
3 ชม.
อาจเป็นไปตามกฎ Maslow สำหรับคนที่ได้รับการตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานแล้ว “เสรีภาพ” อาจเป็นเป้าหมายสำคัญของชีวิต แต่สำหรับคุณปักเยียนมี (Yeonmi Park) หนึ่งใน defectors ที่หนีจากเกาหลีเหนือ เธอบอกว่าไม่รู้จักเสรีภาพ ไม่เข้าใจว่ามันเป็นอย่างไร และจะใช้มันยังไง เหตุที่เธอหนีข้ามมาจีน ถูกจับแต่งเป็นเมียคนจีน เกือบถูกข่มขืน ไม่ได้เพราะต้องการแสวงหาเสรีภาพ แต่เพราะทั่นผู้นำทำให้ประชาชนเกาหลีเหนือไม่มีจะกิน ทำให้คนที่นั่นคอยแต่รับฟังคำสั่ง ไม่เห็นความสำคัญของการแสดงความเห็น
คุณปักเยียนมีบอกว่า หลังจากหนีจนไปถึงเกาหลีใต้ คำถามต่าง ๆ ทำให้เธอสับสนมาก มีแต่คนถามว่าเธอจะทำอย่างไรกับชีวิต เธอมีเป้าหมายอย่างไร อยากทำงานหรืออยากเรียนอะไร เธอบอกว่าไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาต้องถามคำถามเหล่านั้น ตอนอยู่เกาหลีเหนือไม่เคยมีใครให้ความสำคัญกับ “ความเห็น” ของเธอเลย “ไม่เคยมีใครถามฉันว่าคิดอย่างไร? ไม่เคยมีใครแคร์ว่าฉันคิดอย่างไรกับชีวิต และฉันเองก็ไม่รู้ว่าความเห็นของตัวเองสำคัญอย่างไร บอกมาเถอะว่าอยากให้ฉันทำอะไรบ้าง ฉันจะทำทุกอย่างที่คุณบอก มันไม่สำคัญอะไรกับฉันเลย ฉันได้แต่วิงวอนพวกเขาว่า ได้โปรดเถิดช่วยบอกมาเลยว่าจะให้ทำอะไรบ้างกับชีวิตฉันเอง ฉันสับสนมาก”
ครับ พลันที่คุณปักเยียนได้รับ “เสรีภาพ” สามารถเลือกจะทำอะไรต่าง ๆ ในชีวิตได้อย่างเสรี เธอกลับไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี เหมือนกับนกที่ถูกขังในกรงนาน ๆ พอเปิดประตูกรง มันกลับไม่ยอมออกมา หรือยอมออกมาแบบกล้า ๆ กลัว ๆ สักพักก็กลับเข้าไปอยู่ในกรงเหมือนเดิมด้วยความคุ้นเคย เกาหลีเหนือเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จมาในการทำให้เสรีภาพกลายเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นสำหรับชีวิต และบางประเทศกำลังตามไป หนังสือเล่มใหม่ของคุณปักเยียนมี น่าอ่านนะครับ
“Nobody asked me, what you think? Nobody cared what I thought in my life. And I didn't know that mattered, my opinion. And I said, why does it matter? Just tell me what to do. I'll do whatever you say. It doesn't really matter to me. And I really begging them, and I was hoping there was somebody tell me what to do with my life. So it was big lost. I felt lost there.”
บทสัมภาษณ์ Yeonmi Parkhttp://www.npr.org/templates/transcript/transcript.php…

ไม่มีความคิดเห็น: